
กสม.เผยผลตรวจสอบก่อสร้างโรงงานหลอมอะลูมิเนียมที่กาญจนบุรี ปกปิดข้อเท็จจริง ไม่ทำประชาคม ทำ ปชช.เดือดร้อน แนะผู้ก่อสร้างโรงงานทำให้ถูกระเบียบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.30 น. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนางสาวหรรษา หอมหวล เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 8/2568 ในประเด็นที่ กสม. ตรวจสอบการก่อสร้างโรงงานหลอมอะลูมิเนียมโดยปกปิดข้อเท็จจริง กระทบสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ แนะหน่วยงานกำกับดูแล
โดยนางสาวหรรษา หอมหวล เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีการก่อสร้างโรงงานหลอมและหล่ออะลูมิเนียมในพื้นที่ชุมชนบ้านนาใหม่ หมู่ที่ 5 ตำบลวังไผ่ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรีโดยไม่ทำประชาคมหรือรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ได้เริ่มถมดินและเตรียมก่อสร้างโรงงานไปแล้วบางส่วน ทำให้ประชาชนในพื้นที่กังวลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานที่ตั้งของโรงงานอยู่ใกล้แหล่งน้ำที่สำคัญ และห่างจากชุมชนเพียง 2 กิโลเมตร แม้ในเวลาต่อมา
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ผู้ถูกร้องได้นัดทำประชาคมกับชาวบ้านในพื้นที่ ณ ศาลาประชาคมของหมู่บ้าน เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงาน แต่ประชาชนเกรงกลัวอิทธิพลจึงไม่กล้ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเรื่องดังกล่าว ซึ่งอาจกระทบต่อกระบวนการมีส่วนร่วมและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน จึงขอให้ตรวจสอบ
กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า กิจการหลอมหล่ออะลูมิเนียมของผู้ถูกร้องซึ่งใช้เศษอะลูมิเนียมเป็นวัตถุดิบ และใช้ขี้เลื่อยอัดแท่งเป็นเชื้อเพลิง เข้าข่ายเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่ต้องควบคุม ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และโรงงานที่ใช้เป็นอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ต้องได้รับการอนุญาตจากองค์การบริหารส่วนตำบลวังไผ่ (อบต. วังไผ่) รวมทั้งเป็นโรงงานจำพวกที่ 3 ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ที่ต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี (สอจ. กาญจนบุรี)
ซึ่งก่อนการได้รับอนุญาตจะต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจากการตรวจสอบของ กสม. พบข้อเท็จจริงว่า ก่อนจัดรับฟังความคิดเห็นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ผู้ถูกร้องได้จัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการประกอบกิจการ รวมทั้งกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ อบต. วังไผ่ พิจารณาความเหมาะสม และประกาศให้ประชาชนทราบข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงาน กระบวนการผลิต วัตถุดิบ และการป้องกันมลพิษ ต่อมา เมื่อผู้ถูกร้องได้จัดอภิปรายสาธารณะเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567
โดยมีผู้แทนหน่วยงานราชการ สถานศึกษา วัด และประชาชนในเขตตำบลวังไผ่เข้าร่วมประมาณ 80-100 คน ประชาชนบางส่วนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหามลพิษที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน ซึ่งผู้ถูกร้องชี้แจงว่าได้กำหนดมาตรการป้องกันไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดำเนินการของผู้ถูกร้องจะเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ปรากฏว่าลักษณะของเตาหลอมที่ติดตั้งไว้ในอาคารโรงงานเป็นเตาหลอมสำหรับใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องแจ้งในการประชุมรับฟังความคิดเห็นว่าจะใช้ขี้เลื่อยอัดแท่ง ซึ่งการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงย่อมเกิดปัญหามลพิษมากกว่า และมีวิธีการบำบัดหรือขจัดมลพิษที่เข้มงวดแตกต่างไปจาก
การใช้ขี้เลื่อยอัดแท่งซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล กสม. เห็นว่า การดำเนินการของผู้ถูกร้องถือเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ซึ่งย่อมมีผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมและการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในชุมชน จึงเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ส่วนกรณีที่ผู้ถูกร้องยื่นขอรับการอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานต่อ สอจ. กาญจนบุรี นั้น ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาซึ่ง สอจ.กาญจนบุรีจะต้องจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามขั้นตอนต่อไป จึงยังไม่มีประเด็นที่ กสม. ต้องพิจารณา อย่างไรก็ตาม เป็นหน้าที่ของรัฐตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UNGPs) และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP) ที่ต้องคุ้มครองสิทธิของประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการของภาคธุรกิจและกำกับดูแลให้ประชาชนได้รับทราบรายละเอียดการประกอบกิจการที่เพียงพอและถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อให้สามารถมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุลและยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยให้ผู้ถูกร้องจัดการแก้ไขปรับปรุงเตาหลอมอะลูมิเนียมให้ใช้เชื้อเพลิงชนิดขี้เลื่อยอัดแท่ง ตามที่ได้รับฟังความคิดเห็น และที่ได้แจ้งไว้ต่อ อบต. วังไผ่ และ สอจ. กาญจนบุรี ด้วย
นอกจากนี้ กสม. ยังมีข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยัง อบต. วังไผ่ ให้ตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ของคำขอรับการอนุญาตให้ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประเภทหลอมหล่ออะลูมิเนียมของผู้ถูกร้องให้ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนและเนื้อหาการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจสอบสถานที่ตั้ง สภาพแวดล้อมของสถานประกอบกิจการ ก่อนการพิจารณาให้อนุญาต และให้สอจ. กาญจนบุรี ตรวจสอบความครบถ้วนสมบูรณ์ของคำขอรับการอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานหลอมหล่ออะลูมิเนียมของผู้ถูกร้องให้ถูกต้องเช่นเดียวกัน และจัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วยการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานของผู้ถูกร้อง โดยให้ทั้งสองหน่วยงานนำข้อเท็จจริงตามรายงานการตรวจสอบฉบับนี้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาให้อนุญาตด้วย
พร้อมกันนี้ กสม. ได้เสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดฝึกอบรมสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชน หลักการ UNGPs การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) รวมถึงแผน NAP ให้แก่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปเพื่อคุ้มครองให้การประกอบธุรกิจของภาคเอกชนไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่ยื่นคำขออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน จัดทำ HRDD โดยเฉพาะการกำหนดช่องทางแจ้งเรื่องร้องเรียนและการเยียวยาความเสียหายด้วย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา