
ตามหนังสือเวียนของบริษัท VGI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ BTS Group บริษัทชั้นนำของไทย ที่ส่งถึงผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวิสามัญ (EOGM) วาระการประชุม EOGM รวมถึงการออกหุ้นใหม่ให้แก่กองทุน CAI ...รายชื่อผู้ถือหุ้นแยกของ BCPG ใน CAI ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 มี น.ส.แคทรียา นายยิม เลียก และบรรทัดที่ระบุว่า “Capital Asia Investments… for Mr. Yim Leak”
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ ‘เบน สมิธ’ ซึ่งถูกระบุชื่อในบทความของ นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ “1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com
โดยพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ 5 ประการที่สำคัญด้วยกัน ได้แก่
1.นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ถูกกล่าวอ้างว่า เป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในประเทศไทย และนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C. ของกัมพูชา ซึ่งพันธมิตรของ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่า นายเบนจามิน เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจคนสำคัญให้กับนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย คือ นายทักษิณ ชินวัตร โดยนายเบนจามิน จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ และการตัดสินใจในหลายเรื่องต้องผ่านความเห็นของ นายเบนจามิน อีกด้วย
2. ในช่วงปลายปี 2567-ต้นปี 2568 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ถือสัญชาติกัมพูชา ตามเอกสารหนังสือเดินทางกัมพูชา เลขที่ AAoooXXXX ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ได้ยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ในช่วงวันที่ 22-27 ต.ค.2567 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และภรรยา คือ นางสาวแคทรียา บีเวอร์ ถูกระบุชื่อเป็นประธานเจ้าภาพงานทอดกฐินสามัคคี วัดดงช้างดี ต.หาดกรวด อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ โดยในงานทอดกฐินสามัคคีของวัดดงช้างดีนั้น ปรากฏชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานพรรคกล้าธรรม เป็น ‘ประธานอุปถัมภ์’
3. ในช่วงเดือน พ.ค. 2567 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ พร้อมกับ นายยิม เลียก ประธานกรรมการธนาคาร B.I.C ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งและจดทะเบียนกับธนาคารแห่งชาติกัมพูชา มีบุคคลสำคัญในประเทศไทย เข้าไปร่วมนั่งเป็นบอร์ดบริหาร
4.ในช่วงปี 2547 สื่อของประเทศอังกฤษได้รายงานข่าวกรณีหลอกขายหุ้นระดับโลกของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งรายงานข่าวชิ้นดังกล่าว มีการระบุข้อมูลเชื่อมโยงไปถึง นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ รวมไปถึงข้อมูลบริษัท Brinton Group ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ชื่อดังในกรุงเทพฯ ช่วงปี 2544 ก่อนที่นายเบนจามิน จะเข้าไปมีบทบาทในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2557 และเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยและยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา ในช่วงต้นปี 2567 แต่ไม่ได้รับอนุญาต
และ5. นางสาวแคทรียา ภรรยา นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 2 แห่ง ประกอบด้วย 1.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 10 ของ BCP จำนวน16,843,300 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.22% มีมูลค่าหุ้นล่าสุด (30 ส.ค.2568) 543.19 ล้านบาท และ2. ถือบริษัท กรีนเทค เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ GTV จำนวน 535,936,733 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.88% มีมูลค่าหุ้นล่าสุด (30 ส.ค.2568) 42.87 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในบทความของนายทอม ไรต์ มีการระบุชื่อนิติบุคคลจากสิงคโปร์ที่สำคัญซึ่งก็คือบริษัทจัดการกองทุน Capital Asia Investments (CAI) ที่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้ามาซื้อถือหุ้นในธุรกิจต่างๆในประเทศไทย ที่มีความมั่นคงสูง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.ย. สำนักข่าว The Business Times ของสิงคโปร์ได้มีการเปิดเผยข้อมูลบริษัท Capital Asia Investments (CAI) ดังกล่าว
มีรายละเอียดดังนี้
บริษัทจัดการกองทุน Capital Asia Investments (CAI) ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากสิงคโปร์ ได้เข้าซื้อและขายหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของไทยและบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ ผ่านการซื้อขายที่ซับซ้อนหลายรายการ มูลค่าการซื้อขายของบล็อกที่บริษัทได้ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 658 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (16,293,198,600 บาท) ณ ราคาตลาดปัจจุบัน
ข้อตกลงการเข้าถือหุ้นในไทยของบริษัท CAI บางส่วน เกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ บริษัทสื่อ และบริษัทโฮลดิ้งที่หลากหลาย มีความเกี่ยวพันกับนายยิม เลียก (Yim Leak) มหาเศรษฐีกัมพูชา ซึ่งครอบครัวของเขามีความเกี่ยวพันกับอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน
มีรายงานว่าพบข้อมูลการทำข้อตกลงอีกฉบับเกี่ยวข้องกับบริษัทสิงคโปร์ชื่อว่า Pilgrim Finansa Investment หรือบริษัท พิลกริม ไฟแนนเชียล อินเวสต์เมนต์ โดยบริษัทนี้สื่อสิงคโปร์อ้างว่าเป็นบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับ CAI และตามเอกสารที่ยื่นจดทะเบียนพบว่ามีนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท
การทำข้อตกลงหลายรายการในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดย CAI ซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่ากว่า 1.12 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (35,703,360,000 บาท) และบริษทนี้อยู่ภายใต้การนำของผู้ก่อตั้งร่วมชาวสิงคโปร์ คือนายยูจีน แทง (Eugene Tang) วัย 47 ปี และนายจอร์จ แทน (George Tan) วัย 55 ปี โดยเรื่องนี้กำลังดึงดูดความสนใจของสาธารณชน

นายยูจีน แทง (Eugene Tang) และนายจอร์จ แทน (George Tan) ผู้ก่อตั้ง CAI
ข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในภาคส่วนธุรกิจของไทยได้กลายมาเป็นพาดหัวข่าวในสื่อของไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรายงานเน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ที่อาจตกไปอยู่ในมือของต่างชาติ
เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นายทอม ไรท์ อดีตนักข่าวได้เขียนถึงนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เจ้าของธุรรกิจแบบหม้อไอน้ำหรือ Boiler Room ที่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิด และในบทความดังกล่าว ได้มีการพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับชนชั้นนำทั้งไทยและกัมพูชา
นายไรท์ได้กล่าวถึงความเชื่อมโยงของนายเมาเออร์เบอร์เกอร์กับ CAI แม้ว่าข้อกล่าวอ้างเหล่านี้จะไม่สามารถตรวจสอบโดยอิสระโดย The Business Times ได้
@ธุรกรรมหลายชั้น
หนึ่งในความเคลื่อนไหวของบริษัท CAI เกี่ยวข้องกับบริษัท BCPG ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ที่แยกตัวออกมาจากบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของไทยอย่างบางจาก
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว CAI ได้ซื้อหุ้น BCPG กว่า 50 ล้านหุ้นจากน.ส.แคทรียา บีเวอร์ นักธุรกิจชื่อดังของไทย ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 3.6% เป็น 5.3% ตามข้อมูลที่ผู้จัดการกองทุนยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่ได้บอกว่าของประเทศไหน
เอกสารของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นธุรกรรมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากนายแทง, แทน และ น.ส.แคทียา เคยบริหารบริษัททุนแปรผันชื่อว่า CAI Optimum Fund ซึ่งทั้งหมดร่วมเป็นผู้ร่วมกันจัดการ
จากนั้น CAI จึงหันมาสนใจหุ้นบริษัทบางจาก ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม CAI ได้เข้าซื้อหุ้นบางจากเกือบ 6% จากตลาดขายหุ้นเปิด และเพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นเป็น 10% ภายในสองสัปดาห์ ตามข้อมูลเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของไทย
ในเดือนมีนาคมของปีนี้ การเปิดเผยข้อมูลที่เกิดจากการแปลงหุ้นตามใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์แสดงให้เห็นว่า CAI ถือหุ้นอยู่มากถึง 13.9 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะลดลงเหลือ 4.9 เปอร์เซ็นต์
ภายในไม่กี่สัปดาห์ CAI ได้ขายหุ้นบางจากมากกว่า 190 ล้านหุ้นให้กับบริษัท อัลฟา ชาร์เตอร์ด เอ็นเนอร์จี (Alpha Chartered Energy) ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ สัดส่วนการถือหุ้นของอัลฟ่า เพิ่มขึ้นจาก 2.6% เป็นกว่า 20% ระยะเวลานั้นห่างกันเล็กน้อยหลังจากการซื้อกิจการสามครั้งระหว่างวันที่ 19 มีนาคม ถึง 9 เมษายน ทำให้ อัลฟ่ากลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ตามรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ของบางจาก
ข้อมูลเกี่ยวกับอัลฟา ชาร์เตอร์ด ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคมด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท มีน้อยมาก บันทึกของบริษัทระบุว่าบริษัทอัลฟา โกลบอล (Alpha Global) ซึ่งเป็นนิติบุคคลของไทยที่จดทะเบียนในเดือนธันวาคม 2567 ถือหุ้นบริษัทอัลฟา ชาร์เตอร์ดอยู่ 51% และ บริษัท Encore Issuances บริษัทรับแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในลักเซมเบิร์ก ถือหุ้นอยู่ 49%
ในช่วงแรกอัลฟา โกลบอล แบ่งปันที่อยู่ร่วมกับบริษัทเอเพ็กซ์ อีควิตี้ เวนเจอร์ส (Apex Equity Ventures) ซึ่งมีเจ้าของคือ น.ส.แคทรียา ก่อนที่จะย้ายสำนักงานในเดือนมีนาคมและกรกฎาคม ตามที่บันทึกทางธุรกิจระบุไว้
ในขณะเดียวกันบริษัท Encore อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Opus-Chartered Issuances SA (Opus) ซึ่งมีที่ปรึกษาการลงทุนคือบริษัท Chartered Investment Managers ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนที่ได้รับอนุญาตจากองค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (MAS) และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Chartered Group ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์
@ความเชื่อมโยงถึงกัมพูชา
ชื่อของ CAI ยังปรากฏเคียงข้างกลุ่มธุรกิจและชนชั้นนำทางการเมืองของกัมพูชาอีกด้วย
ผู้จัดการกองทุนบริหารงานมากกว่า 40 บริษัท ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม โครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานหมุนเวียน ตามหนังสือเวียนของบริษัท VGI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ BTS Group บริษัทชั้นนำของไทย ที่ส่งถึงผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวิสามัญ (EOGM) วาระการประชุม EOGM รวมถึงการออกหุ้นใหม่ให้แก่กองทุน CAI
รายชื่อผู้ถือหุ้นแยกของ BCPG ใน CAI ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 มี น.ส.แคทรียา นายยิม เลียก และบรรทัดที่ระบุว่า “Capital Asia Investments… for Mr. Yim Leak”
สำหรับนายยิมดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัท BIC ของกัมพูชา พ่อของเขาเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และน้องสาวของเขาแต่งงานกับนายฮุน มานนี รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และเป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน
@ความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ที่มีลักษณะผูกมัดกัน
เส้นทางความสัมพันธ์ดังกล่าวยังวิ่งผ่านบริษัท United Power of Asia (UPA) ซึ่งปัจจุบันคือบริษัทกรีนเทคเวนเจอร์ส หรือ Green Tech Ventures (GTV) โดยเอกสารที่ยื่นของบริษัทแสดงให้เห็นการไหลเวียนของหุ้นแบบวงกลม
ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ น.ส.แคทรียาสะสมหุ้นได้มากกว่าหนึ่งพันล้านหุ้นในเดือนตุลาคม 2563 เธอได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับคนกลาง ซึ่งหลายเดือนต่อมาคนกลางคนนี้ก็ได้ขายหุ้นเกือบทั้งหมดของเขาให้กับ CAI GTV เป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนที่ครอบคลุมธุรกิจพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และบริการข้อมูล
น.ส.แคทรียาได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวนหนึ่งในสามจากทั้งหมดสี่พันล้านหุ้นที่ออกใหม่ในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ UPA การขายหุ้นครั้งนี้ระดมทุนได้กว่า 500 ล้านบาท และบริษัท UPA แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอีกไม่กี่วันต่อมาหลังการระดุมทุน
ภายในเวลาไม่ถึงเดือน UPA เปิดเผยว่ารายได้ดังกล่าวถูกนำไปใช้เพื่อระดมทุนบางส่วนสำหรับการลงทุนในโครงการสร้างหอคอยในกรุงพนมเปญ ผ่านการซื้อหุ้นมูลค่า 450 ล้านบาทจากนายยิม
ในเวลานั้น นายยิมดำรงตำแหน่งประธานบริษัท One Central Tower โดยถือหุ้นอยู่ 23.34 เปอร์เซ็นต์
ผลประกอบการของโครงการหอคอยกัมพูชามีความผันผวน โดยในปี 2564 บริษัทที่รับผิดชอบโครงการสร้างหอคอยรายงานผลขาดทุน 3.86 ล้านบาท ต่อมาในปี 2565 บริษัทระบุว่า มีกำไร 18.69 ล้านบาท และในปี 2566 บริษัทอ้างว่า มีกำไร 3.66 ล้านบาท ตามข้อมูลเอกสาร
ในเดือนพฤศจิกายน 2564 บริษัท UPA ยังได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยว่าได้เปลี่ยนที่อยู่จดทะเบียนให้ตรงกับที่อยู่ของบริษัท เอเพ็กซ์ อีควิตี้ เวนเจอร์ส (Apex Equity Ventures) ซึ่งเป็นเจ้าของโดย น.ส.แคทรียา
ในบันทึกบริษัทยังมีการอ้างถึงการติดต่อระหว่างนายยิมและบริษัท CAI
เดือนพฤศจิกายน 2564 บริษัท CAI ได้ซื้อหุ้น 20 ล้านหุ้นในบริษัท M Vision ซึ่งเป็นบริษัทจัดงานและสื่อจากนายยิม จากนั้นสี่เดือนต่อมาก็ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก 45 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 189 ล้านบาท ทำให้ CAI กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ M Vision ซึ่งทาง M Vision ระบุว่าจะนำเงินที่ได้ส่วนใหญ่ไปใช้ในการขุดบิตคอยน์
ณ เดือนมีนาคม 2568 บริษัท CAI ถือหุ้น M Vision อยู่ 13.3 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าหุ้นของบริษัทอาจเจือจางลงเหลือต่ำกว่า 4 เปอร์เซ็นต์หลังจากการจัดสรรแบบส่วนตัว ซึ่งจะทำให้บริษัทผู้ค้าปลีกด้านไอทีอย่าง Com7 สามารถควบคุมหุ้นได้ และทำให้บริษัท TR Partners กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นอันดับสองของบริษัท M Vision
@ถนนทุกสายมุ่งสู่ CAI
CAI ยังได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองในบริษัท VGI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือสื่อและโฆษณาของ BTS Group กลุ่มบริษัทชั้นนำของไทย หลังจากเข้าร่วมการจัดสรรหุ้นใหม่จำนวนมหาศาลจำนวน 8.8 พันล้านหุ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
นักลงทุนสี่ราย รวมถึง CAI ได้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ทำให้พวกเขาถือหุ้นรวมกัน 44% ในบริษัทที่ขยายใหญ่ขึ้นนี้ นักลงทุนสองรายในจำนวนนี้ ได้แก่บริษัท Opus-Chartered Issuances SA (Opus) และบริษัท Thai IR นิติบุคคลเฉพาะกิจ ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงกับ CAI เช่นกัน
กองทุน IR ของไทยบริหารจัดการโดยบริษัท Finansia Investment Management ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัท Finansia X ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ณ วันที่ 29 กรกฎาคม คือ บริษัท “CAI for Pilgrim Finansa Investment” (Pilgrim) ตามเอกสารที่ Finansia X ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ข้อมูลนิติบุคคลที่จัดทำโดยบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลชื่อว่า Handshakes ของสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่าบริษัท Pilgrim เคยมีบริษัท Pilgrim Partners Asia ที่ได้รับใบอนุญาตจาก MAS เป็นผู้ถือหุ้น บันทึกการจดทะเบียนยังระบุว่า Pilgrim อยู่ที่อยู่เดียวกับ CAI โดยมีนายแทงเป็นกรรมการบริษัท
ข้อมูลเอกสารยังแสดงให้เห็นว่าบริษัท Pilgrim Finansa Investment ได้รับการก่อตั้งโดยนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของไทย ซึ่งเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย
เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา นายวรภัคได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ระบุว่าเขาเกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัท BIC ของกัมพูชา โดยกล่าวว่าเขาได้พบกับนายยิมเมื่อหลายปีก่อนเพื่อขอคำแนะนำทางการเงิน แต่นายวรภัคปฏิเสธว่าไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัท ยืนยันว่าไม่ได้รับค่าตอบแทน หรือไม่ได้ติดต่อกับนายยิมอีกหลังจากนั้น
แต่เว็บไซต์ BIC Group ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์สืบค้นข้อมูลย้อนหลังหรือ Wayback Machine ลงวันที่ 10 สิงหาคม แสดงให้เห็นว่านายวรภัคดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการ พร้อมด้วยบุคคลสัญชาติไทยอีกสองคน
ต่อมา วันที่ 12 กันยายน เว็บไซต์ BIC Group ระบุเพียงนายและนายเฉิน ไค-ผิง เป็นทีมผู้บริหาร BIC Group และพอมาถึงวันที่ 15 กันยายัน เว็บไซต์ BIC Group ก็ได้มีการระบุแค่ว่านายยิมเท่านั้นที่เป็นผู้บริหาร BIC Group
สำหรับคนไทยอีกรายที่พบว่าเคยถูกติดภาพว่าเป็นทีมผู้บริหารกลุ่มบริษัท BIC Group ได้แก่ พล.ต.อ.วิษณุ ปราสาททองโอสถ พบว่านั่งเป็นกรรมการบริษัทที่ BCPG และที่ Finansia X

รายชื่อบอร์ดบริหาร BIC Group ก่อนมีการลบชื่อออกไป

เว็บไซต์ BIC Group ลบรายชื่อกรรมการคนอื่นออก เหลือแค่นายยิม เลียกคนเดียว
ในขณะเดียวกัน Opus พบว่าเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ มีวัตถุประสงค์พิเศษที่เชื่อมโยงกับบริษัทอีกแห่งชื่อว่า Encore ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 49 ในอัลฟา โกลบอลโดยบริษัทในเครือได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบางจากหลังจากซื้อบล็อกหุ้นจากบริษัท CAI
@ผลประโยชน์ที่บรรจบกัน
มีข้อมูลเกี่ยวกับการพบกันระหว่างบริษัท CAI,นายยิมและ น.ส.แคทรียา ทีบริษัท Financial X ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางการเงินของไทยอีกด้วย
ต่อมาในวันที่ 29 ก.ค. ปรากฎข้อมูลว่าผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในบริษัท Financial X ได้แก่บริษัท CAI โดยถือหุ้นสัดส่วน 24.14เปอร์เซ็นต์ ในนาม CAPITAL ASIA INVESTMENTS PTE. LTD. FOR PILGRIM FINANSA INVESTMENT HOLDING ซึ่งตามเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย Financial X ไม่ได้ระบุว่า CAI เข้ามาถือหุ้นในส่วนนี้ได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้กลุ่มธนาคาร BIC Bank ซึ่งจดทะเบียนในกัมพูชาและควบคุมโดยนายยิม ถือหุ้น Finansia X เกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ ณ วันที่ 18 มีนาคม ขณะที่น.ส.แคทรียา ถือหุ้นเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกรกฎาคม 2567 ก่อนที่จะขายหุ้นออกไปเจ็ดเดือนต่อมา
@ใครคือนายแทงและนายแทน
นายแทง เคยทำงานที่ธนาคาร UBS และบริษัทหลักทรัพย์ UOB Kay Hian และเคยเป็นรองประธานฝ่ายบริหารความมั่งคั่งที่บริษัท One Asia Investment Partners (OAIP) ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดการกองทุนที่ปิดตัวลงหลังจากที่ MAS เพิกถอนใบอนุญาตเนื่องจากมีการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม โดยการเพิกถอนเกิดในเดือนเมษายน 2560 ต่อมาอดีตผู้บริหารของ OAIP ถูกตัดสินจำคุกในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน
สวนนายแทน ตามเว็บไซต์ของ CAI ระบุว่าเขาเคยดำรงตำแหน่งอาวุโสในธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ธนาคาร EFG ,บริษัท Pictet และบริษัท CA Indosuez Wealth Management ก่อนที่จะร่วมก่อตั้ง CAI ในเดือนมิถุนายน 2560
สำนักข่าว Business Times พยายามติดต่อบริษัท CAI เพื่อขอความคิดเห็นทางโทรศัพท์และเดินทางไปยังสำนักงานบริษัทที่ถนน Robinson แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

ออฟฟิศบริษัท CAI ที่ถนนโรบินสัน
Business Times ได้คุยกับลูกจ้างของ CAI หลายคน ตอนที่ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งทั้งหมดกล่าวว่านายแทงไม่อยู่ ในขณะที่นายแทนกำลังประชุมอยู่
Business Times ยังได้ติดต่อผ่านทางอีเมล,ผ่านเว็บไซต์ LinkedIn และติดต่อผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือไปยังนายแทงและนายแทน ติดต่อไปยังพนักงานบริษัทคนปัจจุบัน ติดต่ออดีตพนักงานและผู้ถือหุ้นอีก 8 คน โดยพบว่าบางรายได้ลบการกล่าวถึง CAI ที่เคยปรากฏในโปรไฟล์สาธารณะของตนออกไปแล้ว
ขณะที่โฆษกหน่วยงาน MAS กล่าวว่าโดยทั่วไปแล้ว หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงการกำกับดูแลกับสถาบันการเงินเฉพาะใดๆ
“สถาบันการเงินทั้งหมดในสิงคโปร์ รวมถึงผู้จัดการกองทุน จะต้องดำเนินการควบคุมเพื่อบรรเทาความเสี่ยงจากการฟอกเงิน/การสนับสนุนการก่อการร้าย” โฆษก MAS กล่าว
โฆษก MAS กล่าวเสริมว่ากรณีนี้ “ซึ่งรวมถึงการดำเนินการตรวจสอบอย่างรอบคอบกับลูกค้าและการระบุแหล่งที่มาของความมั่งคั่งและเงินทุนของลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงและเจ้าของผลประโยชน์ของพวกเขา ก่อนที่จะเข้าสู่ข้อตกลงการจัดการกองทุนใดๆ”
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉฮุน เซน เซ็น ทิ้งทวนนายกฯยกอุทยานเฉียดพันเฮกตาร์ให้ลูกคนใกล้ชิดบริหาร
- นักข่าวดังสหรัฐฯ อ้างข้อมูล 'ทักษิณ' ใช้นายหน้าแอฟริกาใต้เครือข่ายฮุนเซน ซื้อเจ็ทส่วนตัว
- แกะรอย 'เบนจามิน' นายหน้าปริศนาขายเครื่องบินส่วนตัว ให้ 'ทักษิณ-เครือข่ายฮุนเซน' ?
- 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา แปลงเป็นไทย ยุค 'อนุทิน' นั่งมท.1 แต่ไม่ได้เซ็นให้
- เปิดรายงานลับ สน.บท.กรณี 'เบนจามิน'ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา-ปริศนาที่ปรึกษาธุรกิจ ทักษิณ?
- เจาะลึก! เส้นทาง 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชาแปลงเป็นไทย 'บิ๊กตลท.' ให้ถ้อยคำรับรอง
- 'อนุทิน' ยันไม่ได้เซ็นอนุมัติแปลงสัญชาติ 'เบนจามิน' ตีตกชั้นปค.-อย่าโยงขัดแย้ง 'ทักษิณ'
- เปิดข้อมูล บ.ที่ทำงาน 'เบนจามิน' ไฮโซแฟนลูกนักการเมืองกัมพูชาถือหุ้น ก่อนขอแปลงสัญชาติ
- ขุดประวัติ 'เบนจามิน' กุนซือฮุนเซน โยง 'ยิม เลียก'-ที่ปรึกษารมว.คลังไทยนั่งบอร์ด ธ.กัมพูชา
- เปิดแฟ้มข่าวสื่ออังกฤษ 21 ปีก่อน! คดีหลอกขายหุ้นระดับโลก โยง 'เบนจามิน' กุนซือฮุน เซน
- โลกกลม! ข้อมูลใหม่ 'เบนจามิน' ปธ.เจ้าภาพกฐินฯ ร่วม 'ธรรมนัส' เปลี่ยนชื่อ-สกุลไทยแล้ว
- เปิดตัว‘แคทรียา บีเวอร์‘ ภรรยา 'เบนจามิน'กุนซือฮุน เซน 1 ในผู้ถือหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันบางจาก
- บทวิเคราะห์สื่อสหรัฐ: 'เบนจามิน' โยง 'ทักษิณ' ทุนการเมืองฮุบหุ้นบางจาก ต้นตอขัดแย้งเขมร?
- ส่องความมั่งคั่ง 6 พันล.! 'ยิม เลียก'บิ๊กนักธุรกิจกัมพูชา-กุนซือฮุน เซน คู่ 'เบนจามิน'
- อดีตผู้สื่อข่าว WSJ ฉายภาพชัด 'ทักษิณ-เบนจามิน' โยงกลุ่มทุนกัมพูชา - ฮุบบางจาก?
- เปิดโปงความมั่งคั่ง4หมื่นล.เบนจามิน! โยงอีลิตเขมรฮุบบางจาก?'ทักษิณ-สารัชถ์' มิตรสู่ศัตรู

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา