ธนาคารแห่งนี้มีประวัติเกี่ยวกับการทุจริต การฟอกเงิน และกลอุบายทางการเมืองมาอย่างยาวนาน โดยในช่วงที่นายคูมานเบ็ก บาคิเอฟ (Kurmanbek Bakiev) ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคีร์กีซ ปรากฏว่าลูกชายของเขา นายมักซิม บาคิเอฟได้ใช้ธนาคารแห่งนี้ดำเนินการฟอกเงินหลายล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินที่ดูดมาจากกองทุนสังคมของคีร์กีซสถาน
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอกรณีกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรธนาคารจากคีร์กีซสถาน ในข้อกล่าวหาว่ามีส่วนช่วยรัสเซียเลี่ยงการคว่ำบาตร ซึ่งการคว่ำบาตรต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย ณ เวลานี้ นั้นถูกวิจารณ์ว่าเป็นความพยายามทิ้งทวนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก่อนที่จะลงจากตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.
ตามรายงานของสำนักข่าวเครือข่ายผู้สื่อข่าวที่รายงานเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมและการทุจริต หรือ Organized Crime and Corruption Reporting Project (OCCRP) รายงานข่าวกรณีการคว่ำบาตรและธนาคารดังกล่าวว่ามีประวัติอันยาวนานเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงและข้อกล่าวหาการฟอกเงิน ซึ่งตอนนี้ถูกพบว่าธนาคารแห่งนี้อำนวยความสะดวกในการโอนเงินข้ามพรมแดนให้กับธนาคารรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรก่อนหน้านี้
OCCRP ตรวจสอบพบข้อมูลว่าธนาคารดังกล่าวนั้นมีชื่อว่าธนาคารเคเรเมท (Keremet) ตอนนี้มีเจ้าของคือบริษัทในลักเซมเบิร์ก แต่ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารนี้มีเจ้าของคือชาวยูเครนชื่อว่านายยูริ มักซาคอฟ (Yuriy Maksakov) และเปลี่ยนชื่อเป็นนายจอร์จ รอสซี (George Rossi) โดยเขาเป็นเจ้าของธนาคารจนถึงปี 2565
ข่าวคว่ำบาตรจอร์จ รอสซี (อ้างอิงรูปภาพจากสำนักข่าวการ์เดียน)
สำหรับประวัติของนายรอสซีพบว่าถูกคว่ำบาตรเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยข้อกล่าวหาว่าเข้าควบคุมโครงข่ายนานาชาติของธุรกิจและพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดการคว่ำบาตรเพื่อเอื้อชนชั้นสูงรัสเซีย
ขณะเดียวกัน สำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติอังกฤษ ก็ได้รายงานกรณีการทลายเครือข่ายการฟอกเงินของรัสเซีย สองเครือข่าย จับกุมผู้ต้องสงสัย 84 คน และยึดเงินสดและเงินสกุลดิจิทัล 23 ล้านยูโร (816,983,000 บาท) โดยหนึ่งในเครือข่ายชื่อว่า THR Group ซึ่งทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯเชื่อว่าเครือข่ายนี้มีผู้ดำเนินงานคือนายรอสซี ที่ยังไม่แสดงความเห็นใดๆเกี่ยวกับข้อหาของเขา ณ เวลานี้
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่าตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2567 เจ้าหน้าที่จากธนาคารเคเรเมทได้มีการประสานงานกับทางการรัสเซียเพื่อดำเนินการโอนเงินระหว่างประเทศในนามของธนาคารรัสเซียชื่อว่าธนาคารพรอมสเวียซแบงก์ (PSB) ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐ และธนาคารแห่งนี้ยังถูกคว่ำบาตรโดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ตั้งแต่เดือน ก.พ.2565
เหตุผลของการคว่ำบาตรก็เนื่องจากธนาคาร PSB ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของรัสเซีย และดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาด้านกลาโหมจำนวนหลายสัญญา นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่า PSB จัดหาเงินนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนคอมเพล็กซ์อุตสาหกรรมทางทหารของรัสเซีย
หน้าเว็บธนาคารคาราเมต
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังกล่าวหาว่านายอิลัน ชอร์ มหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลหรือโอลิการ์ชที่รัสเซีย-มอลโดวาซึ่งถูกคว่ำบาตร มีส่วนร่วมในการหารือเกี่ยวกับบทบาทของธนาคารคาราเมต เพื่อดำเนินแผนการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร นายชอร์ถูกตัดสินจําคุก 15 ปีในข้อหายักยอกเงินและฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (34,319,987,200 บาท) จากธนาคารมอลโดวา ซึ่งตัวหลบหนีออกนอกประเทศและเชื่อกันว่าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของมอลโดวาเมื่อปีที่แล้ว
การคว่ำบาตรดังกล่าวส่งผลทำให้ธนาคารคาราเมตออกมาประกาศว่าถึงเจตนาว่าจะขออุทธรณ์ต่อกรณีถูกคว่ำบาตร โดยธนาคารยืนยันว่าได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดในการตรวจสอบ ปฏิบัติตามกฎหมายระดับชาติและระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงยึดมั่นในหลักการของความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
ส่วนทางรัฐบาลคีร์กีซสถานแสดงความประหลาดใจต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ และขอให้มีการปรึกษาหารืออย่างเร่งด่วน
สำหรับประวัติของธนาคารคาราเมตถูกก่อตั้งในปี 2540 โดยตอนนั้นใช้ชื่อว่าธนาคารเอเชียยูนิเวอร์แซล
อย่างไรก็ตามธนาคารแห่งนี้มีประวัติเกี่ยวกับการทุจริต การฟอกเงิน และกลอุบายทางการเมืองมาอย่างยาวนาน โดยในช่วงที่นายคูมานเบ็ก บาคิเอฟ (Kurmanbek Bakiev) ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคีร์กีซ ปรากฏว่าลูกชายของเขา นายมักซิม บาคิเอฟได้ใช้ธนาคารแห่งนี้ดำเนินการฟอกเงินหลายล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินที่ดูดมาจากกองทุนสังคมของคีร์กีซสถาน
ต่อมานายมักซิม บาคิเอฟ ก็ถูกตัดสินลับหลังว่ามีความผิด ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต จากกรณีการยักยอกดังกล่าว
หลังจากประธานาธิบดีบาคิเอฟลงจากอำนาจในปี 2553 ธนาคารนี้ก็ถูกทำให้เป็นธนาคารของประเทศ และต่อมาก็ได้มีการขายให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ตามหลังจากขายให้กับนักลงทุนไปแล้ว ก็ปรากฏว่ามีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงินขึ้นมาอีก ทำให้ต้องมีการทำให้เป็นธนาคารของประเทศในรอบที่สอง อย่างไรก็ตามความคืบหน้าการสืบสวนนักลงทุนรัสเซียที่มีพฤติกรรมเป็นอาชญากร จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ชัดเจน
ในเดือน ธ.ค.2565 ทางการคีร์กีซได้ดำเนินการจับกุมรองประธานธนาคารคาราเมต และพนักงานอีกหลายคนในข้อหาฟอกเงิน ฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสาร รองประธานคนดังกล่าวยังพบว่าทำงานให้กับหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติของรัฐของคีร์กีสถานหรือ GKNB ยังต้องโทษปรับแต่ก็ได้รับการปล่อยตัวในช่วงการควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดี
ในเดือน พ.ค.2567 ธนาคารแห่งชาติคีร์กีซสถานได้ขายธนาคารคาราเมตให้กับกระทรวงการคลังคีร์กีซในราคาเกือบ 97 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3,329,038,758) การขายนี้ทําให้ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นตั้งข้อสงสัยว่ามีความผิดปกติบางอย่าง ต่อมาในปีเดียวกัน หุ้น 75% ในธนาคารถูกขายให้กับบริษัท Altair Holding SA บริษัทสัญชาติลักเซมเบิร์ก ซึ่งครั้งหนึ่งนายรอสซีเคยเป็นเจ้าของบริษัทนี้ในขณะที่กระทรวงการคลังคีร์กีซยังคงถือหุ้น 22% ของธนาคารคาราเมต
จากข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ บริษัท Altair Holding S.A. ถูกใช้เพื่อจัดตั้งศูนย์รวมการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรเพื่อผลประโยชน์ของรัสเซีย ความเป็นเจ้าของของบริษัทได้ดำเนินการผ่านบุคคลหลายคน รวมถึงกรรมการที่ได้รับการเสนอชื่อ เจ้าของปัจจุบันมีชื่อว่านายไบรอัน วิลเลียม อเล็กซานเดอร์ ฮอดจ์ (Brian William Alexander Hodge)ชาวอังกฤษอายุ 70 ปีที่มีความสัมพันธ์กับ บริษัท ในรัสเซีย คาซัคสถาน และสหราชอาณาจักร
ข้อมูล บริษัท Altair Holding S.A. ที่ลักเซมเบิร์ก
โดยนายฮอดจ์ไม่ได้ตอบสนองต่อคําขอแสดงความคิดเห็นของสำนักข่าว OCCRP แต่อย่างใด
เรียบเรียงจาก: https://www.occrp.org/en/news/us-sanctions-kyrgyz-bank-over-alleged-russian-sanctions-violations
- ส่องคดีทุจริตโลก: CEO กรมน้ำฯแอลเอ บริหารงานล้มเหลว? ต้นเหตุหัวดับเพลิงไม่ทำงานช่วงไฟป่า
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉแผนทรมาน ปธ.กกต.เกาหลีฯช่วงอัยการศึก บังคับประกาศเหตุโกงเลือกตั้ง สส.