"...การคัดตัวผู้สมัครของ ‘ก๊กส้ม’ ที่ผ่านมาราว 7 ปี สะท้อนให้เห็นแล้วว่า ‘ล้มเหลว’ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ รวมถึงปฏิรูปพรรคหลายครั้ง เช่น การให้สมาชิก และเครือข่ายในพื้นที่คอยเสนอชื่อบุคคลเพื่อลงชิงเก้าอี้ต่าง ๆ การตั้งคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด การทำไพรมารีโหวตผู้สมัครรับเลือกตั้ง และคนเคาะสุดท้ายคือ ‘กลุ่มเพื่อนเอก’ ก็ตาม แต่ก็ยังมี ‘ลูกงูเห่า’ เล็ดรอดเข้ามาได้ทุกรอบ..."
ชื่อของ ‘กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ชลบุรี เขต 6 ที่ประกาศชัดถ้อยชัดคำขอยุติบทบาทกับพรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมแย้มว่าอยากย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาได้ประสานงานกับรัฐมนตรีหลายคน แต่คนที่ช่วยเหลือสนับสนุนงานในพื้นที่มี ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมนั้น กลายเป็นอีกหนึ่ง ‘บาดแผล’ ของ ‘ก๊กส้ม’ อีกครั้ง ในประเด็น ‘งูเห่าการเมือง’
@ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์
ที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อร่างสร้างพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2561 จนถึงปัจจุบันผ่านมาราว 7 ปี เกิดปรากฎการณ์ ‘งูเห่าการเมือง’ ภาคใหม่ขึ้นมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับ ‘ก๊กส้ม’ โดยครั้งแรกเมื่อครั้งพรรคอนาคตใหม่ กระแสเริ่มโรยรา มี สส.อนาคตใหม่ กลายพันธุ์เป็น ‘งูเห่า’ อย่างน้อย 4 คน ได้แก่ ศรีนวล บุญลือ กวินนาถ ตาคีย์ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา และจารึก ศรีอ่อน โดยทั้งหมดถูกขับออกจากพรรค
ต่อมาครั้งที่สองเกิดขึ้นหลังยุบพรรคอนาคตใหม่ปี 2563 มี 9 สส.ไม่ย้ายตามไปอยู่ที่พรรคก้าวไกล ได้แก่ มณฑล โพธิ์คาย โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี กฤติเดช สันติวชิระกุล เอกการ ซื่อทรงธรรม อนาวิล รัตนสถาพร กิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ฐิตินันท์ แสงนาค สำลี รักสุทธิ และวิรัช พันธุมะผล โดยมี 6 สส.ที่ไม่ได้ถูกขับออกจากพรรค แต่ไปนั่งเก้าอี้พรรคการเมืองอื่น ได้แก่ คารม พลพรกลาง (ต่อมาไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย) ขวัญเลิศ พานิชมาท เอกภพ เพียรพิเศษ พีรเดช คําสมุทรจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ และเกษมสันต์ มีทิพย์ เป็นต้น
‘งูเห่าสีส้ม’ ทั้งภาค 1-2 มีรวมกันอย่างน้อย 19 คน และทั้งหมดถูกส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ในสีเสื้อพรรคอื่น แต่ ‘สอบตก’ กันถ้วนหน้า เรียกได้ว่าเป็น ‘บทเรียน’ ให้แก่บรรดา ‘งูเห่า’ หากหักหลังทรยศอุดมการณ์ของพรรค ซึ่งทำให้ ‘พรรคส้ม’ ค่อนข้างมั่นใจว่าในนามพรรค ปชน.จะไม่มีงูเห่าเกิดขึ้นอีกแล้ว
ในช่วงก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะยุบพรรคก้าวไกล เกิดปรากฎการณ์ ‘งูเห่าสีส้มภาค 3’ มาแล้ว โดยแกนนำพรรคส้ม เคยเล่าว่า มี สส.บางกลุ่มในพรรค เริ่มรวมตัวเข้าพบบิ๊กเนมการเมืองฝ่ายรัฐบาล หวังพลิกขั้วย้ายข้างหากพรรคถูกยุบ แต่ด้วยสถานะพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นยังเข้มแข็ง และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรับ สส.สีส้ม เข้ามา ทำให้ดีลดังกล่าวไม่เกิดขึ้น
ทว่า ‘งูเห่าภาค 3’ รอบนี้เกิดขึ้นจริงแล้วอย่างน้อย 1 คนคือ ‘กฤษฎิ์’ ที่แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธว่ามิใช่งูเห่า แต่ต้องการออกจากพรรคเนื่องจาก ‘ทัศนคติ-อุดมการณ์’ ไม่ตรงกันก็ตาม แต่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองนับจากนี้ กูรูหลายคนประเมินตรงกันว่า ปฏิบัติการ ‘ดูด สส.’ กำลังจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าว ‘ปรับ ครม.’ ช่วงเดือน มิ.ย.นี้
@ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ว่ากันว่า ‘พรรคผู้กอง’ เริ่มชิงจังหวะดึงตัว สส.ซีกฝ่ายค้าน หลายพรรคมาเข้าร่วมชายคา หวังใช้เพื่อดีลเก้าอี้ ‘รัฐมนตรี’ เพิ่มเติม อีกนัยหนึ่งคือเพื่อสร้างแรงต่อรองกับ ‘เพื่อไทย’ ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า มีพลังเล่ห์สนกลในพอฟัดพอเหวี่ยงกับ ‘ก๊กน้ำเงิน’ ที่กำลังเป็น ‘ไม้เบื่อไม้เมา’ กับ ‘ก๊กแดง’ ได้?
จับสัญญาณ ‘งูเห่าส้ม’ ระลอก 3 นี้ นอกเหนือจาก ‘กฤษฎิ์’ แล้ว บรรดา สส.เขตสีส้ม หลายคน ที่เคยรวมตัวกันไปต่อรองย้ายซบพรรครัฐบาล ก่อนพรรคก้าวไกลถูกยุบ อาจเริ่มขยับ หรือไหวตัวทางการเมืองไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะ สส.ภาคตะวันออก หลายคนที่มาด้วย ‘กระแส’ เป็น ‘สส.นกแล’ มิใช่มาด้วย ‘แสงในตัวเอง’
เนื่องด้วย ‘ก๊กส้ม’ เน้นกระแสของพรรค และอาศัย ‘นโยบายส่วนกลาง’ เป็นหลักในการ ‘ปักธงการเมือง’ ทำให้ สส.เขต ซึ่งต้องอาศัย ‘กระสุน’ ในการดูแลพื้นที่ทำได้ยากลำบากกว่า สส.พรรคอื่น ๆ สร้างความลำบากใจแก่บรรดา สส.เขตสีส้ม มาโดยตลอด มีเพียงไม่กี่คน ที่ฮึดสู้เพราะเชื่อในอุดมการณ์การเปลี่ยนแปลงของพรรคอย่างแท้จริง หรือที่เรียกกันว่า ‘ดีเอ็นเอสีส้ม’ ซึ่งส่วนใหญ่บรรดา สส.เหล่านี้ มักเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ มีที่เป็น สส.เขต จำนวนไม่มากเท่าที่ควร
@ หัวหน้าพรรคประชาชน 'ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ'
แว่วมาว่าในตอนนี้มีหลายพรรค โดยเฉพาะ ‘พรรคผู้กอง-ก๊กน้ำเงิน’ เริ่มเปิดปฏิบัติการดูด สส.ส้ม ในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น จ.ชลบุรี ระยอง ตราด ซึ่งมี สส.เขตสีส้มรวมกันราว 16 ชีวิต ในจำนวนนี้ถูกดูดมาแล้ว 1 คือ ‘กฤษฎิ์’ ที่เหลืออีก 15 ชีวิต ส่วนใหญ่มี ‘ดีเอ็นเอสีส้ม’ แน่วแน่ แต่ก็มีบางส่วนอาจเริ่มสั่นคลอนกับ ‘กระสุน’ ที่ถูกยิงออกมาอย่างหนักในช่วงนี้เช่นกัน
นี่ยังไม่นับบางพื้นที่ในส่วน ‘ปริมณฑล’ เช่น จ.ปทุมธานี หรือ จ.สมุทรปราการ หรือแม้แต่โซนภาคเหนือ ที่บางพรรคเริ่มเปิดปฏิบัติการดูดในส่วนของ ‘นักการเมืองท้องถิ่น’ มาบ้างแล้วเช่นกัน สร้างความยากลำบากให้แก่ ‘แกนนำก๊กส้ม’ เป็นอย่างมาก เพราะบางครั้งทีเด็ดทีขาดอุดมการณ์ก็ซื้อไม่ได้ และหลักการสำคัญของก๊กส้มคือ จะไม่เสีย ‘กระสุน’ แบบ ‘การเมืองเก่า’ เด็ดขาด ดังนั้นการรั้งตัวคนเก่าเอาไว้คงทำได้ยาก จึงเน้น ‘ปั้นตัวใหม่’ มาลงสมัครในพื้นที่แทน
แต่การคัดตัวผู้สมัครของ ‘ก๊กส้ม’ ที่ผ่านมาราว 7 ปี สะท้อนให้เห็นแล้วว่า ‘ล้มเหลว’ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ รวมถึงปฏิรูปพรรคหลายครั้ง เช่น การให้สมาชิก และเครือข่ายในพื้นที่คอยเสนอชื่อบุคคลเพื่อลงชิงเก้าอี้ต่าง ๆ การตั้งคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด การทำไพรมารีโหวตผู้สมัครรับเลือกตั้ง และคนเคาะสุดท้ายคือ ‘กลุ่มเพื่อนเอก’ ก็ตาม แต่ก็ยังมี ‘ลูกงูเห่า’ เล็ดรอดเข้ามาได้ทุกรอบ
นั่นจึงทำให้เมื่อเกิดกรณี ‘กฤษฎิ์’ ขึ้นมา พรรค ปชน.จึงเปิดแคมเปญใหม่ ชวนประชาชนเข้าอบรมหลักสูตรนักการเมืองประชาชน (PC101) ก้าวแรกในการทำความรู้จัก และเป็นนักการเมืองของพรรคประชาชน โดยมีคุณสมบัติผู้สมัคร คือต้องเป็นสมาชิกพรรคประชาชน ที่สนใจทำงานการเมืองร่วมกับพรรคในฐานะนักการเมืองทุกระดับ ไม่เป็นผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง หรือมีคุณสมบัติต้องห้ามไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ผ่านการอบรมหลักสูตรตัวแทนสมาชิกพรรคประชาชน (PP101) โดยหากผ่านการอบรม 2 หลักสูตรนี้ จะมีสิทธิเสนอตัวลงสมัคร สส.เขต หรือ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ได้
การแก้เกมของ ‘ก๊กส้ม’ หนนี้ ต้องรอดูว่าในการเลือกตั้ง สส.ใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนับจากนี้ จะช่วยคัดกรองบุคคล ‘ดีเอ็นเอสีส้ม’ ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย 100% หรือว่าจะยังมี ‘ลูกงูเห่า’ เล็ดรอดมาได้อีก ต้องติดตามกัน