
“…กรณีจึงเห็นได้ว่า คำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นั้น มีอุดมการณ์และความประสงค์ทางการเมืองแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งยังไม่ต้องด้วยกฎหมาย ประเพณีการปกครอง และนโยบายทางสังคมของประเทศไทยในปัจจุบัน…”
...........................................
เป็นประเด็นที่เคยปรากฏเป็นข่าวในช่วงปี 2561
เมื่อ ‘ปฐม ตันธิติ’ ตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และสมาชิกจำนวนหนึ่ง ยื่นเรื่องขอจดจองชื่อเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองในนาม ‘พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย’ แต่ปรากฏว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) โดย นายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่รับจดชื่อพรรคการเมืองในชื่อดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าขัดต่อกฎหมายว่าด้วยเรื่องชื่อพรรคการเมืองฯ
อย่างไรก็ดี ปฐม ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรการเมือง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2) ต่อศาลปกครองกลาง โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ดังนี้
1.เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายทะเบียนพรรคการเมือง) ที่ไม่รับพิจารณาคำขอแจ้งการเตรียมการ จัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ฟ้องคดีตามหนังสือ ด่วนที่สุดที่ สต (ทบพ.) 0015/1678 ลงวันที่ 20 มี.ค.2561 และหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/2353 ลงวันที่ 25 เม.ย.2561 และ
2.ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของผู้ฟ้องคดีในวันที่ 19 มี.ค.2561 ในการยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ชื่อย่อ พ.ค.ท. และชื่อภาษาอังกฤษว่า Communist Party of Thailand ชื่อย่อ CPOT และภาพเครื่องหมายพรรคเป็นรูปค้อนเคียว เป็นพรรคการเมือง ที่ได้รับการจดแจ้งชื่อพรรคโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย
กระทั่งต่อมาในช่วงเดือน เม.ย.2568 ศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ โดยศาลฯพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ว่า คำสั่งของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่มีคำสั่งไม่รับพิจารณาคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยใช้ชื่อว่า ‘พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย’ นั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงขอนำเสนอรายละเอียดคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในคดีนี้ (คดีหมายเลขดำที่ อร.154/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อร.43/2568) ดังนี้
@‘นายทะเบียนฯ’ไม่รับแจ้งเตรียมตั้ง‘พรรคคอมมิวนิสต์ฯ'
ศาลปกครองสูงสุดได้ตรวจพิจารณาพยานหลักฐานในคำฟ้อง คำให้การ คำคัดค้าน คำให้การ คำชี้แจง คำอุทธรณ์ และคำแก้อุทธรณ์แล้ว
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2561 ผู้ฟ้องคดี (นายปฐม) ได้ยื่นคำขอลงวันที่ 18 มี.ค.2561 ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายทะเบียนพรรคการเมือง) เพื่อแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง ชื่อ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ชื่อย่อ พ.ค.ท. และชื่อภาษาอังกฤษว่า Communist Party of Thailand ชื่อย่อ CPOT
โดยมีภาพเครื่องหมายของพรรคการเมือง เป็นภาพค้อนกับเคียวไขว้กันอยู่ในวงกลม มีชื่อพรรคเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ล้อมรอบ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ออกใบรับคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง (แบบ พ.ก. 7/1) ให้แก่ผู้ฟ้องคดีไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/1678 ลงวันที่ 20 มี.ค.2561 แจ้งผู้ฟ้องคดี (นายปฐม) ว่า ไม่รับพิจารณาคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา
เนื่องจากชื่อ ชื่อย่อ และภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองที่ผู้ฟ้องคดีขอจดแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองดังกล่าว ขัดหรือแย้งกับมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่บัญญัติว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ตามมาตรา 18 วรรคสาม ประกอบมาตรา 14 (1) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นด้วย จึงมีหนังสือลงวันที่ 17 เม.ย.2561 ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 พิจารณาทบทวน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 พิจารณาแล้วเห็นว่า การไม่รับพิจารณาคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ฟ้องคดี ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/1678 ลงวันที่ 20 มี.ค.2561 เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
จึงมีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/2353 ลงวันที่ 25 เม.ย.2561 แจ้งผลการพิจารณายืนตามคำสั่งเดิมให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า การไม่รับพิจารณาคำขอ แจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ฟ้องคดี เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง (คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และนายทะเบียนพรรคการเมือง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2)) จงใจละเมิดต่อมาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 25 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
ผู้ฟ้องคดีเพียงยื่นคำขอจดแจ้งชื่อพรรคการเมืองเท่านั้น ยังไม่ได้ กำหนดข้อบังคับ และนโยบายของพรรคการเมือง ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองกล่าวอ้าง
ผู้ฟ้องคดี จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ไม่รับพิจารณาคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ฟ้องคดี ตามหนังสือส่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/1678 ลงวันที่ 20 มี.ค.2561 และคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ยืนตามคำสั่งเดิมตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/2353 ลงวันที่ 25 เม.ย.2561
รวมทั้งให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของผู้ฟ้องคดีในวันที่ 19 มี.ค.2561 ในการยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยใช้ชื่อว่า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ชื่อย่อ พ.ค.ท. และชื่อภาษาอังกฤษว่า Communist Party of Thailand ชื่อย่อ CPOT และภาพเครื่องหมายพรรคเป็นรูปค้อนเคียว เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการจดแจ้งชื่อพรรคโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย
อย่างไรก็ดี ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ผู้ฟ้องคดี (นายปฐม ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด
@ตั้งชื่อ‘คอมมิวนิสต์ฯ’เป็นปฏิปักษ์การปกครองระบอบ‘ปชต.’
ศาลปกครองสูงสุดได้ตรวจพิจารณากฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยแล้ว
คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี (นายปฐม) ว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายทะเบียนพรรคการเมือง) ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/1678 ลงวันที่ 20 มี.ค.2561 ที่ไม่รับคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา และคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/2353 ลงวันที่ 25 เม.ย.2561 ที่ยืนตามคำสั่งเดิมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด พิเคราะห์แล้ว
เห็นว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หมวด 1 การจัดตั้งพรรคการเมือง มาตรา 14 บัญญัติว่า ข้อบังคับต้องไม่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ (2) ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน (3) อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติ (4) ครอบงำหรือเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ
มาตรา 18 วรรคสาม บัญญัติว่า ชื่อ ชื่อย่อ และภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองที่แจ้งตามวรรคสอง ต้องไม่มีลักษณะตามมาตรา 14 และต้องไม่ซ้ำ พ้อง หรือคล้ายคลึงกับชื่อ ชื่อย่อ และภาพเครื่องหมายของพรรคการเมืองที่มีผู้แจ้งตามวรรคหนึ่งไว้แล้วหรือของพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งไว้แล้วหรือที่ยื่นขอจดทะเบียน ตามมาตรา 9 อยู่ก่อนแล้ว
การที่ผู้ฟ้องคดี (นายปฐม) ได้ยื่นคำขอต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 แจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง ชื่อ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ชื่อย่อ พ.ค.ท. และชื่อภาษาอังกฤษว่า Communist Party of Thailand ชื่อย่อ CPOT
โดยมีภาพเครื่องหมายของพรรคการเมือง เป็นภาพค้อนกับเคียว ไขว้กันอยู่ในวงกลม มีชื่อพรรคเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษล้อมรอบ นั้น ชื่อพรรคการเมือง และภาพเครื่องหมายของพรรคการเมือง ที่ผู้ฟ้องคดียื่นคำขอดังกล่าว เป็นที่ทราบกันอยู่โดยทั่วไปว่า เป็นชื่อและเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของลัทธิคอมมิวนิสต์
อันเป็นการบ่งชี้หรือแสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์ทางการเมืองในระบบการปกครอง เศรษฐกิจและสังคมแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งอุดมการณ์ทางการเมืองแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
@คำสั่ง‘นายทะเบียนฯ’ไม่รับจดตั้งพรรคฯ ชอบด้วยกม.แล้ว
ประกอบกับผู้ฟ้องคดี (นายปฐม) ได้ยอมรับในคำคัดค้านคำให้การว่า เดิมผู้ฟ้องคดีกับพวก เคยมีบทบาทเข้าร่วมการต่อสู้ทางการเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่เคลื่อนไหวเพื่อมุ่งประสงค์ต่อสู้คัดค้านอำนาจเผด็จการที่ครอบงำสังคมอยู่
ซึ่งปัจจุบันผู้ฟ้องคดีและพวกดังกล่าว ยังถือว่าตนเองและชาวพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแต่เดิม ยังคงถือเป็นภาระหน้าที่ที่เป็นภารกิจตามที่เคยปฏิญาณต่อประชาชนในสังคมในการยุติวิกฤติความขัดแย้ง สร้างสังคมที่สงบสุขและสมานฉันท์ ให้ความคิดเห็นที่แตกต่างแปลกแยกในสังคมการเมืองได้มีพื้นที่ที่จะแลกเปลี่ยน ถกเถียง และหาทางออกร่วมกันโดยสันติวิธี
การใช้ชื่อ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก็เพื่อทำความเข้าใจกับชาวพรรคคอมมิวนิสต์แต่เดิม ได้ทบทวนให้เห็นภารกิจดังกล่าว ที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้ครบถ้วน จึงไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้ชื่อพรรคการเมืองอื่นๆ หากใช้ชื่อพรรคการเมืองอย่างอื่น ก็ไม่สามารถสื่อสารถึงจุดมุ่งหมายของการสืบสานภารกิจดังกล่าวได้
กรณีจึงเห็นได้ว่า คำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นั้น มีอุดมการณ์และความประสงค์ทางการเมืองแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งยังไม่ต้องด้วยกฎหมาย ประเพณีการปกครอง และนโยบายทางสังคมของประเทศไทยในปัจจุบัน
คำขอของผู้ฟ้องคดีดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 18 วรรคสาม ประกอบมาตรา 14 (1) (2) และ (3) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
ดังนั้น คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายทะเบียนพรรคการเมือง) ตามหนังสือนายทะเบียนพรรคการเมือง ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/1678 ลงวันที่ 20 มี.ค.2561 ที่ไม่รับพิจารณาคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
และคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 แจ้งตามหนังสือนายทะเบียนพรรคการเมือง ด่วนที่สุด ที่ ลต (ทบพ.) 0015/2353 ลงวันที่ 25 เม.ย.2561 ที่ยืนตามคำสั่งเดิม โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเช่นเดียวกับคำสั่งดังกล่าว จึงเป็นคำวินิจฉัยที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีฟังไม่ขึ้น
การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา