
'อนุทิน' นายกฯ สั่งทุบ 'สน.สามเสน' ทิ้ง หลังโครงสร้างวิกฤต เสาเข็มหัก และดินสไลด์ไม่หยุด รฟม.-ผู้รับเหมา รับผิดชอบค่าใช้จ่าย 40 ล้านบาท พร้อมเริ่มรื้อถอนลดน้ำหนักอาคารทันที พร้อมเลื่อนเปิดผิวจราจรไม่มีกำหนด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า กรณีเกิดเหตุการณ์ถนนทรุดตัวอย่างรุนแรงบริเวณถนนสามเสน ใกล้กับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่ออาคารใหม่ของ สน.สามเสน โดยผู้เชี่ยวชาญได้มีการตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพบว่าฐานรากและโครงสร้างอาคารได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการทุบทำลายอาคาร สน.สามเสน ดังกล่าว โดยเร็วที่สุด หลังจากที่ได้มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพบว่า โครงสร้างอาคารอยู่ในสภาวะไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการค้นพบรอยร้าวรุนแรงเพิ่มเติม เสาเข็มหัก และมีการหลุดเสียศูนย์ของโครงสร้าง รวมทั้งยังคงพบปัญหาดินสไลด์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลว่าอาคารจะไม่ปลอดภัยต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และผู้ที่มาติดต่อราชการ
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์กรณีลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาถนนทรุดตัวที่ถนนสามเสน ได้รับรายงานเกี่ยวกับการทุบ สน.สามเสน บ้างหรือไม่ว่า ถ้าตัวอาคารไม่มีความปลอดภัยอย่างไรก็ต้องรื้อออกไปและสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของงาน เดี๋ยวกรมโยธาธิการและผังเมือง และองค์กรวิชาชีพจะไปตรวจโครงสร้าง เพราะตอนนี้มีเสาเข็มที่ขาดด้วย มองด้วยสายตาเห็นว่าน่ากลัว ตำรรวจสามเสนคงจะมีทำงานใหม่แน่นอน เพราะดูแล้วมันเริ่มหลุดจากศูนย์เราคงไม่ปล่อยให้คนเข้าไปทำงานในอาคารหลังนั้นแน่นอน ได้คุยเบื่องต้นกับ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับจ้างน่าจะเป็นเอกฉันท์ว่า ต้องรื้ออาคารนั้นแล้วสร้างใหม่ขึ้นมา ในความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง ส่วนจะดำเนินการทุบเมื่อไหร่นั้น ก็คงจะเริ่มทุบแล้วแต่รายละเอียดคงต้องไปถามคนที่ดำเนินงาน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมมีความเห็นตรงกันว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นและโครงสร้างที่เกิดความเสียหายเป็นอันตรายต่อผู้ที่จะใช้งานในอนาคต ฉะนั้นแล้วการสร้างใหม่จึงเป็นแนวทางที่เห็นสมควรมากที่สุด และยังไม่พบข้อบ่งชี้ของแฟลตตำรวจหลัง สน.ว่าจะต้องมีการทุบและสร้างใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว เบื้องต้นประเมินว่าอาคารที่ต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วนคืออาคาร สน.เท่านั้น
@'ชัชชาติ'ย้ำซ่อมไม่คุ้มสร้างใหม่ รับเลื่อนเปิดผิวจราจรไม่มีกำหนด
ทางด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงกรณีเตรียมรื้ออาคารใหม่ สน.สามเสน ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายกรัฐมนตรีได้มาเยี่ยมตอนประมาณ 4 ทุ่ม โดยมีข้อสั่งการให้ดูเรื่องสถานีตำรวจให้ดี เพราะมีการทรุดตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อเช้าก็มีการประชุมโดยเป็นคณะกรรมการที่ตั้งมาเสริม เป็นกลุ่มที่มีคณะทำงานด้านเทคนิคทั้งทางตำรวจ รฟม. กรมโยธา และกทม. รวมไปถึงผู้รับเหมาประชุมร่วมกัน
นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการถมทรายเข้าไปประมาณ 3,000 ลูกบาศก์เมตร และพยายามทำเข็มเพิ่มเติมตรงเสาเข็มที่ขาด แต่พบว่ามีบางส่วนที่มีรอยร้าวและมีดินสไลด์ โดยเสาต้นที่ 3 ของสถานีตำรวจมีการชำรุดหรือเสียหายเพิ่มเติม ทำให้ต้องประเมินสถานการณ์กันใหม่
โดยเมื่อเช้าผลประเมินจากฝ่ายเทคนิคคิดว่า ถ้าไม่รื้อถอนตอนนี้จะมีอุปสรรคในการเอาดินกลับคืน และมีความเสี่ยงที่ตึกจะถล่มลงมาระหว่างการแก้ไขได้ ซึ่งทางตำรวจก็ไม่มีความขัดข้อง โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดทาง รฟม. และผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
นอกจากนี้ มีการสั่งการ 6 ประเด็น คือ 1. ให้นำรถออกจาก สน.สามเสน รวมประมาณ 30 คัน และเริ่มเจาะกำแพงด้านหลังอาคาร 2. เริ่มรื้อถอนอาคารบางส่วน โดยจะเริ่มส่วนขวาสุดที่เป็นจุดเสี่ยงเพื่อลดน้ำหนัก 3. เสริมความมั่นคงด้านฝั่งสามเสนที่ติดกับแยกวชิระ เพื่อไม่ให้ดินสไลด์ตัวเพิ่ม 4. เสริมความแข็งแรงของอุโมงค์ใต้ดินด้านล่าง 5. ติดตามประเมินความมั่นคงของแฟลตตำรวจ และ 6. ติดตามความมั่นคงของอาคาร รพ.วชิระ
ซึ่งขบวนการทั้ง 6 กระบวนการนี้ สามารถเริ่มได้เลยตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 4 ต.ค. ส่วนกำหนดการแล้วเสร็จอาจจะคลาดเคลื่อน โดยยังไม่ได้ระบุและวันเวลา แต่เน้นว่าจะต้องยึดความปลอดภัยเป็นหลัก รวมทั้งจะต้องขยายเวลาในการเปิดผิวจรจาจรจากเดิมวันที่ 9 ต.ค. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งการจราจรก็ไม่ได้วิกฤติมากเนื่องจากโรงเรียนปิดอยู่
นายชัชชาติ กล่าวถึงสาเหตุในการรื้อครั้งนี้ เป็นเพราะเริ่มแรกที่หลุมยุบทำให้ดินสไลด์ส่งผลให้เสาต้นที่ 5 ของสน.ชำรุด ซึ่งเป็นเสาหลักในการรับน้ำหนัก และดินสไลด์ ทำให้มีความเสียหายต่อเนื่องเพิ่มเติมมายังเสาที่ 3 ซึ่งไม่ได้เกิดจากการที่คนงานนำเครื่องจักรไปถมทรายบริเวณใต้ สน. จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีมติสั่งรื้อตั้งแต่ข้างบนบางส่วนก่อนลงมา เพื่อให้ลดน้ำหนัก โดยวิธีการรื้อถอนจะแยกเป็นชิ้น ๆใส่รถ และขนออกไปยังพื้นที่ที่รองรับไว้ ซึ่งจะไม่มีการเก็บวัสดุไว้ในพื้นที่เด็ดขาด แต่ก็ต้องใช้เวลา เพื่อความปลอดภัย แต่ตามหลักวิศวกรรมแล้ว ในอนาคตมีโอกาสรื้อทั้งอาคาร สน. เพราะตามอาคารนี้ถือเป็นอาคารใหม่ ความเสียหายที่บิดเบี้ยว ไม่สามารถใช้งานต่อได้ ซึ่งงบประมาณในการซ่อมอาจจะมากกว่าที่ต้องสร้างใหม่
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ส่วนอาคารอื่น ๆ โดยรอบ พบว่าตอนนี้มีความปลอดภัย อย่างกรณีแฟลตตำรวจเก่าที่อยู่ด้านหลัง จากการตรวจสอบมีความปลอดภัย รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนที่เป็รอาคารพานิชย์ โดยเฉพาะรพ.วชิระ ไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรก เนื่องจากมีอุปกรณ์ในการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของอาคารพานิชย์และแฟลตรวมทั้งอุโมงค์ใต้ดินจะต้องมีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด
สำหรับหน้างานในเวลานี้ แม้จะมีฝนตกหนักลงมา ก็ไม่ได้เป็นอุสรรค เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้รองรับเพียงพอต่อการระบายน้ำ
ขณะที่ นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ในเรื่องของข้อสรุปถึงสาเหตุความเสียหาย ยังไม่สามารถประเมินได้ หรือยังไม่มีมติใด ๆ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งกู้สภาพผิวจราจร รวมถึงอาคารรอบข้างก่อน เพื่อไม่ให้ขยายวงกว้างไปกว่านี้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา