ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินฯ พร้อมรับทราบแผนออก ‘กม.ลูก’ 22 ฉบับ ดันไทยขึ้นแท่น ‘Financial Hub’
...............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรอง จำนวน 22 ฉบับ ที่ออกตามร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบ ธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้นำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.กำหนดแนวทางการจัดตั้งศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) ในเขตพื้นที่ที่จะมีการกำหนดขึ้น โดยผู้ประกอบการที่จะเข้ามาประกอบการใน Financial Hub จะต้องให้บริการเฉพาะในธุรกิจเป้าหมายที่กำหนด และให้บริการเฉพาะผู้ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (non-residents) เท่านั้น ยกเว้นการให้บริการเป็นตัวแทนนายหน้า ค้า จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการไทยในลักษณะธุรกิจต่อธุรกิจ (Business to Business)
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย หรือสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ และต้องจ้างแรงงานไทยเป็นสัดส่วนตามที่กำหนด
2.กำหนดให้มีคณะกรรมการฯ เป็นผู้กำหนดนโยบาย แนวทางการส่งเสริมและกำกับดูแลผู้ประกอบการธุรกิจเป้าหมาย และให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและไม่เป็นส่วนราชการ เพื่อกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial Hub โดยคำนึงถึงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจหรือระบบการเงินของประเทศ รวมทั้งกำหนดสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายใน Financial Hub
เช่น สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด โดยได้รับยกเว้นจากการจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สิทธิในการนำคนต่างด้าว (ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญใด ๆ ที่คณะกรรมการฯ กำหนด ผู้บริหารหรือผู้ชำนาญการ และคู่สมรสและบุคคลซึ่งอยู่ในอุปการะของบุคคลดังกล่าว) เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามจำนวนและระยะเวลาที่สำนักงานฯ อนุญาต
โดยให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และมีสิทธิทำงานในตำแหน่งหน้าที่การทำงานที่คณะกรรมการฯ ประกาศกำหนด โดยไม่ต้องได้รับใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (แต่ต้องได้รับใบอนุญาตเป็นหนังสือจากสำนักงานฯ) สิทธิในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยได้รับยกเว้นการขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน และสิทธิประโยชน์อื่น โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจ ที่เลิก ควบ หรือโอนการประกอบธุรกิจเป้าหมายยังคงได้รับสิทธิและประโยชน์ใด ๆ ต่อไปอีกไม่เกิน 3 เดือน นับแต่วันเลิก ควบ หรือโอนการประกอบธุรกิจ
3.กำหนดบทกำหนดโทษทางอาญาและมาตรการปรับเป็นพินัย ทั้งนี้ ในวาระเริ่มแรกให้รัฐบาลจัดสรรทุนประเดิมให้สำนักงานฯ ตามความจำเป็นซึ่งกระทรวงการคลังคาดว่าในระยะ 3 ปีแรก เป็นจำนวน 300 ล้านบาท และอัตรากำลัง ที่ต้องใช้ในสำนักงานฯ จำนวน 50 อัตรา
กระทรวงการคลังรายงาน ครม.ว่า โดยที่ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินใน Financial Hub ของหลายประเทศอาจเผชิญปัญหาค่าเช่าและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน มีแรงจูงใจที่จะย้ายสำนักงานออกจากพื้นที่เดิมและมองหาพื้นที่ใหม่ที่ต้นทุนการทำธุรกิจไม่สูงจนเกินไป
ประกอบกับคำแถลงนโยบายของ ครม. ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2567 ได้มีนโยบายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) ซึ่งประเทศไทยมีปัจจัยที่สามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศ เช่น ค่าครองชีพที่ต่ำกว่า ทักษะแรงงานไทย โครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินไทยที่พัฒนามากกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เป็นต้น
ดังนั้น การพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Financial Hub จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะสามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้ โดยการผลักดันการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเป็นสากล โปร่งใส และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ
อ่านประกอบ :
‘คลัง’ดัน‘ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน’ หนุนไทยขึ้นแท่น Financial Hub