
“…เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือ เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต…”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) วันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ มีมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา 256/1 ให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำนวน 2 คณะ ประกอบด้วย 1. กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ 2. กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ คณะละ 35 คน
อ่านข่าวประกอบ : รัฐสภา ลงมติ 328 ต่อ 266 เสียง เห็นชอบ ตั้ง 'กมธ.ร่างรธน.-รับฟังความเห็นฯ' - สูตร '20หยิบ1'
@ เปิดคุณสมบัติ กมธ.ร่างรธน. 35 คน
1. กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน มาตรา 256/3 กำหนดให้ผู้มีสิทธิสมัครรับการคัดเลือกเป็นกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ประการ 1. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันสมัคร และ 3. สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
นอกจากนี้ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย
-
เป็น หรือ เคยเป็น ผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือ วิชาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ในสถาบันอุดมศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ เป็น หรือ เคยเป็น ผู้วิจัยที่มีรายชื่อในโครงการวิจัยของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์
-
เคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลชั้นต้น หรือ เทียบเท่า ซึ่งได้รับเงินเดือนในชั้น 3 มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
-
เคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
-
เคยรับราชการไม่น้อยกว่า 3 ปี ในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอัยการประจำกองหรือเทียบเท่า
-
เคยรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม (นอกจาก ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น /ศาลปกครองชั้นต้น / อัยการประจำกองหรือเทียบเท่า) ไม่น้อยกว่า 5 ปี
-
เคยรับราชการไม่น้อยกว่า 3 ปี ในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าข้าราชการพลเรือน ระดับ 8 หรือ ข้าราชการพลเรือนประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ หรือ ปฏิบัติงานหรือเคยปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ปีในตำแหน่งที่เทียบเท่า ในหน่วยงานของรัฐ องค์การมหาชน หรือ รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ หรือ พระราชกฤษฎีกา
-
เคยดำรงตำแหน่งเป็น สส. สว.รัฐมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรีเทศบาลนคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ นายกเมืองพัทยา และพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนวันสมัคร
-
เป็นผู้ทำงานหรือเคยทำงานในภาคประชาสังคมมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
-
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่มีกฎหมายรับรองการประกอบวิชาชีพมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
-
เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนจำกัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
@ ลักษณะต้องห้าม-เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด 'คดีร่ำรวยผิดปกติ-ทุจริตเลือกตั้ง'
มาตรา 256/4 บุคคลผุ้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับการคัดเลือกเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ
-
ติดยาเสพติดให้โทษ
-
เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือ นักบวช
-
อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
-
อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
-
วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
-
ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
-
เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือ ถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
-
เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือ เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
-
เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือ ผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
-
เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
-
เป็น สส. สว. รัฐมนตรี ข้าราชการการเมืองอื่น หรือ สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
-
เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
-
เป็นผู้สมัครรับการคัดเลือกกมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ
-
เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ (ไม่ใช้บังคับแก่กรณีผู้มีสิทธิสมัครรับการคัดเลือกกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีคุณสมบัติ เป็น หรือ เคยเป็น ผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือ วิชาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ในสถาบันอุดมศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ เป็น หรือ เคยเป็น ผู้วิจัยที่มีรายชื่อในโครงการวิจัยของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์)
-
เป็นพนักงาน ลูกจ้าง หรือ ผู้ปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ ราชการส่วนท้องถิ่น (ไม่ใช้บังคับแก่กรณีผู้มีสิทธิสมัครรับการคัดเลือกกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีคุณสมบัติ เป็น หรือ เคยเป็น ผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือ วิชาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ในสถาบันอุดมศึกษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ เป็น หรือ เคยเป็น ผู้วิจัยที่มีรายชื่อในโครงการวิจัยของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์)
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งการขจัดส่วนได้เสีย ห้ามไม่ให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 2 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
2. กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน มาตรา 256/8 บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครับการคัดเลือกเป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ 2 ประการ 1. มีสัญชาติไทยโดยการเกิด และ 2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี นับถึงวันสมัคร
ขณะที่มาตรา 256/9 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับการคัดเลือกเป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ กำหนด 'ลักษณะต้องห้าม' ไว้เช่นเดียวกันกับ 'กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ' ทุกประการ
รวมถึงการป้องกันการ 'ขัดกันแห่งผลประโยชน์' ห้ามไม่ให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 2 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ พ้นจากตำแหน่งเมื่อ ตาย ลาออก หรือ ขาดคุมสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามการรับสมัคร

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา