ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เผย หลังหารือ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ข้อสรุป มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน แต่ยอม ‘ปรับคำ’ ตัดชื่อ ‘ทักษิณ’ ออกจากญัตติซักฟอก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงข้อยุติการตัดชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่า วันนี้ได้ข้อสรุปว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นแต่แน่นอน ส่วนรายละเอียดในญัตติจะมีการ “ปรับคำ” โดยตัดชื่อบุคคลในญัตติออก แต่เนื้อหาอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนจะปรับคำเป็นอย่างไรขอให้ประชุมกับวิปรัฐบาลก่อน
“การอภิปรายครั้งนี้ เราอภิปรายที่ตัวของนายกรัฐมนตรี คุณแพทองธาร ชินวัตร แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งหนีไม่พ้นต้องมีการพาดพิงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้ในญัตติเขียนไว้ชัดเจนว่า เราอภิปรายนายกฯ ยอมให้คุณทักษิณ ชินวัตร ชี้นำ ชักใย อยู่เบื้องหลัง”นายณัฐพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ หากอภิปรายพาดพึงบุคคลภายนอกจะมีการฟ้องร้องคดีตามมาภายหลัง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นสิทธิของผู้ถูกพาดพิงที่สามารถฟ้องร้องได้ตลอดเวลา แต่เราเชื่อว่า การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน เราจะพาดพิงบุคคลใดคงต้องมีข้อเท็จจริง คงไม่พาดพิงซี้ซั้วจนทำให้เราโดนดำเนินคดี และนายทักษิณก็สามารถชี้แจงได้ตลอดเวลา
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า มีการปรับคำแน่นอน เพื่อให้บรรจุญัตติได้ ส่วนจะปรับเป็นคำว่าอะไรนั้น ขึ้นอยู่กับหารือกับวิปรัฐบาลในการกำหนดกรอบระยะเวลาการอภิปรายด้วย
เมื่อถามว่าจะไม่เสียจุดยืนก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราไม่ได้เสียหลักการอะไรเลย ซึ่งหนังสือตอบกลับของนายวันมูหะมัดนอร์ก็ระบุว่า ปรับคำได้ แต่สาระสำคัญยังคงอยู่ และนายวันมูหะมัดนอร์ ได้พูดในที่ประชุมสภาว่า สมาชิกสามารถอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอกได้ แต่ต้องรับผิดชอบเอง
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า บื้องต้นจากการพูดคุยคือ พรรคฝ่ายค้านจะได้ระยะเวลาในการอภิปรายไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง ส่วนจะใช้เวลาอภิปรายจำนวนกี่วันยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะขึ้นอยู่กับฝ่ายรัฐบาลจะใช้ระยะเวลาในการตอบชี้แจงเท่าไหร่
ต่อมานายณัฐพงษ์เปิดเผยภายหลังหารือกับวิปรัฐบาลว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องเวลา และจะกลับมาหารืออีกครั้งในวันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา