ผู้สมัครสอบ ผอ.สนง.กศน.หลายสิบคน ทำหนังสือร้องเรียนกระทรวงศึกษาฯ แฉกระบวนการคัดเลือก ส่อมีปัญหาไม่โปร่งใสไม่เป็นธรรมหลายประเด็น โดยเฉพาะการล็อกตัวบุคคลตามโผไว้ลวงหน้า โยงปมจัดสรรงบจัดซื้อหนังสือ ด้าน 'ปลัด ศธ.' เผยอิศรา สั่งตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว กรณีปมทุจริตงบประมาณซื้อหนังสือ เคยได้รับทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว
การสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด/กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2565 กำลังถูกจับตามอง หลังมีผู้ร้องเรียนว่า กระบวนการคัดเลือกส่อว่าจะมีความไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรมในหลายประเด็น โดยเฉพาะการกำหนดตัวบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกไว้ล่วงหน้า โยงปัญหาการจัดสรรงบประมาณซื้อหนังสือเรียน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับแจ้งเบาะแสจากแหล่งข่าวในกระทรวงศึกษาธิการ ว่า มีผู้สมัครสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จำนวนหลายสิบคน ได้ทำหนังสือร้องไปยังปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้เข้ามาตรวจสอบกระบวนการคัดเลือก เนื่องจากเห็นว่ามีขั้นตอนส่อว่าจะไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรมในหลายประเด็น อาทิ การไม่มีแผนผังหรือตารางหรือรายละเอียดการดำเนินการสอบที่ชัดเจน เช่น จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบเมื่อใด สอบข้อเขียนวันใด สอบสัมภาษณ์วันใด
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดวันสอบข้อเขียน ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ การประเมินภาค ข ความสมารถทางการบริหาร มีการแยกรายชื่อผลงานของผู้เข้าสอบออกเป็นกองๆ ประมาณ 3.4 กอง และมีการไปพูดกันว่าคนนี้ คนเป็นคนของคนนั้น คนนี้เป็นคนของคนนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมไม่โปร่งใส ขณะที่การตรวจผลงานถูกมองว่าจะมีการอ่านด้วยความอคติ แบ่งพรรคแบ่งพวก แยกไว้ตั้งแต่ต้นว่าใครสมควรจะสอบผ่าน ไม่ผ่าน โดยให้คะแนนกองที่ 1 สูง และลดหลั่นลงมา ซึ่งเป็นการไม่ชอบธรรมในการตรวจ กดคะแนนคนที่ไม่ใช่พวกพ้องของตนเองให้ต่ำ แต่ให้คะแนนพรรคพวกของตนหรือของนายสั่งให้สูงขึ้น คนที่สอบข้อเขียนไม่ผ่าน ก็ช่วยให้สอบได้
ในหนังสือร้องเรียน ผู้สมัครสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด ยังแจ้งข้อมูลด้วยว่า หลังสอบขึ้นบัญชีได้แล้ว มีการเรียกผู้ที่สอบได้ จำนวน 23 คน ลำดับที่ 1 ถึงที่ 23 มารายงานตัวเพื่อรับการบรรจุ แต่ก็ไม่ทำตามระเบียบ แทนที่จะให้ลำดับที่ 1 เลือกจังหวัดที่ลงเป็นลำดับแรก และเรียกลำดับถัดไปให้เลือกจังหวัดที่เหลือ ไปเรื่อย ๆจน ครบ 23 คน แต่กลับให้ผู้สอบได้เขียนความต้องการจังหวัดที่จะลง จำนวนคนละ 3 จังหวัด การกระทำดังกล่าวสุ่มเสี่ยงต่อการเปิดโอกาสให้ผู้สอบได้จ่ายเงินวิ่งเต้นเพื่อให้ในลงจังหวัดที่ใหญ่ หรือที่มีผลประโยชน์สูง ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้สอบได้ในลำดับต้น ๆ
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ในหนังสือร้องเรียนถึงปลัดกระทรวงศึกษาฯ มีการระบุสาเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้กระบวนการคัดเลือกตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด ส่อว่าจะมีไม่โปร่งใส่ดังกล่าว มีความเชื่อมโยงไปกับการเรื่องการจัดสรรงบประมาณจัดซื้อหนังสือเรียนของ กศน.จังหวัดด้วย
กล่าวคือ ในช่วงเดือนสิงหาคม ก่อนประกาศรายชื่อผู้สิทธิ์สอบสัมภาษณ์ มีข่าวว่าทางสำนักงาน กศน. ได้จัดสรรเงินงบประเมาณให้กับสำนักงาน กศน.จังหวัดหลายจังหวัด ให้จัดซื้อหนังสือ 3-4 รายวิชา เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ที่มีความใกล้ชิดกับเอกชนบางราย และหลังจากการสอบช่วงเดือนกันยายน ยังได้มีการจัดสรรงบประมาณไปให้จังหวัดต่างๆ เพื่อจัดซื้อหนังสือต่อเนื่องอีก โดยจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม หลายจังหวัด ปรากฏว่าเป็นกลุ่มคนที่ผ่านการคัดเลือกในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัด ที่สอบได้ในลำดับต้นๆ ตามโผของสำนักพิมพ์หนังสือ ที่รับรู้กันในหมู่ผู้สมัครก่อนหน้านี้แล้วนั้นเอง
“กลุ่มผู้สมัครสอบคัดเลือกกลุ่มนี้ ได้แจ้งความประสงค์ขอให้ปลัดกระทรวงศึกษาฯ เข้ามาตรวจสอบข้อมูลกระบวนการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัดทั้งระบบ พร้อมขอให้ชะลอหรือระงับการบรรจุหรือแต่งตั้งผู้สอบได้รักษาการในตำแหน่ง ผอ.สำนักงาน กศน.จังหวัดไปพลางก่อน จนกว่าจะตรวจสอบเสร็จ” แหล่งข่างระบุ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อ นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ นายอรรถพล ยืนยันว่า มีการร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามาจริง และได้มีการสั่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการแก้ไขขั้นตอนที่ไม่เป็นธรรมให้โปร่งใสเป็นธรรมมากขึ้นแล้ว
"ที่มีการร้องเรียนว่า มีการให้ผู้เข้าสอบคัดเลือกเขียนจังหวัดที่ต้องการไปประจำการคนละ 3 จังหวัด เป็นวิธีการคัดเลือกที่เกิดจากการใช้อำนาจของอดีตเลขาธิการกศน.อย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งได้ดำเนินการสั่งยกเลิกวิธีการข้างต้นแล้ว โดยให้ยึดระเบียบเดิมที่ให้เลือกคนละ 1 จังหวัดตามลำดับ แต่ที่ยังไม่บรรจุผู้ที่สอบผ่านเหล่านั้น เพราะต้องรอดูผลการได้มาของการสอบชุดนี้ก่อน ว่ามีการทุจริตหรือไม่ หากไม่มีก็ดำเนินการบรรจุแต่งตั้งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" นายอรรถพลระบุ
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการฯ ยังกล่าวด้วยว่า "เรื่องการทุจริตงบประมาณการซื้อหนังสือนั้น จากการลงพื้นที่ก่อนหน้านั้น ก็ได้รับข้อมูลตรงตามอย่างที่สำนักข่าวได้รับ ผมวิเคราะห์ว่า เดิมที่ถ้าวางนาย ก ไว้ที่จังหวัดหนึ่งที่นาย ก เขียนจาก 3 ลำดับแล้วเตรียมเงินให้ไปลงยังจังหวัดที่นาย ก ได้ประจำ แต่พอเปลี่ยนเป็นการเรียงตามลำดับ ดังนั้นก็จะไม่ได้คนที่มาเอื้อประโยชน์ให้กศน. อย่างไรก็ตามผมได้ให้เลขากศน.นำข้อมูลมาให้ดูแล้ว"
"หลังจากสัปดาห์หน้าที่กลับจากฟิลิปปินส์จะมอบให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ โดยต้องตรวจสอบตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าตรวจสอบแล้วมีการทุจริตจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" ปลัดกระทรวงศึกษาธิการฯระบุ
สำนักข่าวอิศรา รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า กศน. เป็นชื่อย่อของ สำนักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเว็บไซต์สำนักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ระบุถึงภารกิจขององค์กรว่า
(1) เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน และประสานงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และรับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ
(2) จัดทำข้อเสนอแนะ นโยบาย ยุทธศาสตร์ แผน และมาตรฐานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยต่อคณะกรรมการ
(3) ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินการพัฒนาคุณภาพวิชาการ การวิจัย การพัฒนาหลักสูตรและนวัตกรรมทางการศึกษาบุคลากรและระบบข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(4) ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน การเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ และการเทียบระดับการศึกษา
(5) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานงวานให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และองค์กรอื่นรวมตัวกันเป็นภาคีเครือข่าย เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(6) จัดทำข้อเสนอนแนะเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์เครื่อข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สถานีวิทยุโทรทัศน์ เพื่อการศึกษา วิทยุชุมชน และแหล่งการเรียนรู้อื่น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภพาชีวิตอย่างต่อเนื่องของประชาชน
(7) ดำเนินการเกี่ยวกับการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(8) ปฏิบัติงานอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่นที่บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานหรือตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย