
มท.สรุปตัวเลขสมรสเท่าเทียม หลังเดินหน้านโยบายวันแรก พบมีคู่จดทะเบียนใหม่ 1,754 คู่ จาก 878 อำเภอทั่วประเทศ เผยเขตปทุมวันมีคู่จดทะเบียนมากที่สุด ขณะ ‘เศรษฐา’ โต้ ‘ทรัมป์’ ชี้ไทยหัวใจใหญ่กว่าสหรัฐฯ หลัง ปธน.สหรัฐฯ อ้างในประเทศมีแค่ 2 เพศเท่านั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2568 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนผู้จดทะเบียนสมรสสำหรับทุกความรักทั่วประเทศ ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมาย "สมรสเท่าเทียม" ซึ่งมีผลใช้บังคับวันนี้เป็นวันแรก ด้วยบริการด้านการทะเบียนบนหลักความเสมอภาคและเท่าเทียม เปิดประตูสู่การยอมรับเพศที่หลากหลายอย่างแท้จริงของประเทศไทย
สำหรับผลการให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ณ วันที่ 23 ม.ค. 68 เวลา 16.30 น. พบว่า มีคู่รักเดินทางมาจดทะเบียนสมรส "1,754 คู่" โดยสำนักทะเบียนที่มีคู่รักเดินทางมาจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมมากที่สุด ได้แก่ สำนักทะเบียนเขตปทุมวัน
ทั้งนี้ คู่รักที่ยังไม่ได้เดินทางมาจดทะเบียนสมรสในวันนี้ สามารถเดินทางขอรับบริการได้ ณ สำนักทะเบียนทุกแห่ง ในวันและเวลาราชการ
เอกสารที่ต้องจัดเตรียมสำหรับการจดทะเบียนสมรส ได้แก่
1. บัตรประชาชนตัวจริง หรือสำเนาหนังสือเดินทาง
2. หนังสือรับรองโสด (กรณีสมรสกับชาวต่างชาติ)
3. ใบสำคัญการหย่าตัวจริง (กรณีเคยจดทะเบียนสมรส)
4. พยาน 2 คน (พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน)
"วันนี้ ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลไทยทั่วโลก ก็ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสมรสแก่คู่รักเพศที่หลากหลาย และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองก้าวใหม่ของสังคมไทยไปพร้อมกัน” น.ส.ไตรศุลีกล่าว
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน ‘วันสมรสเท่าเทียม’ ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ไทยจารึกไว้ จากการเดินทางมา 20 ปี เพื่อให้ทุกคนสามารถแสดงออกถึงความรัก โดยไม่จำกัดเพศสภาพ สามารถเชิดหน้าชูตาในสังคมได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เมื่อสักครู่เอกอัครราชทูตท่านหนึ่งบอกกับตนเองว่า ไม่ต้องเตรียมสคริปต์ เพราะมาจากใจ มีหลายเรื่องที่อยากจะพูด แต่การมีสคริปต์ก็เพื่อเตือนความจำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนเองและพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด
“ขอเน้นเรื่องเท่าเทียม ไม่ใช่เหนือกว่าคนอื่น การใช้เวลานานขนาดนี้ อาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจและอาจมีการเรียกร้องสิทธิ์ให้เหนือกว่าความเท่าเทียมเป็นสิ่งพื้นฐานของทุกคน ทุกคนควรมีความเท่าเทียมเรื่องเพศสภาพ ตนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนเข้าการเมือง ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้เป็นเหตุผลหลักไม่แพ้เรื่องเศรษฐกิจ ที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด ตนเองไม่อยากใช้คำว่าชุบมือเปิบกับความสำเร็จที่พวกเราได้เดินทางมาไกล เพราะมีหลายพรรคการเมืองหลายรัฐบาลที่พยายามผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง” อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว
นายเศรษฐายังกล่าวต่อว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศหนึ่ง (นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา) ท่านประกาศชัดเจนว่ามี 2 เพศเท่านั้นในประเทศท่าน คงไม่ใช่ความเหมาะสมที่ตนจะมากล่าวขัดแย้งกับประเด็นนี้ ขอใช้คำว่าเรามีประชากร 68 ล้านคนถึงแม้ขนาดเศรษฐกิจไม่ได้ใหญ่เท่าเขา ภายใต้การนำของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เชื่อว่าเราหัวใจใหญ่กว่า เรายอมรับกับคนที่อยากจะเป็น เราให้เกียรติ ให้เวที ให้พื้นที่พวกเขา อย่างที่พวกเขาสมควรที่ได้รับ แม้จะเป็นการรอคอยนานกว่า 20 ปี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา