
ปี 2568 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนั้นเป็นปีที่มีเหตุการณ์ต่างๆรอบโลกเกิดขึ้นมากมาย และหลายเหตุการณ์ก็อาจมีความสำคัญจนเปลี่ยนแปลงทิศทางของโลก หรือว่าสามารถยุติสิ่งที่ได้ดำเนินมาอย่างยาวนานในช่วงหลายปี อาทิการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งไทยและกัมพูชา การเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ สงครามการค้าที่กระทบไปทั่วโลก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงได้นำเอาข่าวเหล่านี้มานำเสนอในหัวข้อ 10 ข่าวเด่นรอบโลกประจำปี 2568 มีรายละเอียดดังนี้
1.การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์
นายโดนัลด์ ทรัมป์ นับตั้งแต่กลับเข้าทำเนียบขาวเพื่อเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริก ในสมัยที่สองในเดือนมกราคม ได้เปิดฉากนโยบายกีดกันทางการค้า เริ่มการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายจำนวนมาก และพยายามรื้อถอนหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายส่วน
เขามุ่งเป้าไปที่ศัตรูทางการเมือง ส่งหน่วยพิทักษ์มาตุภูมิเข้าประจำการในเมืองที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคเดโมแครต พยายามข่มขู่สื่อ และต่อต้านโครงการความหลากหลายและการเปิดรับ ทรัมป์ยังได้ริเริ่มความพยายามทางการทูตอย่างกว้างขวางซึ่งมีผลลัพธ์ที่หลากหลาย ขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันก็ไม่พอใจมากขึ้นกับปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าครองชีพ และความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ทำให้พรรคของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอม ในฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง (อ้างอิงวิดีโอจาก CNBC)
2.การหยุดยิงที่ฉนวนกาซา
สหรัฐอเมริกา ได้เดินนโยบายสร้างแรงกดดัน จนนำไปสู่การหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส หลังจากการทำสงครามทำลายล้างในฉนวนกาซามาเป็นเวลาสองปีนับตั้งแต่ปี 2566 ทำให้มีการประกาศภาวะอดอยาก และยอดผู้เสียชีวิตสูงถึงเกือบ 70,000 คนภายในสิ้นปี
การสงบศึกทำให้นักโทษตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ชุดสุดท้ายและศพของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ได้กลับคืนสู่อิสราเอล แลกกับการปล่อยตัวนักโทษและผู้ถูกคุมขังชาวปาเลสไตน์
การหยุดยิงยังช่วยให้มีการไหลเวียนของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซาเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของดินแดนนี้เลยก็ตาม ตามที่สหประชาชาติและองค์กรพัฒนาเอกชนด้านมนุษยธรรมระบุ
แต่การเจรจาขั้นตอนต่อไปในแผนสันติภาพของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลดอาวุธของฮามาส กำลังเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
ขณะที่อิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศที่รุนแรงหลายครั้งในกาซาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยข้ออ้างว่าเป็นการตอบโต้การโจมตีของฮามาส
ความตึงเครียดในภูมิภาคยังคงมีอยู่ โดยอิสราเอลยังคงโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอนอย่างต่อเนื่อง
อิสราเอล ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ยังได้เปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงสงคราม 12 วันในเดือนมิถุนายน และต่อมาในเดือนกันยายน อิสราเอลได้พุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ฮามาสในการโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาโดยโจมตีในดินแดนของกาตาร์ จนเป็นเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาสเสียชีวิต
ข่าวการหยุดยิงที่ฉนวนกาซา และการปล่อยนักโทษปาเลสไตน์ (อ้างอิงวิดีโอจากอัลจาซีรา)
3.การเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีที่ทำเนียบขาว ได้กระตุ้นความพยายามในการยุติสงครามในยูเครน ซึ่งเกิดจากการรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซียในปี 2565
นายทรัมป์มักจะแสดงออกด้วยท่าทีความเห็นใจที่สลับกันไปมา โดยบางครั้งก็แสดงความเห็นใจต่อประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และบางครั้งก็แสดงความเห็นใจประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย นี่ทำให้ยูเครนกลัวว่าอาจถูกบังคับให้ทำข้อตกลงตามเงื่อนไขของมอสโก
ในเดือนกุมภาพันธ์ นายทรัมป์ตำหนินายเซเลนสกีที่ห้องทำงานรูปไข่ โดยกล่าวหาว่าเขากำลังเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สามและไม่เคารพชาวอเมริกัน
ต่อมานายทรัมป์ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญกับนายปูตินในเดือนสิงหาคมที่อลาสกา ซึ่งเงื่อนไขในการประชุมสิ้นสุดลงก่อนกำหนด ทำให้วอชิงตันกล่าวหาว่ามอสโกไม่จริงจังกับการยุติสงคราม นายทรัมป์จึงได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรชุดใหญ่ครั้งแรกกับรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม การเจรจาที่มีสหรัฐฯ เป็นคนกลางอีกครั้งได้เกิดขึ้นในปลายเดือนพฤศจิกายน โดยอ้างอิงจากร่างแผนสันติภาพของสหรัฐฯ ซึ่งฉบับแรกเริ่มถูกมองโดยกรุงเคียฟและพันธมิตรยุโรปว่าค่อนข้างเอื้อประโยชน์ต่อมอสโก จนทำให้ต้องมีการแก้ไข
และล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ก็มีข่าวเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างนายทรัมป์และนายเซเลนสกที่รีสอร์ตมาร์-อะลาโก รัฐฟลอริดา โดยนายทรัมป์แถลงต่อผู้สื่อข่าวหลังการประชุมว่า การเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก แต่มีประเด็นที่คาดไม่ถึงเพียงข้อเดียว ที่อาจทำให้ข้อตกลงทั้งหมดพังลงได้ ซึ่งก็คือประเด็นเรื่องภูมิภาคดอนบาส
ด้านนายเซเลนสกีเปิดเผยว่า จากแผนสันติภาพ 20 ข้อ ขณะนี้มีความเห็นพ้องร่วมกันแล้วประมาณร้อยละ 90 โดยเฉพาะในประเด็นด้านความมั่นคงและมิติทางทหาร ซึ่งสหรัฐฯ และยูเครนเห็นตรงกัน อย่างไรก็ตาม อีกร้อยละ 10 ถือเป็นส่วนที่ยากที่สุด โดยเฉพาะชะตากรรมของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย และปัญหาดินแดนพิพาทในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ภาพการเจรจาที่ดำเนินไปในฟลอริดา ตัดกับสถานการณ์จริงในสนามรบอย่างชัดเจน เพราะรัสเซียยังคงโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กรุงเคียฟเพิ่งเผชิญการโจมตีทางอากาศครั้งยาวนานที่สุดของปี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ท่ามกลางสภาพอากาศฤดูหนาวที่รุนแรง
ทรัมป์เจรจากับเซเลนสกี (อ้างอิงวิดีโอจาก BBC)
4.สงครามการค้าโลก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดมาตรการภาษีนำเข้าและกำหนดนโยบายนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดที่ถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ เช่น เหล็ก อลูมิเนียม และทองแดง ทำให้เกิดข้อพิพาททางการค้าที่สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ประเทศเป้าหมาย ที่โดนมาตรการเก็บภาษีสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯหลายประเทศได้มีทั้งการเจรจา หรือดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ส่งผลทำให้เกิดข้อตกลงหลายฉบับ รวมถึงกับสหภาพยุโรปและจีน
อนึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหญ่หลังจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สองไม่นาน
ส่วนในประเทศสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ยังคงเจรจากับเม็กซิโก แต่การเจรจากับแคนาดาถูกระงับหลังจากรัฐหนึ่งของแคนาดาให้ทุนสนับสนุนโฆษณาที่วิพากษ์วิจารณ์มาตรการภาษีของนายทรัมป์
ภายใต้แรงกดดันให้ลดค่าครองชีพสำหรับชาวอเมริกัน ส่งผลให้นายทรัมป์เพิ่งตัดสินใจในกลางเดือนพฤศจิกายนที่จะยกเลิกภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารบางชนิด เช่น กาแฟและเนื้อวัวนำเข้า
ปธน.ทรัมป์อ้างว่าสามารถเก็บเงินได้ทั่วโลก 2.36 แสนล้านดอลลาร์ จากมาตรการภาษี (อ้างอิงวิดีโอจาก NBC)
5.พระสันตะปาปาองค์ใหม่
โรเบิร์ต ฟรานซิส เพรวอสต์ วัย 69 ปี กลายเป็นพระสันตะปาปาชาวอเมริกันคนแรกเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส พระสันตะปาปาองค์ก่อนที่เพรวอสต์ให้คำปรึกษามานาน
ควันขาวลอยขึ้นเหนือโบสถ์ซิสทีนเพื่อประกาศการเลือกตั้งประมุขแห่งคริสตจักรคาทอลิกองค์ที่ 267 หลังจากการประชุมเลือกตั้งที่ใช้เวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง
โรเบิร์ต ฟรานซิส เพรวอสต์ จึงได้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 ขึ้นสืบตำแหน่งจากพระสันตะปาปาฟรานซิสในฐานะผู้นำคริสตจักรคาทอลิก
พระสันตะปาปาลีโอเป็นพระสงฆ์ที่เกิดในเมืองชิคาโก ผู้ซึ่งใช้เวลาเกือบ 20 ปีเป็นมิชชันนารีในเปรูและได้รับสัญชาติในที่สุด ได้ทรงพระนามว่า ลีโอที่ 14
พระองค์ได้ดำเนินรอยตามอดีตพระสันตะปาปาชาวอาร์เจนตินา โดยเน้นที่การช่วยเหลือคนยากจน ผู้อพยพ และช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม การขึ้นเป็นพระสันตะปาปาของพระองค์ได้ให้ความมั่นใจกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม อย่างน้อยก็ในระยะสั้น เนื่องจากพระองค์มีจุดยืนในการตัดการแต่งตั้งผู้หญิงเป็นมัคนายกและพระองค์ไม่ยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกัน
พระสันตะปาปาลีโอเข้ารับตำแหน่ง (อ้างอิงวิดีโอจาก Inside)
6.กลุ่มเจนซี (Gen Z) ลุกฮือในหลายประเทศ
หลายประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และในเอเชีย มีการประท้วงซึ่งนำโดยคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี (Gen Z) ได้เกิดขึ้นทั่วเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา
โดยจุดประสงค์ของการประท้วงเพื่อต่อสู้กับมาตรฐานการครองชีพที่ย่ำแย่ การเซ็นเซอร์สื่อสังคมออนไลน์ และการทุจริตของชนชั้นนำ การประท้วงประสบผลลัพธ์ที่หลากหลาย
ตัวอย่างเช่น ในโมร็อกโก รัฐบาลสัญญาว่าจะปฏิรูปสังคม แต่ผู้ประท้วงกว่า 2,000 คนกำลังเผชิญกับการดำเนินคดี ส่วนในประเทศอื่น ๆ การประท้วงได้กลายเป็นการท้าทายอำนาจที่กว้างขวางมากขึ้นหลังจาก เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้ดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างรุนแรง
อาทิที่แทนซาเนีย คนหนุ่มสาวเข้ามามีส่วนในการประท้วงหลังเลือกการเลือกตั้ง ซึ่งตามมาด้วยการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม ที่เนปาล นายกรัฐมนตรีสายลัทธิเหมา นายเคพี ชาร์มา โอลิ ถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง และนายแอนดรี ราโจเอลินา ประธานาธิบดีมาดากัสการ์ ต้องออกจากตำแหน่ง
โดยสัญลักษณ์เด่นของผู้ประท้วงคนหนุ่มสาว มักจะแสดงธงโจรสลัดจากมังงะ 'One Piece' (กะโหลกไขว้สวมหมวกฟาง) ซึ่งแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับการกดขี่ทั่วทุกทวีป
เหตุประท้วงที่เนปาล (อ้างอิงวิดีโอจาก DD India)
7.การแพร่หลายของปัญญาประดิษฐ์อย่างรวดเร็ว
ตลอดปี 2568 ที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและนักลงทุนได้ใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
โดยบริษัท Gartner บริษัทที่ปรึกษาจากสหรัฐฯประมาณการว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ AI คาดว่าจะสูงถึงประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568 และ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568
ความกระตือรือร้นของตลาดผลักดันให้มูลค่าของบริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่ Nvidia ทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตามตลาดยังคงกลัวว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่จากการเก็งกำไรในเทคโนโลยีนี้
และยังมีข้อกังวลที่กว้างขวางกว่านั้นเนื่องจากเทคโนโลยี AI ถูกกล่าวหาว่าบ่มเพาะข้อมูลเท็จ คดีความละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และหลายบริษัทอ้างถึงการนำ AI มาใช้เป็นคำอธิบายสำหรับการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก
บทวิเคราะห์ว่าตลาด AI อาจกลายเป็นฟองสบู่ (อ้างอิงวิดีโอจาก Channel 4)
8.สงครามอินเดีย-ปากีสถาน
สงครามอินเดียปากีสถานในช่วงเดือนพฤษภาคม เริ่มต้นจากเหตุ "โศกนาฏกรรมที่ปาฮาลแกม" เมื่อวันที่ 22 เมษายน เมื่อกลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีนักท่องเที่ยวในเมือง ปาฮาลแกม (Pahalgam) ในแคว้นแคชเมียร์ส่วนที่อินเดียปกครอง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิต 26 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู
อินเดียกล่าวหาว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลัง และประกาศมาตรการที่รุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี คือ "ระงับสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุ (Indus Waters Treaty)" ซึ่งเป็นการตัดช่องทางน้ำสำคัญที่ปากีสถานใช้ในการเกษตรและพลังงาน รวมถึงสั่งขับนักการทูตและปิดด่านพรมแดนทั้งหมด
ต่อมาในวันที่ 6-7 พฤษภาคม กองทัพอินเดียเปิดปฏิบัติการทางอากาศและขีปนาวุธในชื่อ "Operation Sindoor" โจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้าย 9 แห่งลึกเข้าไปในเขตแดนปากีสถาน ซึ่งเป็นการโจมตีลึกที่สุดนับตั้งแต่สงครามปี ค.ศ.1971 โดยมีการใช้ โดรนกามิกาเซ่ (Kamikaze Drones) และขีปนาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง ต่อมาจึงปากีสถานสวนกลับด้วยปฏิบัติการทางอากาศและยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพอินเดียหลายแห่ง รวมถึงมีรายงานการสอยเครื่องบินรบอินเดียร่วง 5 ลำ ตามคำอ้างของปากีสถาน ขณะที่นานาชาติกังวลอย่างหนักเนื่องจากทั้งคู่เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ และมีการเคลื่อนกำลังพลประชิดพรมแดนในระดับสูงสุด
ต่อมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงเร่งสร้างผลงานต่างประเทศ ได้สายตรงหาผู้นำทั้งสองฝ่าย และประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่าสามารถบรรลุ "ข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ" ได้สำเร็จในวันที่ 10 พฤษภาคม 2568
อย่างไรก็ตามสถานะปัจจุบัน สถานการณ์ยังไม่สงบอินเดียยังคงยืนกรานไม่คืนสิทธิในสนธิสัญญาแม่น้ำสินธุจนกว่าปากีสถานจะกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธอย่างเด็ดขาด
สรุปรายละเอียดสงครามอินเดีย-ปากีสถาน (อ้างอิงวิดีโอจาก OneIndia)
9.สงครามสหรัฐฯ-เวเนซุเอลา ส่อปะทุ
เหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและเวเนซุเอลาในปี 2568 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้เปิดเผยคำฟ้องต่อนายนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 14 คน ในข้อหา การก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับยาเสพติด
สหรัฐฯ กล่าวหาว่ามาดูโรเป็นผู้นำกลุ่ม "Cartel of the Suns" ซึ่งร่วมมือกับกลุ่มกบฏ FARC ในโคลอมเบียเพื่อลักลอบขนส่งโคเคนจำนวนมหาศาลเข้าสู่สหรัฐฯ โดยใช้เครื่องบินและเรือผ่านน่านน้ำแคริบเบียน
ต่อมาวันที่ 10 ธันวาคม สหรัฐฯ ส่งหน่วยยามฝั่งและนาวิกโยธินโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์เข้ายึดเรือ "สกิปเปอร์" (Skipper) ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติปานามาในน่านน้ำสากลนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ถือเป็นเรือลำแรกที่ถูกยึดภายใต้นโยบายนี้ ตามมาด้วยวันที่16 ธันวาคม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคำสั่ง "ปิดล้อมอย่างเบ็ดเสร็จ" (Total Blockade) ต่อเรือบรรทุกน้ำมันที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตรทุกลำที่จะเข้าหรือออกจากเวเนซุเอลา
วันที่ 20 ธันวาคม สหรัฐฯ เข้ายึดเรือ "เซนจูรีส์" (Centuries) นอกชายฝั่งบาร์เบโดสในทะเลแคริบเบียน โดยอ้างว่าขนน้ำมันดิบของรัฐวิสาหกิจ PDVSA ของรัฐบาลเวเนซุเอลา แม้ตัวเรือจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตรโดยตรงมาก่อนก็ตาม
โดยล่าสุดนายทรัมป์ประกาศว่าอาจจะ "ขายน้ำมันที่ยึดมาได้" เพื่อนำเงินเข้าคลังสหรัฐฯ หรือใช้เติมคลังสำรองยุทธศาสตร์ (SPR) ของสหรัฐฯ เอง ซึ่งเวเนซุเอลาประณามว่านี่คือ "การโจรสลัดระหว่างประเทศ" และยังมีรายงานว่ามีสหรัฐฯ ได้ใช้กำลังโจมตีเรือที่ต้องสงสัยว่าพัวพันยาเสพติดในทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิกไปแล้วกว่า 20 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย
ด้านเวเนซุเอลาได้ร้องเรียนต่อ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อวันที่ 23-24 ธันวาคม เพื่อประณามการรุกรานของสหรัฐฯ ส่วนนายดูโรสั่งระดมพล "กองกำลังอาสา (Bolivarian Militia)" กว่า 4 ล้านคนเพื่อเตรียมรับมือการบุกของสหรัฐฯ
สหรัฐฯทำลายเรือนอกชายฝั่งเวเนซุเอลาและโคลอมเบีย (อ้างอิงวิดีโอจาก ABC News)
10.ความขัดแย้งไทยและกัมพูชา
ความขัดแย้งไทยและกัมพูชาจนนำไปสู่การปะทะนั้นเกิดขึ้นในสองช่วงด้วยกันได้แก่ 1.ช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม และ 2.ช่วงปลายเดือนพฤษจิกายนถึงวันที่ 27 ธันวาคม
โดยจุดเริ่มต้นในช่วงเดือนพฤษภาคม มาจากความตึงเครียดสะสมจากการขุดลอกคลองในพื้นที่ทับซ้อน และการขัดขวางกลุ่มนักเคลื่อนไหวกัมพูชาที่พยายามมาร้องเพลงชาติกัมพูชาบริเวณปราสาทตาเมือนธม
จนความตึงเครียดสะสมกลายเป็นการปะทะกันที่บริเวณ "ช่องบก" จ.อุบลราชธานี และ "เนิน 350" มีการใช้อาวุธหนักและปืนใหญ่ ส่งผลให้มีทหารและพลเรือนเสียชีวิตรวมกันหลายสิบราย และประชาชนกว่า 300,000 - 500,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน ต่อมาวันที่ 28 กรกฎาคม ทั้งไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลางภายใต้แรงกดดันจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขู่จะใช้กำแพงภาษีบีบทั้งสองประเทศหากไม่ยอมหยุดยิง
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงสันติภาพ 2 ชาติ เริ่มพังทลายเมื่อทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 10พฤศจิกายน นำไปสู่การปะทะด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ปืนใหญ่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน
ต่อมาวันที่ 7 - 8 ธันวาคม การปะทะขยายตัวไปยัง จ.อุบลราชธานี (ช่องบก) กัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้าใส่พื้นที่ไทย ไทยตอบโต้ด้วยการส่ง F-16 โจมตีฐานปืนใหญ่และคลังกระสุนในฝั่งกัมพูชา
วันที่ 11 - 15 ธันวาคม กองทัพภาคที่ 2 เปิดปฏิบัติการรุกคืบ สามารถยึดคืนและควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญได้ที่ ช่องคนา และ ช่องระยี-ปลดต่าง จ.สุรินทร์ รวมถึงเนิน 350
20 - 24 ธันวาคม ช่วงปะทะหนักที่สุด มีรายงานการตรวจพบ โดรนหลายร้อยลำ ลุกล้ำน่านฟ้าไทย ไทยใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศยิงสกัดในหลายจุด
27 ธันวาคม มีการประชุมคณะกรรมการกินกชายแดนทั่วไปหรือ GBC สมัยพิเศษที่ด่านบ้านผักกาด จ.จันทบุรี ทั้งสองฝ่ายลงนามใน ถ้อยแถลงร่วม 16 ข้อ และประกาศ "หยุดยิง" ตั้งแต่เวลา 12.00 น. โดยไทยยื่นเงื่อนไข "ยึดตรงไหน ปักหลักตรงนั้น"
ล่าสุดวันที่ 29 ธันวาคม แม้หยุดยิงแล้ว แต่ยังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบระเบิดขาขาดที่ เขาสัตตะโสม จ.ศรีสะเกษ ทำให้กองทัพบกแถลงว่าสถานการณ์ยังคง "ตึงเครียด" และต้องเฝ้าระวัง 72 ชั่วโมงก่อนพิจารณาส่งคืนเชลย 18 นายในวันที่ 30 พฤศจิกายน
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทรัมป์โพสต์ผ่าน Truth Social เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม แสดงความยินดีที่ยุติสงครามได้เป็นแห่งที่ 8 ของปี เหน็บสหประชาชาติว่าไม่มีความสามารถ และยกย่องผู้นำไทย-กัมพูชาที่ตัดสินใจ "เด็ดขาด"
ส่วนบทบาทของจีน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไทยและนายปรัก สุคนธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เดินทางไปพบนาย หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีนที่ยูนนานเพื่อเปิดโต๊ะเจรจา 3 ฝ่าย โดยจีนย้ำจุดยืนเป็นกลางและพร้อมเป็นสถานที่อำนวยความสะดวกในการคืนตัวทหารเขมร 18 นาย ที่ไทยคุมตัวไว้ตั้งแต่กรกฎาคม
การทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา (อ้างอิงวิดีโอจากรอยเตอร์ส)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา