
สิงคโปร์ยุติมาตรการช่วยเหลือภาษี 2 บ. เหตุเอี่ยวปรินซ์กรุ๊ป หลังผ่านกฎหมายเฆี่ยนสแกมเมอร์ ชี้ปัจจุบันมี บ.จัดการความมั่งคั่งครอบครัวกว่า 1,300 แห่งไม่ผ่านเกณฑ์ขอยกเว้นภาษี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าการดำเนินการของประเทศสิงคโปร์กับกลุ่มปรินซ์กรุ๊ป ว่าทางการสิงคโปร์ได้ดำเนินการยุติบริการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับบริษัท 2 แห่งซึ่งจัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ บริหารจัดการความมั่งคั่งและกิจการของครอบครัวเพียงครอบครัวเดียว (บริษัทแบบ single family office)โดยบริษัทดังกล่าวนั้นมีความเชื่อมโยงกับปรินซ์กรุ๊ป ตามการเปิดเผยของสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่าปรินซ์ กรุ๊ปเป็นกลุ่มอาชญากรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
นายเฉิน จื้อ ประธานบริษัทปรินซ์กรุ๊ป และพวกพ้องกำลังถูกตำรวจสิงคโปร์สอบสวนในข้อหาฟอกเงิน ตามคำกล่าวอ้างของนายชี ฮ่อง ทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติและรองประธานธนาคารกลางสิงคโปร์ ที่กล่าวในรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา
นายเฉินและผู้ร่วมงานอีกหลายคน รวมถึงพลเมืองสิงคโปร์ 3 คน ถูกทางการสหรัฐฯ คว่ำบาตร เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลฟอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่เกิดจากการหลอกลวงการลงทุนออนไลน์ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม สิงคโปร์ได้ยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (3,727,311,000 บาท) ซึ่งเชื่อมโยงกับบริษัทปรินซ์กรุ๊ปของกัมพูชาและนายเฉิน
นายชีกล่าวว่า สิงคโปร์ปฏิเสธคำขอยกเว้นภาษีบริษัท single family office ประมาณ 3% จากทั้งหมด 1,300 คำขอในช่วงสามปีที่ผ่านมา บริษัทผู้สมัครการยกเว้นภาษีบางรายก็ถอนตัวหลังจากถูกถามคำถามเพิ่มเติม
อนึ่งข่าวมาตรการบังคับด้านภาษีที่สิงคโปร์นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีข่าวก่อนหน้าว่ารัฐสภาสิงค์โปร์ได้ผ่านกฎหมาย เพิ่มการลงโทษคนที่ทำความผิดเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ ด้วยการเฆี่ยน ซึ่งภายใต้กฎหมายใหม่นี้ คนที่เป็นหัวหน้าขบวนการ คนที่เป็นสมาชิก ต้องรับโทษโดนเฆี่ยนตั้งแต่ 6 ถึง 24 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนผู้ที่ให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น คนที่ไปเปิดปัญชีม้า คนที่ทำหน้าที่ฟอกเงิน หรือจัดหาซิมการ์ด จัดหาข้อมูลบัตรประชาชน มาให้แก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้ อาจโดนลงโทษด้วยการเฆี่ยนสูงสุดถึง 12 ครั้ง
ทั้งนี้ที่สิงคโปร์ คดีหลอกลวงมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของคดีอาชญากรรมที่มีการแจ้งความโดยในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงครึ่งแรกของปี 2568 พบว่ามีคดีหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์เกิดขึ้นในสิงคโปร์กว่า 190,000 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 3,700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยราว 92,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา