ใกล้เข้าสู่เดือนรอมฎอน ตามที่จุฬาราชมนตรีประกาศให้พี่น้องมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอด ในวันที่ 10 มี.ค.67
“อาจารย์สุรชาติ” เสนอตั้ง “สถานีด้านมนุษยธรรม” ช่วยเหลือผู้อพยพหนีภัยสงครามเมียนมา พร้อมแนะรัฐบาลไทยเพิ่มบทบาทเป็น Peace Broker เจรจาหยุดการสู้รบเหมือนครั้งในสงครามเขมรสามฝ่าย เหตุภูมิรัฐศาสตร์หนีไม่พ้นต้องรับผลกระทบ หากทำสำเร็จจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ผ่านมิติทางการทูต
บรรยากาศในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับคืนสู่ภาวะปกติ คือบนถนนสายหลักจะมีด่านตรวจเช่นเดิม แตกต่างจากช่วงที่นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ลงพื้นที่
คำเตือนสำคัญจาก อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อก้อง ที่ออกมากระตุกเตือนการเร่งเดินหน้าพูดคุยสันติสุขกับบีอาร์เอ็น มี 3 เรื่องที่เป็นแก่นแกนสำคัญ คือ
ห้วงที่มีการตั้งคำถามถึงการทำงานของ “คณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยเฉพาะการไปเห็นชอบ JCPP หรือ “แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม” กับบีอาร์เอ็น
รัฐบาลยังคงโหมข้อมูลด้านบวกและกระแสตอบรับการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยว และจุดประกายขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน
กระแสโจมตีจากบางฝ่ายว่า “นายกฯเศรษฐา สนแต่เศรษฐกิจ เมินปัญหาความมั่นคงชายแดนใต้” ทำให้ทั้งโฆษกรัฐบาล และ สส.ในพื้นที่ ดาหน้าออกมาตอบโต้
คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามดักโจมตีรถหุ้มเกราะ อส.ชคต.บ้านแหร อ.ธารโต ยะลา ขณะเดินทางกลับฐาน จนเกิดการยิงปะทะกันหลายนาที โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่รถยนต์ได้รับความเสียหาย สั่งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล หลังตกเป็นเป้าก่อเหตุถี่ยิบ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนบทความอีก 1 ชิ้น ขยายมุมมองที่มีต่อ “กระบวนการสันติภาพ” เพื่อดับไฟใต้
สัปดาห์นี้ นายกฯเศรษฐาน่าจะต้องตอบคำถามเกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ “พูดคุยดับไฟใต้” ให้ชัดเจน