
10 ข่าวเด่น ‘อิศรา’ แห่งปี 2568 เผยโฉมโฉนด/น.ส.3 ก. สนามบิน ‘อนุทิน-ลูกสาว’6 แปลง-เจาะลึก ‘แพทองธาร’ รับโอนหุ้น 7 บ.เครือญาติ ที่มา ‘หนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน’ 4,434.5 ล.-เปิดธุรกิจ ‘ชนนพัฒฐ์’ สส.สงขลา กล้าธรรม-5 บริษัทกลุ่มทุนจีน-กัมพูชาเจ้าของบ้านหรูโครงการดัง ใช้‘คนทำบัญชี’รายเดียวกัน-คำสั่งบังคับคดีชั้น 14 'ทักษิณ' รู้ตัวไม่ป่วยจริงให้กลับไปรับโทษจำคุก1 ปี-ผลสอบคลิปเสียงฉาวออกเลขบ้านสวย 'เรียกรับเงินจริง-แต่ยังไม่ได้จ่าย'-ขุดประวัติ 'เบนจามิน' กุนซือฮุนเซน โยง 'ยิม เลียก'-คืบหน้าคดีแจกกล้วย 'ธรรมนัส'ยันไม่เกี่ยวข้อง-ประกันสังคมลุยจ้างพิมพ์ปฏิทิน 49.2 ล. -บ.รีโนเวทบ้านโผล่สืบราคากลาง-ข้อมูล 'บ. อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริชฯ' ทำ 'เว็บแอป' ให้ประกันสังคม งบ 850 ล.
ตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับการทุจริต การประพฤติมิชอบของข้าราชการ นักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนหลายคดี รวมถึงข่าวทรัพย์สินของนักการเมืองที่มีความน่าสนใจ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รวบรวม 10 ข่าวเด่นในรอบปี 2568 ที่สำนักข่าวอิศรา ติดตามตรวจสอบมาให้สาธารณชนรับทราบ ณ ที่นี้
@ ข่าวเด่นบัญชีทรัพย์สินรัฐมนตรี-นักการเมือง
1.กรณีตรวจสอบข้อมูลที่ดินสนามบินปากช่องของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

ที่ดินสนามบินในพื้นที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในนามบริษัท เจริญคีรี จำกัด ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและถือหุ้น จำนวน 250,400 หุ้น มูลค่า 25,040,000 บาท ในช่วงก่อตั้งวันที่ 31 ตุลาคม 2560 (ก่อนโอนหุ้นให้นางสาวนัยน์ภัค ชาญวีรกูล บุตรสาวเมื่อ 30 เม.ย.2562 ) มีผู้ถือครอง จำนวน 4 ราย
1.นายอนุทิน ชาญวีรกูล จำนวน 5 แปลง เป็นโฉนดที่ดิน 3 แปลง น.ส.3 ก. 2 แปลง รวมเนื้อที่ 62-0-98 ไร่
2. นางสาวปราณี พิริยะมาสกุล จำนวน 9 แปลง รวมเนื้อที่ 63-3-27 ไร่ เป็นโฉนด ทั้งหมด
3.นางอนิลรัตน์ นิติสาโรจน์ จำนวน 2 แปลง เป็นโฉนด 1 แปลง และ น.ส.3 ก. 1 แปลง รวมเนื้อที่ 32-0-07 ตารางวา
4. นางสาวนัยน์ภัค ชาญวีรกูล จำนวน 1 แปลง ได้แก่ น.ส. 3 ก เลขที่ 6322 เลขที่ดิน 348 ตําบลหนองสาหร่าย อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 16 ไร่ 61 ตารางวา
โดยที่ดินของบุคคลทั้ง 4 ซื้อมาจากบุคคลอื่น เมื่อปี 2552 ,2553 ,2554,2556,2558,2559,2560 บางแปลงซื้อต่อเพียงทอดเดียว บางแปลงซื้อต่อหลายทอด ,ผู้ขายบางรายเป็นนักธุรกิจ บางรายเป็นนิติบุคคล ,โฉนดบางแปลงออกตามนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาล ,บางแปลงห้ามโอนซื้อขายภายใน 5 ปีหลังออกโฉนด เป็นต้น ทั้ง 17 แปลงถูกโอนเพื่อชำระค่าหุ้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2560
โฟกัสที่ดินของนายอนุทิน จำนวน 5 แปลง และที่ดินของ น.ส.นัยน์ภัค ลูกสาว 1 แปลง รวม 6 แปลง มีที่มาอย่างไร?
1.ที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 2669 เลขที่ดิน 166 ตําบลขนงพระ อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 16 ไร่ ออกเมื่อ 15 ต.ค. 2525
2. โฉนดที่ดินเลขที่ 26474 เลขที่ดิน 4 ตําบลขนงพระ อําเภอปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา เนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 9 ตารางวา ออกในชื่อนายวิโรจน์ ลีลารุ่งโรจน์ ที่อยู่ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อ 21 พ.ย.2543
3. โฉนดที่ดินเลขที่ 26475 เลขที่ดิน 5 ตําบลขนงพระ อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 89 ตารางวา ออกในชื่อนายวิโรจน์ ลีลารุ่งโรจน์ ที่อยู่ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อ 21 พ.ย.2543
4. โฉนดที่ดินเลขที่ 45957 เลขที่ดิน 255 ตําบลหนองสาหร่าย อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 16 ไร่ ออกในชื่อนางสาวสมทรง รอดบำรุง ที่อยู่ หมู่ที่ 9 ตําบลหนองสาหร่าย อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2548
5. ที่ดินตาม น.ส.3 ก เลขที่ 3011 เลขที่ดิน 188 ตําบลหนองสาหร่าย อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ 16 ไร่ ออกเมื่อ 27 ต.ค. 2530
น่าสังเกตว่า ที่ดินทั้ง 6 แปลง ห้ามโอนภายใน 5 ปี ตามพระบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 นับจากวันออกโฉนดและหรือ น.ส.3 ก. ทุกแปลง
อ่านประกอบ: เผยโฉมโฉนด/น.ส.3 ก. สนามบิน ‘อนุทิน-ลูกสาว’6 แปลง-ห้ามโอน 5 ปี/ซื้อจากใครบ้าง?
2.กรณีการตรวจสอบหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

สืบเนื่อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711.49 บาท
เฉพาะรายการหนี้สิน น.ส.แพทองธาร แจ้งว่ามีหนี้สิน 4,439,980,600.96 บาท นายปิฎกมีหนี้สิน 1,179,110.53 บาท (เงินเบิกเกินบัญชี)
รายการหนี้สินของ น.ส.แพทองธาร มี 10 รายการ ประกอบด้วย เงินเบิกเกินบัญชี 10 บัญชี 5,458,262 บาท และ หนี้สินอื่น 9 รายการ ได้แก่ สัญญากู้ยืมเงินจากนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ , นายพานทองแท้ ชินวัตร, นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ , นางบุษบา ดามาพงศ์ และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ รวมมูลค่า 4,434,522,338 บาท โดยไม่คิดดอกเบี้ย
ที่มาของหนี้สินอื่น 9 รายการ 4,434.5 ล้านบาท เป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระค่าหุ้นบริษัทในครอบครัวชินวัตรให้แก่บุคคลในครอบครัวชินวัตร ดามาพงศ์ รวม 5 คน จำแนกเป็น
1.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จำนวน 861,300,000บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2559
2.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นายพานทองแท้ ชินวัตร จำนวน 335,420,541บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2559
3.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จำนวน 670,375,906.17 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2559
4.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จำนวน 361,205,111.52 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2559
5.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จำนวน 495,843,077.73 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2559
6.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 798,660,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท โอเอ ไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 9 มกราคม 2566
7.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 516,800,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท บี.บี.ดี. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2566
8.ตั๋วสัญญาใช้เงิน นางบุษบา ดามาพงศ์ จำนวน 258,400,000 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท บี.บี.ดี. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2566
9.ตั๋วสัญญาใช้เงิน คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จำนวน 136,517,701.60 บาท เพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์ แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2559
เมื่อมาดูการโอนหุ้นระหว่าง 5 บุคคลเครือญาตินางสาวแพทองธาร กับ นางสาวแพทองธาร จำนวน 9 รายการ 7 บริษัท ที่มาของหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินตามที่ระบุในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินข้างต้น
จากการสืบค้นข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) บริษัทจดทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบข้อมูลดังนี้
1.บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ณ วันที่ 18 เม.ย.2559 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือครองจำนวน 21,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
วันที่ 25 ต.ค.2559 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือ ครอง 111,000,000 หุ้น เพิ่มขึ้น 90,000,000 หุ้น รวม 900 ล้านบาท (รับโอนมาจาก นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์) (ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 1 ให้นางสาวพินทองทา 861,300,000บาท)
2.บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ณ วันที่ 29 เม.ย.2559 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือครอง 14,099,999 หุ้น นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นใหญ่ 235,939,999 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท นายพานทองแท้ ชินวัตร 200,000,100 หุ้น (200 ล้านหุ้น ชำระแล้ว หุ้นละ 5 บาท)
วันที่ 25 ต.ค.2559 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือครอง 138,000,000 หุ้น (แบ่งออกเป็นจำนวน 75,999,900 หุ้น หุ้นละ 10 บาท และ จำนวน 62,000,100 หุ้น ชำระแล้ว หุ้นละ 5 บาท) เพิ่มขึ้น 123,900,001 หุ้น มูลค่า 1,239,000,010 บาท-คิดมูลค่าหุ้นละ 10 บาท) (ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 2 ให้นายพานทองแท้ และ และ ฉบับที่ 3 นางสาวพินทองทา 2 คนรวม 1,005,796,447.17 บาท)
3.บริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) วันที่ 27 เม.ย.2559 นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้นใหญ่ 131,717,864 หุ้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือ 6,263,316 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
26 เม.ย.2560 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 41,400,000 หุ้น (เลขหมายใบหุ้นลงวันที่ 08/09/2559) เพิ่มขึ้น 35,136,684 หุ้น = 351,366,840 บาท (รับโอนจาก น.ส.พินทองทา) (ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 4 ให้นางสาวพินทองทา จำนวน 361,205,111.52 บาท)
4.บริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) 29 เม.ย.2559 นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากร ถือหุ้นใหญ่ 176,345,437 หุ้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 5,365,227 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
25 ต.ค.2559 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 54,900,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท (เลขหมายใบหุ้นลงวันที่ 8/9/59) เพิ่มขึ้น 49,534,773 หุ้น = 495,347,730 บาท (รับโอนมาจาก นางสาวพินทองทา) ขณะที่ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 5 ให้นางสาวพินทองทา จำนวน 495,843,077.73 บาท
5.บริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) 29 เม.ย.2557 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ 269,999,991 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
24 ม.ค.2566 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 81,000,000 หุ้น เลขหมายใบหุ้นลงวันที่ 9/1/2566 (รับโอนมาจากนายบรรณพจน์) มูลค่า 810 ล้านบาท ขณะที่ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉบับที่ 6 นายบรรณพจน์ ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 9 มกราคม 2566 สัญญาจะจ่ายเงินจำนวน 798,660,000 บาท
6.บริษัท บี.บี.ดี. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) 20 เม.ย.2566 นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ 320,000,000 หุ้น (200,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท และ 120,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 6 บาท) นางบุษบา ดามาพงศ์ 79,999,993 หุ้น (49,999,993 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท และ 30,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 6 บาท)
8 มิ.ย.2566 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 120,000,000 หุ้น (แบ่งเป็น 75,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท และ 45,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 6 บาท มูลค่า 1,020,000,000 บาท) รับโอนมาจากนายบรรณพจน์ ขณะที่ ตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉบับที่ 7 สัญญาจะจ่ายเงินให้แก่ นายบรรณพจน์ จำนวน 516,800,000 บาท และ ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 8 สัญญาจะจ่ายเงินให้แก่ นางบุษบา ดามาพงศ์ จำนวน 258,400,000 บาท รวม 2 คน 775,200,000 บาท ตามหนังสือสัญญาโอนหุ้นฉบับลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2566
7.บริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์แอนด์แมนเนจเม้นท์ จำกัด
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) 30 เม.ย.2556 คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้นใหญ่ 60,999,950 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
25 ต.ค.2559 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 18,300,000 หุ้น (วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 8/9/59 ) มูลค่า 183 ล้านบาท (รับโอนมาจาก คุณหญิงพจมาน) ขณะที่ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 9 ให้แก่/หรือ ตามคำสั่ง คุณหญิงพจมาน 136,517,701.60 บาท
จากข้อมูลเห็นได้ว่ามูลค่าหุ้นที่นางสาวแพทองธารรับโอนจากเครือญาติกับจำนวนหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินแต่ละฉบับไม่ตรงกันเสียทีเดียว โดยตัวเลขใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็น การโอนหุ้นบริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด มูลค่า 495.3 ล้านบาท กับตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 5 ให้แก่ นางสาวพินทองทา ประมาณ 495.8 ล้านบาท
การโอนหุ้น บริษัท เอสซี ออฟฟิศ พลาซ่า จำกัด มูลค่า 351.3 ล้านบาท กับตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 4 ให้แก่ นางสาวพินทองทา จำนวน 361.2 ล้านบาท
และการโอนหุ้น บริษัท โอเอไอ แมเนอจเม้นท์ จำกัด มูลค่า 810 ล้านบาท กับตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉบับที่ 5 ให้แก่ นายบรรพจน์ จำนวน 798.6 ล้านบาท
ส่วนการโอนหุ้นบริษัทอื่นกับตัวเลขหนี้ในตั๋วสัญญาใช้เงินมีความต่างกันอยู่พอสมควร ไม่มีข้อมูลว่าเป็นเพราะเหตุใด
อ่านประกอบ: ตามเจาะลึก ‘แพทองธาร’ รับโอนหุ้น 7 บ.เครือญาติ ที่มา ‘หนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน’ 4,434.5 ล.
3.การตรวจสอบธุรกิจของนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.พรรคกล้าธรรม

ก่อนที่จะปรากฏข่าวสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณี ปปง.ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สิน นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.พรรคกล้าธรรม กับพวกรวม 159 ล้านบาท เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ สำนักข่าวอิศราได้นำเสนอข่าวธุรกิจของนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว หรือ เสี่ยกฤต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันสังกัดพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
จากการตรวจสอบพบว่า นายชนนพัฒฐ์ และ นางสาวกฤตพร คงเคว็จ ภรรยา มีชื่อเป็นกรรมการและหรือถือหุ้นอย่างน้อย 8 บริษัท ดังนี้
1.บริษัท สโมสรนครศรี ยูไนเต็ด จำกัด ชื่อเดิม บริษัท สโมสรฟุตบอลราชพฤกษ์ นนทบุรี จำกัด จดทะเบียนวันที่ 8 ก.พ. 2556 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ต่อมา 25 พ.ย. 2557 เพิ่มเป็น 2 ล้านบาท 11 ส.ค.2565 เพิ่มเป็น 12 ล้านบาท สโมสรฟุตบอล ที่ตั้งเลขที่ 445 ถนนสะพานยาว ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช นายชนนพัฒน์ถือหุ้น 14,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ต่อมา 30 เม.ย.2565 เพิ่มเป็น 84,000 หุ้น กระทั่ง 28 ก.พ.2566 นายชนนพัฒน์โอนหุ้นให้นางสาว กฤตพร คงเคว็จ ทั้งหมด บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) 15 มี.ค. 2568 จำนวน 4 ราย นางสาว กฤตพร คงเคว็จ หุ้นใหญ่ 84,000 หุ้น นางพาชื่น นาคสั้ว 12,000 หุ้น อีก 2 ราย ละ 12,000 หุ้นรวมทั้งสิ้น 120,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นางสาวกฤตพร คงเคว็จ เป็นกรรมการ
2.บริษัท กราวิตี้ ซัพพลาย จำกัด จดทะเบียนวันที่ 20 มี.ค. 2561 ทุน 1 ล้าน ร้านขายปลีกวัสดุก่อสร้างหลายชนิดรวมถึงวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือชนิดนำไปใช้ทำงานได้ด้วยตนเอง ที่ตั้งเลขที่ 122/276 หมู่ 6 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น 30 มิ.ย. 2568 นายพัฒน์ฐา แพรกทอง นายอัษดินทร์ แพรกทอง นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว คนละ 3,320 หุ้น และ นางวรรดี แพรกทอง 40 หุ้น นายพัฒน์ฐา แพรกทอง เป็นกรรมการ
3.บริษัท สตีฟ ดีไซน์ จำกัด ทะเบียนวันที่ 13 พ.ค.2562 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบการผลิตเสื้อผ้าชั้นนอก เดิม ออกแบบกราฟิกและการโฆษณา ที่ตั้งเลขที่ 59/22 หมู่ 10 ถนนกาญจนวนิช ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เม.ย. 2568 นางสาวกฤตพร คงเคว็จ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว คนละ 10,000 หุ้น นายชินธเนศศ์ นาคสั้ว นายจรัส ดำเปล่า คนละ 2,500 หุ้น รวมทั้งหมด 25,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 200 บาท นายชินธเนศต์ นาคสั้ว นายจรัส ดำปล่า นางสาวกฤตพร คงเคว็จ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ร่วมเป็นกรรมการ
4.บริษัท กัตติกมาส ทัวร์ จำกัด ทะเบียนวันที่ 25 ส.ค. 2563 ทุน 1 ล้านบาท ธุรกิจจัดนำเที่ยว ที่ตั้งเลขที่ 186/126 หมู่ 9 ถนนสะพานนยาว ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ 25 เม.ย. 2568 นางพาชื่น นาคสั้ว 5,000 หุ้น นายชินธเนสต์ นาคสั้ว นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว คนละ 2,500 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
5.บริษัท เฌอ ลอนดี้บาร์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 6 พ.ย.2567 ทุน 3 ล้านบาท การบริการซักรีด (ยกเว้น โดยเครื่องซักผ้าชนิดหยอดเหรียญ) ที่ตั้งเลขที่ 33 หมู่ 4 ถนนวิจารณ์ศีลคุณ ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น 30 เม.ย. 2568 นางสาว กฤตพร คงเคว็จ นายอภิวัชร์ อวยธรรมรักษ์ นายภูริวัสธ์ รัตนคช คนละ 10,000 หุ้น รวม 30,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท และร่วมเป็นกรรมการ
6.บริษัท เพชรธนินท์ กรุ๊ป จำกัด ชื่อเดิม บริษัท ฟอร์เมชั่นเทรดดิ้ง จำกัด จดทะเบียน 14 ม.ค. 2562 ทุน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 19/7 หมู่ที่ 1 เขารูปช้าง เมืองสงขลา สงขลา ประกอบการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น : 30 เม.ย. 2568 นางสาว กฤตพร คงเคว็จ ถือ 4,000 หุ้น (40%) นายศักดิ์ดา บัวเนี่ยว และ นางสาว ผกาวรรณ เพ็ชรชักหาญ คนละ 3,000 หุ้น รวมทั้งหมด 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท และร่วมกันเป็นกรรมการ
7.บริษัท กรีนเฮาส์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จดทะเบียน 18 ก.ค. 2565 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย ที่ตั้ง 164/216 หมู่ที่ 1 ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายนพเดช วัชระวรพงศ์ เป็นกรรมการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น 30 เม.ย. 2568 นางสาวกฤตพร คงเคว็จ ถือ 10,000 หุ้น (50%) นางพาชื่น นาคสั้ว นาย ศักดิ์ดา บัวเนี่ยว คนละ 5,000 หุ้น รวม 20,000 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 100 บาท
8. บริษัท กู๊ดเดย์ คาร์ เรนทัล จำกัด จดทะเบียน 4 ส.ค. 2566 ทุนปัจจุบัน 3,500,000 บาท ขนส่งผู้โดยสาร ที่ตั้ง 702/36 หมู่ที่ 3 ถนนเลี่ยงเมือง (สายเอเซีย) ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายณัฐรดา จิตหวัง เป็นกรรมการ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น 30 เม.ย. 2568 นางสาวกฤตพร คงเคว็จ ถือ 12,250 หุ้น นาง กาญจนา คงเคว็จ 8,750 หุ้น และ นายณัฐรดา จิตหวัง 14,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 35,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
อ่านประกอบ: เปิดธุรกิจ‘ชนนพัฒฐ์’สส.สงขลา กล้าธรรม-เมีย ถือหุ้น/กก. 8 บริษัท-แจ้งทรัพย์สิน 96 ล.
4. กรณีตรวจสอบเส้นทางเงินปริศนา 20 ล้านของรัฐมนตรีปริศนาในรัฐบาลอนุทิน
กรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงรายหนึ่งในรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กำลังถูกตรวจสอบรวบรวมข้อมูลเส้นทางเงินจำนวนกว่า 20 หลายล้านบาท โอนเข้ามาในบัญชีธนาคารส่วนตัว โดยไม่ทราบเหตุผลที่มาชัดเจน และมีการโอนเงินต่อไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) รายหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ ผ่านบัญชีธนาคารผู้ช่วยดำเนินการ สส. ของ สส.รายดังกล่าว เพื่อเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดใหญ่ แต่งตั้งคณะไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ และยังสามารถตั้งข้อหารับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท ได้อีกด้วย เพราะเป็นข้อหาที่ไม่มีความซับซ้อนและสามารถตรวจสอบได้ง่าย นั้น
เส้นทางเงินมีการโอนเข้ามาในบัญชีธนาคารส่วนตัวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงรายนี้ เกิดขึ้นในช่วงปี 2562-2566 รวมจำนวน 156 ครั้ง รวมวงเงิน 20,465,380 บาท ใช้วิธีการฝากเงินที่ตู้เงินฝากอัตโนมัติและฝากเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคารครั้งละ 100,000 บาท บางวันมีการฝากเงินเข้าบัญชีหลายครั้ง อาทิ วันที่ 27 กรกฏาคม 2564 มีรายการฝากเงินถึง 9 ครั้งๆ ละ 1 แสนบาท รวมเป็นเงิน 9 แสนบาท วันที่ 30 กันยายน 2564 มีรายการฝากเงินถึง 10 ครั้งๆ ละ 1 แสนบาท รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาท
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลว่า เส้นทางการโอนเข้ามาในบัญชีธนาคารส่วนตัวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงรายนี้ นอกจากการให้ คนใกล้ชิด คอยนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีธนาคารผ่านตู้เงินฝากอัติโนมัติหน้าสาขาธนาคาร และเคาน์เตอร์ธนาคารที่ห้างเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน ยอดวงเงินที่ฝากมีทั้งหลักหมื่น หลักแสน บางครั้งก็มากถึงหลักล้านบาท
ยังมีเส้นทางเงิน ที่ถูกโอนมาจากบุคคล 2 ราย
บุคคลแรก มีชื่อ ว่า นายว. (สงวนชื่อ - นามสกุล) บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 012-3545XXX (สงวนเลขท้าย 3 ตัว) โอนเข้ามาจำนวน 13 ครั้ง รวมวงเงินกว่า 450,000 บาท
บุคคลที่สอง มีชื่อ ว่า นายเก. (สงวนชื่อ-นามสกุล) บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลข 077-2-545XXX (สงวนเลขท้าย 3 ตัว) โอนเงินเข้ามา 1 ครั้ง ในวันที่ 04/07/63 จำนวน 122,500 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น บุคคลทั้ง 2 ราย พบว่า นายว. (สงวนชื่อ-นามสกุล) มีนามสกุลเหมือนกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงรายนี้ แต่คำท้ายนามสุกลคำขาดไปไม่ครบ แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลการแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยื่นต่อ ป.ป.ช. ช่วงพ้นตำแหน่ง สส. และรัฐมนตรี ระบุว่า นายว. (สงวนชื่อ-นามสกุล) เป็นน้องชาย ส่วน นายเก. (สงวนชื่อ-นามสกุล) เป็นนักธุรกิจรายหนึ่ง
@ ข่าวเด่นสืบสวน
5.กรณีตรวจสอบข้อมูลบริษัทเหลียนเซิง จำกัด

การถือครองอสังหาริมทรัพย์เครือข่ายกลุ่มทุนจีนในประเทศไทย คดีฟอกเงินรายนายสฤษฏ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก (คดี บริษัท เหลียน เซิง จำกัด) 20 บริษัท และบริษัทอื่นที่เชื่อมโยงกัน 31 บริษัทรวมทั้งสิ้น 51 บริษัท
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลมารายงานโดยจำแนกเป็นบริษัทที่กรรมการและหรือผู้ถือหุ้นใหญ่มีเป็นบุคคลสัญชาติกัมพูชา จำนวน 6 บริษัท, สัญชาติ เติร์ก ตุรกี หรือ เตอร์กิซ จำนวน 2 บริษัท, สัญชาติวานูอาตู 2 บริษัท และ สัญชาติมาเลเซีย 1 บริษัท ที่เหลือเป็นบุคคลสัญชาติจีน
จากการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องพบว่า บริษัทที่มีกรรมการและหรือผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบุคคลสัญชาติจีนและสัญชาติกัมพูชา พบอย่างน้อย 5 บริษัทระบุชื่อ‘ผู้ทำบัญชี’รายเดียวกันคือ ‘ว่าที่ร้อยตรี ก้องเกียรติ ปลื้มจิตต์’ จำแนกตามที่ตั้งของบริษัทดังนี้
บริษัทที่มีที่ตั้งในหมู่บ้านดังใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 3 บริษัท
1.บริษัท ดับเบิ้ล วิน เรียลเอสเตท จำกัด ผู้ถือครองที่ดิน แปลงที่ 13 (คดี บริษัท เหลียน เซิง จำกัด) ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งมี นายหวัง ซีเปย อายุ 25 ปี สัญชาติจีน เป็นกรรมการถือหุ้นใหญ่
2.บริษัท ยัน ยู พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ถือครองที่ดินแปลงที่ 14 (คดี บริษัท เหลียน เซิง จำกัด) ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่ง นางสาวหลี่ ยู ชง อายุ 30 ปี สัญชาติจีน เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่
3. บริษัท 67 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ถือครองที่ดิน แปลงที่ 15 (คดี บริษัท เหลียน เซิง จำกัด) ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีชื่อนายวัง หยวนหวง อายุ 31 ปี สัญชาติ เตอร์กิซ เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่
ในเอกสาร แบบนำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 ทั้ง 3 บริษัท ระบุชื่อ ผู้ทำบัญชีรายเดียวกัน คือ ว่าที่ ร.ต.ก้องเกียรติ ปลื้มจิตต์ โทรศัพท์หมายเลขเดียวกัน และ บัญชี e-mail แอดเดรสเดียวกัน [email protected]
บริษัททึ่มีที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านในกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก กรุงเทพฯ จำนวน 2 บริษัท
1.บริษัท สุวรรณ มั่งมีชัย จำกัด สำนักงานที่ตั้ง 69/51 ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) 30 เม.ย.2568 นางซิ่วหยุ่น ซู ถือหุ้นใหญ่ 22,500 หุ้น (45%) จากทั้งหมด 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
2. บริษัท ศศิมงคล จำกัด เดิมชื่อ บริษัท ยีเจีย คอนสครัคชั่น จำกัด ที่ตั้งเลขที่ 69/52 ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร วันที่ 12 ก.พ.2568 นายกุ้ยฟา เฉิน (CHEN,GUIFA) สัญชาติจีนถือ 22,500 หุ้น จากทั้งสิ้น 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า กระบวนการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท สุวรรณ มั่งมีชัย จำกัด และ บริษัท ศศิมงคล จำกัด ผู้จองชื่อนิติบุคคลใช้อีเมลแอดเดรสเดียวกัน [email protected] และใช้ชื่อคนทำบัญชีคนเดียวกันคือ ‘ว่าที่ร้อยตรี ก้องเกียรติ ปลื้มจิตต์’ พยานลงลายมือชื่อคนเดียวกัน คือ ‘ ปาริฉัตร สียางนอง ,ศรีแพร โพนศรีสม , ภิญญาพัชญ์ มาตรทอง’ และใช้หมายเลขโทรศัพท์เดียวกัน หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นหมายเลขเดียวกันกับ 3 บริษัทที่มีที่ตั้งในหมู่บ้านดังใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
อย่างไรก็ตาม บริษัท สุวรรณ มั่งมีชัย จำกัด และ บริษัท ศศิมงคล จำกัด ไม่มีชื่อในคำสั่งถูกยึดอายัดทรัพย์ตามคำสั่งคณะกรรมการ ปปง.ที่ ย.193/2567 คดีรายนายสฤษฏ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก (คดี บริษัท เหลียน เซิง จำกัด)
อ่านประกอบ: เปิด 5 บริษัทกลุ่มทุนจีน-กัมพูชาเจ้าของบ้านหรูโครงการดัง ใช้‘คนทำบัญชี’รายเดียวกัน
6.กรณีติดตามการไต่สวนผู้เกี่ยวข้อง ‘คดีติดคุกทิพย์’ ของนายทักษิณ ชินวัตร

คดีนี้เริ่มจากนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนว่ามีการส่งตัวนายทักษฺณไปรักษาตัวนอกเรือนจําขัดต่อพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขัง ไปรักษาตัวนอกเรือนจํา พ.ศ. 2563 เป็นผลให้การบังคับโทษจําคุกจําเลยจึงไม่เป็นไปตามหมายจําคุก แต่ศาลยกคำร้อง ต่อมานายชาญชัยยังยื่นคำร้องอีก 2 ครั้ง ในปี 2567 และปี 2568 ซึ่งในการยื่นคำร้องครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2568 เป็นผลให้วันที่ 30 เม.ย. 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองมีคําสั่งว่า พิเคราะห์คําร้องและเอกสารท้ายคําร้องแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องไม่ใช่คู่ความในคดีหมายเลขแดงที่ อม 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม 10/2552 และคดีหมายเลขแดงที่ อม 5/2551 ของศาลนี้ อีกทั้งไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการบังคับโทษจําคุกแก่จําเลยในคดีดังกล่าว
เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ ผู้มีส่วนได้เสียในชั้นบังคับตามคําพิพากษาจึงไม่มีสิทธิยื่นคําร้องต่อศาลนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏต่อศาลว่าอาจมีการบังคับตามคําพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้
ศาลย่อมมีอํานาจ ไต่สวนและมีคําสั่งตามที่เห็นสมควร จึงเห็นควรส่งสําเนาคําร้องให้โจทก์และจําเลยในคดีดังกล่าว แล้วให้โจทก์ และจําเลยดังกล่าวแจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างในคําร้อง หรือไม่ อย่างไร กับสําเนาคําร้อง ให้ผู้บัญชาการเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตํารวจ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาของศาลว่าการดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจําคุก แก่จําเลยเป็นไปตามหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาล หรือไม่
โดยศาลฯ นัดไต่สวนทั้งหมด 7 นัด ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.-31 ก.ค. 2568 พยาน 31 ปาก และนัดฟังคำสั่งวันที่ 9 ก.ย. 2568 เวลา 10 นาฬิกา และมีคำสั่งให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และนายทักษิณ ชินวัตร จำเลยเข้าฟังด้วย
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2568 องค์คณะศาลฎีกาฯ มีคำตัดสินคดีว่า การส่งตัวนายทักษิณ จำเลยไปรักษาตัวนอกเรือนจำและบังคับโทษไม่เป็นไปตามกฎหมาย จำเลยไม่อาจถือระยะเวลาที่อยู่ในรพ.ตร.เป็นโทษจำคุก จึงต้องบังคับโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามพระบรมราชโองการ พร้อมให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพรับตัวจำเลยไปดำเนินการ
อ่านประกอบ: เอ็กซ์คลูซีฟ! คำสั่งบังคับคดีชั้น 14 'ทักษิณ' รู้ตัวไม่ป่วยจริงให้กลับไปรับโทษจำคุก1 ปี
7.กรณีติดตาม-ตรวจสอบข้าราชการเรียกเงินเพื่อแลกกับการออกเลขเบียนบ้าน

กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนาระหว่าง นางศิริรัตน์ อารีมิตร์ ปลัดอำเภอสังกัดกลุ่มงานทะเบียนและบัตร ที่ทำการปกครองอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี กับ นายวรวิทย์ พึ่งความสุข นายก อบต. บ่อเงิน อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรียกรับเงินใต้โต๊ะ จำนวน 3 หมื่นบาท เพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือออกเลขทะเบียนบ้านใหม่
ล่าสุด มีความคืบหน้าสำคัญ เมื่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ ซึ่งมี นายดงพล รุจิธรรมธัช ปลัดจังหวัดปทุมธานี เป็นประธาน ได้สรุปรายงานผลการสืบสวนเสนอต่อนายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ให้รับทราบเป็นทางการแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเรื่องให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ข้อมูลสำคัญนี้ สำนักข่าวอิศราได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวระดับสูงจังหวัดปทุมธานี ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ ซึ่งมี นายดงพล รุจิธรรมธัช ปลัดจังหวัดปทุมธานี เป็นประธาน ได้ลงนามรับรองรายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี รับทราบเป็นทางการแล้ว มีจำนวนกว่า 100 หน้า สรุปรวบรวมข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการตรวจสอบคลิปเสียง เอกสาร หลักฐานต่างๆ รวมถึงการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องจำนวน 20 กว่าปาก
โดยผลสรุปข้อเท็จจริจที่ได้รับการสืบสวน มีดังนี้
1. นางศิริรัตน์ อารีมิตร์ ยอมรับว่า เป็นเจ้าของเสียงในคลิปจริง และมีการพูดถึงการเรียกรับเงินเพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือออกเลขทะเบียนบ้านใหม่ แต่ไม่ได้รับเงิน
2. นายวรวิทย์ พึ่งความสุข ยอมรับว่า เป็นเจ้าของเสียงในคลิปจริง แต่ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือออกเลขทะเบียนบ้านใหม่
3. ร้อยตำรวจตรีหญิง สายสุนี ไกรนรา นายอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และผู้บริหารอีกหนึ่งราย ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
4. ผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่าไม่เคยรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเรียกเงินเพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือออกเลขทะเบียนบ้านใหม่ดังกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า เบื้องต้น ในการสรุปผลการสืบสวนกรณีนี้ คณะกรรมการฯ ไม่ได้ชี้ขาดว่า จะต้องดำเนินการอย่างไรกับผู้เกี่ยวข้อง เพียงแต่สรุปข้อเท็จจริงที่ได้รับทราบจากการสืบสวนเท่านั้น โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ คือ นางศิริรัตน์ อารีมิตร์ ยอมรับว่า เป็นเจ้าของเสียงในคลิปจริง และมีการพูดถึงการเรียกรับเงินเพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือออกเลขทะเบียนบ้านใหม่ ส่วนนายวรวิทย์ พึ่งความสุข ยอมรับว่า เป็นเจ้าของเสียงในคลิปจริง แต่ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือออกเลขทะเบียนบ้านใหม่ ซึ่งมีหลักฐานยืนยันเป็นเลขที่บ้านใหม่ที่ได้รับ ไม่ได้เป็นเลขที่มีการเจรจากันในคลิปเสียง
อ่านประกอบ: สรุป! ผลสอบคลิปเสียงฉาวออกเลขบ้านสวย 'เรียกรับเงินจริง-แต่ยังไม่ได้จ่าย'
8.กรณีติดตาม-ตรวจสอบ ‘เบน สมิธ’

ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกประวัติ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ซึ่งถูกระบุชื่อในบทความ นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และยังเป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ "1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com ว่า บุคคลนี้เป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในไทย และนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C ของกัมพูชาและพันธมิตรของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยังมีกระแสข่าวว่าเขาเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจคนสำคัญของนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร คอยให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ หลายเรื่องต้องผ่านความเห็นของบุคคลคนนี้
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามแกะรอยข้อมูลนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ในส่วนที่เกี่ยวกับกับประเทศไทยไปแล้วหลายส่วน อาทิ ในช่วงปลายปี 2567-ต้นปี 2568 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ถือสัญชาติกัมพูชา ตามเอกสารหนังสือเดินทางกัมพูชา เลขที่ AAoooXXXX ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ได้ยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต
นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน แจ้งว่า เกิดที่แอฟริกาใต้ เชื้อชาติบริติช สัญชาติปัจจุบันกัมพูชา ให้ข้อมูลประกอบการยื่นเรื่องขอแปลงสัญชาติ ว่า ปัจจุบันมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในกรุงเทพฯ พักอาศัยย่านคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา ประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีใบอนุญาตทำงานออกให้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567 รายต่อเดือนเกือบหนึ่งแสนบาท มีเงินฝากในบัญชีหลายล้านบาท มีบุตร 3 คน สองคนแรกเกิดจากหญิงสาวชาวไทยรายหนึ่ง ส่วนบุตรคนสุดท้อง เกิดจากหญิงสาวชายไทยอีกรายหนึ่ง โดยในการยื่นเรื่องดังกล่าว มีผู้รับรอง 2 คน คือ 1. นางสาว แคทรียา บีเวอร์ ภรรยา เป็นกรรมการบริษัท เอเพกซี เอคิวตี้ เวนเจอร์ จำกัด 2. นายวราห์ สุจริตกุล ผู้บริหารบริษัท หลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด
หากดูข้อมูลข่าวเกี่ยวกับนายสมิธ เบน หรือที่กัมพูชาเรียกว่า เบน สมิธ อาทิ ข่าวการได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน หรือข่าวการบริจาคช่วงโควิด-19 ก็จะเห็นได้ชัดว่ามีความเกี่ยวข้องชัดเจนกับนายยิม เลียก และธนาคาร B.I.C
เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลเกี่ยวข้องเพิ่มเติม พบว่าธนาคาร B.I.C. หรือที่เรียกอีกชื่อว่าธนาคาร BIC นั้นพบว่ามีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารบนเว็บไซต์ Linkedin ว่า
ธนาคารแห่งนี้ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งและจดทะเบียนกับธนาคารแห่งชาติกัมพูชา บิคแบงก์ก่อตั้งขึ้นร่วมกันโดยบริษัท เอเชีย อินเวสต์เมนต์ แอนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จำกัด แห่ง สปป.ลาว บริษัท พาราไดซ์ อินเวสต์เมนต์ จำกัด แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และบริษัท ไพรม์ สตรีท แอดไวเซอรี่ จำกัด จากประเทศไทย บริษัท เอเชีย อินเวสต์เมนต์ แอนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จำกัด แห่ง สปป.ลาว เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นเจ้าของธนาคาร B.I.C ประเทศลาว
ธนาคาร B.I.C ก่อตั้งขึ้นภายใต้หนังสือรับรองการจดทะเบียนวิสาหกิจที่ออกโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ และใบอนุญาตธนาคารที่ออกโดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา
ธนาคารได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 กิจกรรมหลักของธนาคาร B.I.C คือการให้บริการด้านธนาคารในด้านต่างๆ ดังนี้
1. ระดมและรับฝากเงินระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวจากบริษัท องค์กร และบุคคลต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
2. การให้สินเชื่อระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แก่บริษัท องค์กร และบุคคลต่างๆ โดยพิจารณาตามลักษณะและความสามารถของแหล่งเงินทุนของธนาคาร
3. การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ บริการทางการเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศ บริการขายลดธนบัตร และเอกสารสำคัญ
และ 4. ให้บริการธุรกรรมระหว่างลูกค้า และบริการธนาคารอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการธนาคารแห่งชาติ กำหนด
ธนาคาร B.I.C ยังมีเว็บไซต์ชื่อว่า https://www.bicgroupasia.com โดยเมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ดังกล่าวพบว่ามีการระบุชื่อบอร์ดบริหารบริษัท 6 คนได้แก่
1.นายยิม เลียก ประธานและกรรมการบริษัท
2.นายวรภัค ธันยาวงษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการธนาคาร โดยปัจจุบัน นายวรภัค ทำหน้าที่เป็นประธานที่ปรึกษา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย
3.นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท โดยนายอารีพงศ์นั้นเคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA ในช่วงปี 2563
4.พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจอาวุโส สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แต่ไม่ได้ระบุตำแหน่งในบริษัท BIC ว่ามีหน้าที่อะไร)
5.นายไค-ปิง เฉินรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ
สำหรับข้อมูลที่อยู่ของที่ทำการในประเทศไทย มีการระบุว่าอยู่ที่เลขที่ 127 อาคารเกษร ทาวเวอร์ ชั้น 28 ห้อง เอ,บี,ดี/2 ถนนราชดำริห์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นที่ทำการเดียวกับที่สำนักข่าวอิศราได้เคยรายงานไปแล้วว่าเป็นที่ตั้งของบริษัท บริษัท เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 ทุนปัจจุบัน 2,000,000 บาท แจ้งประกอบธุรกิจกิจกรรมบริการเพื่อการบริหารสำนักงานแบบเบ็ดเสร็จ ปรากฏชื่อ นางสาว แคทรียา บีเวอร์ (ภรรยา นาย เบน สมิธ ) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่สุด 99.9950% ณ วันที่ 30 เมษายน 2568
ส่วนที่อยู่ ณ ประเทศกัมพูชา ระบุว่าอยู่ที่ เลขที่ 87 ถนนพระสีหนุ สังกาส จตุมุข กรุงพนมเปญ
อ่านประกอบ: ขุดประวัติ 'เบนจามิน' กุนซือฮุนเซน โยง 'ยิม เลียก'-ที่ปรึกษารมว.คลังไทยนั่งบอร์ด ธ.กัมพูชา
9.กรณีติดตาม ‘คดีแจกกล้วย’-สัมภาษณ์พิเศษ ‘ธรรมนัส’

คดีแจกกล้วย หรือ คดีกล่าวหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) และอดีตสส. หลายราย ที่เกี่ยวข้องกับการได้รับเงินค่าเลี้ยงดู อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเกิดข่าวในช่วงอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 11 คน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 2565 ว่านักการเมืองบ้างกลุ่ม มีการแจกเงินให้ สส.พรรคเล็ก เดือนละ 1 แสนบาท เป็นค่าเลี้ยงดู เปรียบเทียบการจ่ายเงินดังกล่าวว่าเป็นการแจกกล้วย ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น
เป็นหนึ่งในคดีสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ข้อมูลสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้ว คือ
1. มีกลุ่มบุคคลที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช. 4 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่ม สส. และอดีต สส. จำนวน 5 ราย 2. กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเมือง จำนวน 46 ราย 3. กลุ่มผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น จำนวน 16 ราย 4. กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 40 ราย มีทั้งทหารตำรวจข้าราชการมีระดับนายพลด้วย
โดยเส้นทางการเงินถูกระบุว่า มีกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีรายหนึ่งในช่วงเวลานั้นโอนเงินเข้าไปยังบัญชี ของนาย ร. และนาย ม. ซึ่งเป็นพนักงานในบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ที่มีภรรยารัฐมนตรีร่วมถือหุ้นอยู่ และมีการโอนเงินต่อไปยังบุคคลอื่นซึ่งคาดว่าจะเป็นบัญชีม้า โอนเงินต่อไปยังบุคคลอื่นโดยมีนัยสำคัญ ปรากฏชื่อผู้รับเงินเป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิก และบุคคลใกล้ชิด จำนวนนับสิบราย เมื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกบัญชีธนาคารของ นาย ร. และนาย ม. พบว่า หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ลงทะเบียนแอพพลิเคชั่นธนาคาร ในการทำธุรกรรมโอนเงินไปยังผู้อื่น จดทะเบียนในชื่อของนาย ส. ซึ่งเป็นเลขานุการของ รัฐมนตรีรายดังกล่าว
2. ในส่วนเงิน "ขาเข้า" บัญชีธนาคารของ นาย ร. และนาย ม. ก่อนที่จะถูกโอนต่อไปยังบุคคลอื่น จากการตรวจสอบพบว่า มีเส้นทางเงินที่น่าสนใจจากบุคคล 18 ราย รวมยอดเงินกว่า66.8 ล้านบาท ในจำนวนมี นาง พ. หุ้นส่วนธุรกิจ ของ นายหาวเจ๋อ ตู้ หรือ ‘ตู้ห่าว’ โอนเงินเข้ามา 1,000,000 บาท, นาย อ. ลูกน้องนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง และยังเป็นคู่สมรส ของอดีตรัฐมนตรีรายหนึ่งในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โอนเงินเข้ามา 1,200,000 บาท นายปทาน ศรีสุวรรณ และ นายนพดล ศรีสุวรรณ 2 นักธุรกิจชื่อดัง ด้วย
ล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีโอกาสสอบถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ถึงความเกี่ยวข้องเรื่องคดีแจกกล้วยดังกล่าว
ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด "
"เรื่องนี้ ผมไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะถ้าให้พูดจะกระทบพรรคการเมืองบางพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
สำนักข่าวอิศรา ยังตรวจสอบพบข้อมูลใหม่ ว่า ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่รัฐในจำนวน 40 ราย ที่ถูกตรวจสอบพบว่าได้รับการโอนเงินจาก นาย ร. และนาย ม. ด้วย ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
ขณะที่ในยุคการบริหารงานของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐรายนี้ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในหน่วยงานสังกัดกระทรวงแห่งหนึ่งด้วย
ส่วนความคืบหน้าในการไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. นั้น เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2568 นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีนี้เป็นทางการว่า ป.ป.ช. รับไว้ไต่สวนแล้ว มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว และตั้งไต่สวนแล้ว แต่ขอไปรวบรวมข้อมูลก่อนว่าขั้นตอนไปถึงขั้นไหนแล้ว
อ่านประกอบ: ISRA:เอ็กซ์คลูซีฟ! คืบหน้าคดีแจกกล้วย 'ธรรมนัส'ยันไม่เกี่ยวข้อง ถ้าพูดไปกระทบบางพรรคแน่
10.กรณีตรวจสอบข้อมูลเอกชนที่รับงานจากสำนักงานประกันสังคม
@ ปฏิทินประกันสังคม

กรณีการส่งแชร์ต่อเอกสารประกวดราคาจ้างพิมพ์ปฏิทินประกันสังคมประจำปี ของสำนักงานประกันสังคม กำหนดราคากลาง 49,232,000 บาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในโลกออนไลน์ พร้อมเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับโครงการฯ นี้ ที่เคยถูกพรรคการเมืองฝ่ายค้านตรวจสอบเรื่องคุ้มค่าไปก่อนหน้านี้ และยังระบุว่าปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าสถานการณ์สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาน้ำท่วม หรือสถานการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชา ที่มีผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก แต่สำนักงานประกันสังคม กลับยังดำเนินหน้าโครงการฯ นี้ ซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมากต่ออีก
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลโครงการประกวดราคาจ้างพิมพ์ปฏิทินประกันสังคมประจำปี วงเงิน 49,232,000 บาท ดังกล่าว พบว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 2568 ในเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม มีการเผยแพร่เอกสารประกวดราคาโครงการฯ นี้ ระบุให้ ผู้สนใจยื่นข้อเสนอราคาทางระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในวันที่ 1 ส.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 -12.00 น.
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกรายละเอียกการประกวดราคา พบว่า ศูนย์สารนิเทศ (ฝ่ายนิเทศ) สำนักงานประกันสังคม เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการฯ ได้รับงบประมาณจัดสรร 50,000,000 บาท กำหนดราคากลาง วันที่ 21 กรกฏาคม 2568 วงเงิน 49,232,000 บาท
สืบราคากลางจากเอกชน 4 ราย คือ 1. บริษัท ไอติง แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด 2. บริษัทโกล์บเบิล ครีเอชั่น จำกัด 3. บริษัท จีพี แอนด์ เจ จำกัด และ 4.บริษัท รำไทย เพรส จำกัด
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเอกชน จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท จีพี แอนด์ เจ จำกัด ที่ปรากฏชื่อเป็น 1 ใน 4 เอกชน ที่ใช้ในการสืบราคากลางจากท้องตลาด พบว่า มีชื่อเหมือน บริษัท จีพี แอนด์ เจ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 13/22 หมู่ 12 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี แจ้งประกอบธุรกิจ ปรับปรุงซ่อมแซม ต่อเติม ตกแต่งรีโนเวท บ้านที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน พร้อมกับตกแต่ง ไม่เกี่ยวข้องกับการจ้างพิมพ์ปฏิทิน
ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมยืนยันว่า บริษัท จีพี แอนด์ เจ จำกัด มีการระบุวัตถุประสงค์การทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิดไว้ในวัตถุประสงค์การทำธุรกิจของบริษัท สามารถใช้เป็นแหล่งสืบราคากลางได้
อ่านประกอบ: ปท.มีปัญหาเพียบ! ประกันสังคมลุยจ้างพิมพ์ปฏิทิน 49.2 ล. -บ.รีโนเวทบ้านโผล่สืบราคากลาง
@ เว็ปแอป

กรณีน.ส.รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ระบุเรื่องความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการใช้งบประมาณของกองทุนประกันสังคมในด้านต่าง ๆ เช่น การเดินทางไปดูงานต่างประเทศ มีผู้เดินทางจำนวน 10 คน ใช้งบประมาณ 2.2 ล้านบาท โดยมี 2 คน เบิกค่าบัตรโดยสารชั้นเฟิร์สต์คลาส เบิกค่าที่พัก 16,000 บาท/วัน/คืน ค่าใช้จ่าย Call Center 1506 ที่มีค่าใช้จ่ายหลัก 100 ล้านในทุก ๆ ปี แต่ประชาชนไม่สามารถติดต่อได้เนื่องจากสายไม่ว่าง เป็นต้น รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลงบประมาณในการจัดทำปฏิทินประกันสังคม 8 ปี ที่ผ่านมาว่าใช้งบประมาณ รวมกว่า 450 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการระบุถึงโครงการการปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมเป็น Web Application ราคากลาง 850 ล้านบาท ที่มีการส่งงานล่าช้า 193 วันโดยไม่ปรับ และยังตรวจรับงานไม่เสร็จ โดยเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 การประชุมกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ มีการประชุมร่วมกับสำนักงานประกันสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและขอเอกสารและข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดทำ Web Application ข้างต้น
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลโครงการข้างต้นผ่าน เว็บไซต์ actai.co พบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
ชื่อโครงการ: ประกวดราคาจ้างโครงการปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมเป็นระบบ Web Application ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ประกาศเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2564
งบประมาณ: 850,000,000 บาท
ราคากลาง: 848,925,000.00 บาท
ผู้ยื่นเอกสารประกวดราคา: 1.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ราคาที่เสนอ 848,500,000 บาท 2.บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ราคาที่เสนอ 848,888,000 บาท
ผู้ชนะการเสนอราคา: บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ส่งออก,ขายส่ง,ขายปลีก,ให้บริการ) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการสัญชาติไทย เป็นเงินทั้งสิ้น 848,000,000.00 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งปวง ประกาศผู้ชนะเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2564
สถานะสัญญา: ส่งงานตามกำหนด
เหตุผลที่คัดเลือก: เป็นผู้มีคุณสมบัติและข้อเสนอทางเทคนิค ถูกต้องครบถ้วนและเป็นผู้ได้คะแนนรวม สูงสุด
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เว็บไซต์ datawarehouse.dbd.go.th ระบุว่า บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2546 ทุนจดทะเบียนจำนวน 313,546,050.50 บาท ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ที่ 199 อาคารคอลัมน์ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 7 ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร มีกรรมการ 9 ราย ได้แก่
- นายแดน เหตระกูล
- นายนิคม วานิชวัฒนรำลึก
- นายประชา เหตระกูล
- นายกังวาล กุศลธรรมรัตน์
- นายนที กิตติวิทย์เชาวกุล
- นายจิตรเกษม งามนิล
- นายอดิศร สิงห์ฤาเดช
- นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม
- นางสาวฐิตาภรณ์ สินจรูญศักดิ์
กรรมการลงชื่อผูกพัน ได้แก่ นายแดน เหตระกูล และนายนิคม วานิชวัฒนรำลึก กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. สำนักข่าวอิศรา รายงานความคืบหน้าการติดตามโครงการทำระบบไอทีหลังบ้านของสำนักงานประกันสังคม หรือ เว็บแอป (Web Application) มูลค่า 850 ล้านบาท ว่า หลังจากปรากฏข่าวการดำเนินงานโครงการฯ นี้ มีปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบงาน โดยในการเข้าชี้แจงข้อมูลต่อกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ผู้แทนจากสำนักงานประกันสังคม ได้ชี้แจงว่า ณ วันที่ 25 ก.ย 2568 ระยะเวลาการปรับนับตั้งแต่ผิดสัญญา หักด้วยระยะเวลาที่คณะกรรมการตรวจรับใช้ หักด้วยจำนวน 193 วันที่ได้รับการช่วยเหลือในช่วงโควิด สรุปคงเหลือค่าปรับ 92 วัน เฉพาะค่าปรับที่ส่งงานล่าช้าคิดเป็นจำนวนเงิน 78 ล้านกว่าบาท
อ่านรปะกอบ: ครบชุด! ข้อมูล 'บ. อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริชฯ' ทำ 'เว็บแอป' ให้ประกันสังคม งบ 850 ล.
เหล่านี้คือ 10 ข่าวเด่นในปี 2568 ที่บางข่าวมีข้อสรุปและจบลงแล้ว แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป หรือถูกทิ้งไว้อย่างค้างคา หรืออยู่ในกระบวนการสอบสวน
สำนักข่าวอิศราจะติดตามและนำเสนอข่าวในปี 2569 ต่อไป!

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา