กสทช.แจ้งเตือนสื่อมวลชนเรื่องการระมัดระวังการนำเสนอข่าวเพลิงไหม้รสบัสทัศนศึกษา หากพบกการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์-สิทธิของเด็ก-ซ้ำเติมผู้เสียหาย สั่งระงับการออกอากาศทันที
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 นายฉันทพัทธ์ ขำโคกกรวด นักวิชาการนโยบายและแผนเชี่ยวชาญพิเศษ รักษาการแทน รองเลขาธิการ ปฏิบัติการแทน เลขาธิการ กสทช. ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้รับโบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ระบุว่า
ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้แจ้งเวียนแนวปฏิบัติในการนำเสนอเนื้อหารายการเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งต้องดำเนินการให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ซึ่งเป็นกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการ และเงื่อนไขการประกอบกิจการในข้อ 14 (30) ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการกระจายเสียงและโทรทัศน์ พ.ศ. 25555 และต่อมาปรากฏเหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนบนถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นเด็กและบุคคลในครอบครัวเป็นจำนวนมาก นั้น
สำนักงาน กสทช. โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาศัยอำนาจตามข้อ 19 ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการกระจายเสียงและโหรทัศน์ พบศ. 2555 ขอให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ตรวจสอบการนำเสนอเนื้อหารายการมิให้มีข้อมูล เนื้อหา ภาพ หรือการสัมภาษณ์ที่บ่งชี้ถึงตัวตนของเด็ก รวมถึงการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิของเด็ก ส่งผลกระทบหรือเป็นการช้ำเติมสภาวะทางจิตใจ ตลอดจนนำไปสู่การตอกย้ำความทุกข์โศกของของบุคคลในครอบครัวและสังคม ทั้งนี้ ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ใช้ความระมัดระวังอย่างสูง หากปรากฏว่ามีเนื้อหาในลักษณะข้างต้น ขอให้ระงับการออกอากาศเนื้อหารายการดังกล่าวโดยทันที
ทั้งนี้ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการ และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปจึงเรียนมาเพื่อถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป