
ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สมชาติ เรืองเดช' อดีตหน.ไปรษณีย์บางปะกง นำเงินไปเป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริต ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 พิพากษา ลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน หลังรับสารภาพ พฤติการณ์คดีร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสมชาติ เรืองเดช เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าไปรษณีย์บางปะกง (ระดับ 8) สำนักงานไปรษณีย์เขต 2 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำเงินของที่ทำการไปรษณีย์บางปะกงไปเป็นประโยชน์ของตน หรือของผู้อื่นโดยทุจริต ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และ 11 และ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาว่า นายสมชาติ เรืองเดช จำเลย มีความผิดตามกฏหมาย
ลงโทษจำคุก 5 ปี
จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี จำเลยอาศัยโอกาสในหน้าที่เบียดบังเงินจำนวนมากไปจากผู้เสียหาย พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง แม้ผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนไปแล้วก็ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ระบุว่า ผู้ใดเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อทําจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสียต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจําคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา