ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'กิตติ พันธ์น้อย' อดีตนายก อบต.ฝั่งแดง อำเภอนากลาง หนองบัวลำภู - พวก 2 ราย จัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิง ปี 52 โดยมิชอบ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษ จำคุกคนละ 5 ปี ไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายกิตติ พันธ์น้อย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ฝั่งแดง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู กับพวก คือ พันจ่าตรี รัฐพงศ์ อิ่มพลี หรืออิ่มพลีพงศ์ หรือนายยศพนธ์ อิ่มพลี และนายสุวัฒน์ สุขสันติชัย ดำเนินโครงการสอบราคาซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์ของ อบต.ฝั่งแดง ปีงบประมาณ 2552 โดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้ว) พ.ศ.2542 มาตรา 11 และมาตรา 12 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่มีคำพิพากษาว่า นายกิตติ พันธ์น้อย พันจ่าตรี รัฐพงศ์ อิ่มพลี หรืออิ่มพลีพงศ์ หรือนายยศพนธ์ อิ่มพลี และนายสุวัฒน์ สุขสันติชัย จำเลยทั้งสาม มีความผิดตามปอ.มาตรา 157 (เดิม) พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 11, 12
การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 11, 12 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
แต่ความผิดทั้งสองมาตรามีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามมาตรา 11 เพียงบทเดียวตาม ปอ. มาตรา 90
จำคุกคนละ 5 ปี
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 เห็นชอบที่จะไม่ฏีกาคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
สำหรับ พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 11 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใด หรือผู้ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐผู้ใด โดยทุจริตทำการออกแบบ กำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข หรือกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน อันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 12 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท