
‘อนุทิน’ เรียกหน่วยงานความมั่นคง ประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล ถก สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพภาคที่ 2 รายงาน กัมพูชายิง BM-21 ลงพื้นที่บ้านเรือนประชาชนฝั่งไทย บริเวณบ้านสายโท 10 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ‘โฆษกกองทัพบก’ เผย กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย เหตุปะทะบริเวณช่องบก อุบลฯ
สืบเนื่องจากกรณีเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณ ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.68 ส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย ซึ่งต่อมากองทัพภาคที่ 2 ประกาศให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อพยพไปยังศูนย์พักพิง
อ่านข่าวประกอบ : กองทัพภาค 2 แจ้งอพยพปชช.แนวชายแดน-ทบ.เผยกัมพูชายิงทหารไทยจึงทำการปะทะตามกฎการใช้กำลัง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ปรับแผนการเดินทาง จากเดิมจะลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันนี้ (8 ธ.ค.68) เปลี่ยนเป็นเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อหาแนวทางการปัญหาสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น มาตรการใช้กำลัง การอพยพ และการแสดงท่าทีของไทยต่อนานาชาติ
ด้านพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในช่วงเช้ามืดวันนี้ได้มีการปะทะในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารกัมพูชาได้ทำการยิงด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้งตั้งแต่เวลาโดยประมาณ 05.05 น. จนถึงปัจจุบัน ซึ่งฝ่ายไทยได้ตอบโต้ตามกฎการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้ง และเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กองทัพบกได้รับรายงานว่าทหารไทยถูกโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุนทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 4 นาย
พล.ต.วินธัยกล่าวว่า ยังได้กล่าวว่าปัจจุบันฝ่ายไทยได้เริ่มใช้อากาศยานเข้าโจมตีต่อเป้าหมายทางทหาร ในหลายพื้นที่เพื่อยับยั้งการโจมตีของอาวุธยิงสนับสนุนของทหารกัมพูชา
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์บริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับมาตราการรักษาความปลอดภัย อาคารสถานที่ราชการที่สำคัญ และป้องกัน ขัดขวาง การปฏิบัติของฝ่ายตรงข้าม ที่มุ่งสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สิน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 08.30 น. กัมพูชาทำการยิงด้วย BM21 ลงพื้นที่บ้านเรือนประชาชนฝั่งไทย บ้านสายโท 10 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ยังไม่ได้รับรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย กองทัพจะปกป้องประชาชนและอธิปไตยเต็มกำลัง
กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ว่า มีการปะทะกันพื้นที่ช่องอานม้า, เนิน 677, ห้วยตามาเรีย และพื้นที่คนาปราสาทตาเมือน สถานการณ์ในพื้นที่ยังติดพันการรบ
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและกำลังพลทุกนายงดเผยแพร่ภาพ ข้อมูลการปฏิบัติการทางทหาร เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญถูกนำไปวิเคราะห์ต่อยอด จนกระทบความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติในพื้นที่และความมั่นคงของประเทศ
สำหรับกำลังพล ทุกระดับชั้น ห้าม เผยแพร่ข้อมูลอาวุธ แผนปฏิบัติ วิธีการ หรือการเคลื่อนย้ายกำลัง STOP ห้าม ถ่ายภาพที่มีพิกัด GPS หรือเปิดเผยตำแหน่งยุทรการ แม้ข้อมูลบางอย่างอาจ ไม่ใช่ความลับ แต่เมื่อรวมกับข้อมูลอื่น อาจกลายเป็น ภาพรวมยุทธการ ที่ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้ได้ทันที
@ กัมพูชา ยิงอาวุธวิถีโค้ง ใส่ช่องอานม้า
ก่อนหน้านี้ ศูนย์ปฏิบัติการพื้นที่กองทัพบกที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 8 ธ.ค.68 ตั้งแต่เวลา 03.00 – 06.00 น. ดังนี้
- 03.00 น. ภาพข่าวชี้กองกําลังกัมพูชากำหนดเป้าหมายสนับสนุนอาวุธดับเพลิงมุ่งหน้าฝั่งไทย โดยเฉพาะบริเวณท่าอากาศยานสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ปรากฏภาพข่าวฝ่ายกัมพูชากำหนดเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนมายังฝั่งไทยในพื้นที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์
- 05.00 น.: กองกําลังกัมพูชายิงอาวุธยิงโดยตรงไปยังตำแหน่งของกองกําลังประจําการในพื้นที่ช่องอันมา กองกําลังของเราตอบสนองตามกฎของการมีส่วนร่วม บุคลากรทุกคนปลอดภัย
ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงมายังแนวการวางกำลังของฝ่ายเราในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายเราทำการยิงตอบโต้ตามกฎการปะทะ กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย
- 06.00 น.: กองกําลังกัมพูชายังคงใช้อาวุธปืนทางอ้อมกับฝ่ายของเราในพื้นที่ช่องอันม้า
ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงวิถีโค้งระดมยิงต่อฝ่ายเราในพื้นที่ช่องอานม้าการอพยพประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน มีประชาชนในพื้นที่อำเภอตามแนวชายแดน อพยพออกจากพื้นที่แล้วประมาณร้อยละ 70 มีผู้ที่ลงทะเบียนเข้าศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว จำนวน 35,623 ราย คาดว่าประชาชนบางส่วนเดินทางไปพักอาศัยที่บ้านญาติ และที่เหลืออยู่ระหว่างการเดินทางเคลื่อนย้าย ในระหว่างการอพยพ มีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย ด้วยโรคประจำตัวในพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
พลเรือนประมาณ 70% ถูกอพยพแล้ว มีผู้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ 35,623 คน ณ สถานสงเคราะห์ชั่วคราว เชื่อว่าผู้ที่ไม่ได้เข้าที่พักอาศัยจะพักอาศัยกับญาติ ๆ หรือยังอยู่ในระหว่างการย้ายที่อยู่ ระหว่างอพยพในพื้นที่อำเภอน้ำยืน มีพลเรือนเสียชีวิต 1 รายขณะเคลื่อนย้าย
@ ไทม์ไลน์ เคลื่อนกำลัง-อาวุธหนัก
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.68 เวลา 23.00 น.
สถานการณ์ทหารกัมพูชามีการเตรียมความพร้อมสู้รบขั้นสูงสุด จากกรณีปะทะที่พลาญหินแปดก้อน และยังเตรียมความพร้อมรบตลอดแนวชายแดน มีการสร้างที่กำบังเพิ่มเติม, เสริมความแข็งแรงที่มั่น, ค้นหาวัตถุระเบิดในพื้นที่รับผิดชอบ, ลำเลียงกับระเบิดเก็บในที่กำบัง, ปิดโทรศัพท์มือถือ และเตรียมการต้อนรับผู้บังคับบัญชาที่จะเข้ามาบัญชาการรบ รวมทั้งยังเฝ้าตรวจการปฏิบัติของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้รถถัง, Drone และการทำถนนบริเวณหน้าแนว
ความเคลื่อนไหวที่สำคัญ
- พื้นที่ตรงข้ามช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ : ทหารกัมพูชาประจำพื้นที่ บ.จุ๊บโกกีคางเกิด ได้รับคำสั่งให้ลำเลียงกับระเบิดไปเก็บในที่กำบัง
- พื้นที่ตรงข้าม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ : ทหารกัมพูชาที่ประจำการพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ้างว่าได้ทำการยิงทำลาย Drone ของฝ่ายไทยได้ 1 ลำ
- พื้นที่ตรงข้าม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ : ทหารกัมพูชามีการสั่งการให้กำลังพลประจำแนวทุกคน ห้ามเปิดใช้อินเตอร์เน็ตเด็ดขาด และห้ามถ่ายรูประหว่างปฏิบัติภารกิจ ลงสื่อทุกช่องทาง นอกจากนั้นยังสั่งการหน่วยขึ้นตรง ตั้งแต่วันนี้ให้กำลังพลพื้นที่หน้าแนวทำความสะอาดอาวุธ, ที่กำบัง และฐานที่ตั้งให้เรียบร้อย เนื่องจากในช่วงนี้หน่วยเหนือจะเริ่มทำการตรวจความพร้อมรบของกำลังพล
- พื้นที่ตรงข้ามช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี : ผู้บังคับบัญชาฝ่ายกัมพูชา สั่งการทหารกัมพูชา ที่เดินทางออกนอกที่ตั้งให้เดินทางกลับมาภายในวันที่ 9 - 10 ธ.ค. 68 หากฝ่ายกัมพูชามีการใช้ BM-21 จะใช้บริเวณพื้นที่ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ก่อน
@ กัมพูชาขน BM-21 - ผู้บัญชาการรบเข้าพื้นที่
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 8 ธ.ค.68 เวลา 05.00 น.
- เวลา 22.00 น. ในพื้นที่ช่องคะนา และช่องระยี ตรวจพบการเคลื่อนย้าย ถ. T - 55 ของฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย รวมทั้งการอพยพ ประชาชนกัมพูชา ออกจากแนวชายแดน
- เวลา 23.00 น. ทหารกัมพูชามีการเตรียมความพร้อมสู้รบขั้นสูงสุด จากกรณีปะทะที่พลาญหินแปดก้อน และยังเตรียมความพร้อมรบตลอดแนวชายแดน มีการสร้างที่กำบังเพิ่มเติม, เสริมความแข็งแรงที่มั่น, ค้นหาวัตถุระเบิดในพื้นที่รับผิดชอบ, ลำเลียงกับระเบิดเก็บในที่กำบัง, ปิดโทรศัพท์มือถือ และเตรียมการต้อนรับผู้บังคับบัญชาที่จะเข้ามาบัญชาการรบ รวมทั้งยังเฝ้าตรวจการปฏิบัติของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการใช้รถถัง, Drone และการทำถนนบริเวณหน้าแนว
- เวลา 00.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และช่องอานม้า ตรวจพบการเคลื่อนย้าย จลก. RM – 70 ของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร รวมทั้งการอพยพ ประชาชนกัมพูชา ออกจากแนวชายแดน
- เวลา 01.00 น. ในพื้นที่ช่องจอม และช่องเสม็ด ตรวจพบการเคลื่อนย้าย จลก. BM.- 21 และ Type – 90 B ของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย รวมทั้งการอพยพ ประชาชนกัมพูชา ออกจากแนวชายแดน
- เวลา 03.25 น. ตรวจพบทหารกัมพูชาสั่งการให้กำหนดเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุน เล็งมาในพื้นที่ บ้านกะชายน้อย ตำบล ปราสาท อำเภอ บ้านด่าน ห่างจากท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ประมาณ 13 กม. และบ้านจรูกแขวะ ตำบล โคกยาง อำเภอปราสาท สุรินทร์ ห่างจากชายแดน 31 กม.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา