"...ข้อ 1 ผู้กู้ตกลงกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้จำนวน 19,000,000 บาท โดยผู้กู้ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวครบถ้วนในวันทำสัญญาฉบับนี้แล้ว ข้อ 2 ผู้ให้กู้ตกลงว่ายังไม่คิดดอกเบี้ยในการให้กู้ครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 เนื่องจากกู้ไปใช้ซื้อที่ดินเพื่อมาดำเนินธุรกิจจัดสรรขาย ซึ่งผู้กู้ตกลงจะชำระเงินกู้ให้แก่ผู้ให้กู้ภายในกำหนด นับแต่วันที่ผู้ให้กู้เรียกให้ชำระตามวรรคนี้..."
ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก!
กรณี นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า นายอิทธิ และนางสุพัฒตรา ศิริลัทธยากร คู่สมรส แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 225,894,914 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 16,266,106 บาท
ทรัพย์สินในส่วนนายอิทธิ ระบุว่า มีเงินให้กู้ยืมแก่ บริษัทอรรถศิริ จำกัด จำนวน 19,000,000 บาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558
ขณะที่ บริษัท อรรถศิริ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อ 26 มกราคม 2558 ทุนจดทะเบียนล่าสุด 1,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 446 หมู่ 1 ตำบลพนมสารคาม อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา แจ้งทำธุรกิจซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง เพื่อการพักอาศัย ปรากฏชื่อ นายอรรถกานต์ ศิริลัทธยากร นาย อรรถพงศ์ ศิริลัทธยากร เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2567 นายอรรถกานต์ ศิริลัทธยากร ถือหุ้นใหญ่สุด 45.0000% มูลค่า 450,000 บาท นายอรรถพงศ์ ศิริลัทธยากร 40.0000% มูลค่า 400,000 บาท นายอรรถพล ศิริลัทธยากร 15.0000% มูลค่า 150,000 บาท
ส่วนนายอรรถกานต์ นายอรรถพงศ์ นายอรรถพล ล้วนแล้วแต่เป็นบุตรของ นายอิทธิ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบเอกสารสัญญาเงินให้กู้ยืม จำนวน 19 ล้านบาท ที่นายอิทธิแจ้งต่อ ป.ป.ช. พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า เป็นการให้กู้ยืมเพื่อนำไปใช้ซื้อที่ดินเพื่อมาดำเนินธุรกิจจัดสรรขาย โดยไม่มีการคิดดอกเบี้ยในการให้กู้ยืม ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558
สัญญากู้ยืมเงิน
ทำที่ บริษัท อรรถศิริ จำกัด
วันที่ 10 กรกฎาคม 2558
สัญญานี้ทำขึ้นระหว่าง บริษัท อรรถศิริ จำกัด โดย นายอรรถกานต์ ศิริลัทธยากร อยู่บ้าน (ไม่เปิดเผยข้อมูล) หมู่ที่ 1 ตำบลพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งต่อไปนี้ในสัญญาเรียกว่า “ผู้กู้” ฝ่ายหนึ่งกับนายอิทธิ ศิริลัทธยากร เรียกว่า “ผู้ให้กู้” อีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาโดยมีข้อความดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ผู้กู้ตกลงกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้จำนวน 19,000,000 บาท โดยผู้กู้ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวครบถ้วนในวันทำสัญญาฉบับนี้แล้ว
ข้อ 2 ผู้ให้กู้ตกลงว่ายังไม่คิดดอกเบี้ยในการให้กู้ครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 เนื่องจากกู้ไปใช้ซื้อที่ดินเพื่อมาดำเนินธุรกิจจัดสรรขาย ซึ่งผู้กู้ตกลงจะชำระเงินกู้ให้แก่ผู้ให้กู้ภายในกำหนด นับแต่วันที่ผู้ให้กู้เรียกให้ชำระตามวรรคนี้
ข้อ 3 ผู้กู้สัญญาว่าหากผู้กู้ย้ายภูมิลำเนาจากที่ระบุไว้ในสัญญานี้ ผู้กู้จะแจ้งที่อยู่ใหม่ให้ผู้ให้กู้ทราบเป็นหนังสือ
ข้อ 4 หากผู้กู้ผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งแห่งสัญญานี้ ผู้กู้ยินยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายบรรดาที่ผู้ให้กู้จะพึงได้รับอันเนื่องจากการผิดข้อตกลงดังกล่าว รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเตือน ทวงถามให้ชำระหนี้ ตลอดจนค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้ชำระหนี้ตามสัญญานี้ให้แก่ผู้ให้กู้ด้วย
สัญญาได้จัดทำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกันให้คู่สัญญายึดถือไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ คู่สัญญาได้อ่านและเข้าใจข้อความในสัญญานี้โดยตลอดแล้ว จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
บริษัท อรรถศิริ จำกัด โดยนายอรรถกานต์ ศิริลัทธยากร ผู้กู้
นายอิทธิ ศิริลัทธยากร ผู้ให้กู้
นายธิติพงษ์ (เนื่องจากเป็นการเขียนด้วยลายมือที่ค่อนข้างหวัด จึงอ่านนามสกุลไม่ได้) พยาน
น่าสังเกตว่า การกู้ยืม จำนวน 19 ล้านบาท ดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2558 ปัจจุบันผ่านมา 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการคืนเงินกู้ยืมแต่อย่างใด ?
หากมีข้อมูลเพิ่มเติม สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอต่อไป