เปิด 5 ปัจจัยทำอุทกภัยหาดใหญ่วิกฤตครั้งประวัติศาสตร์ ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยเหลือ คณะสงฆ์สุราษฎร์ปักหลักวัดนาหม่อม เปิดโรงครัวแจกจ่ายผู้ประสบภัย ขณะที่ชายแดนใต้อ่วม ก้อนหินยักษ์ถล่มทับถนนที่นราฯ ส่วนยะลาน้ำทะลักเทศบาลนคร
พื้นที่ประสบอุทกภัยใหญ่ปีนี้ของภาคใต้ กลายเป็น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากที่ไม่เคยเผชิญสถานการณ์ร้ายมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์ล่าสุด ณ วันอังคารที่ 25 พ.ย.68 ยังคงวิกฤตที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
สาเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ “หาดใหญ่” จมบาดาล สรุปได้ 5 ปัจจัยคือ
1.ฝนตกหนักต่อเนื่อง รวมปริมาณน้ำฝน มากที่สุดในรอบ 300 ปี และเกิดสิ่งที่เรียกว่า rain bomb ในพื้นที่เขาคอหงส์ และใกล้เคียง ซึ่งอยู่ติดกับตัวเมืองหาดใหญ่
2.น้ำจากเขาคอหงส์ (หลัง ม.อ.หาดใหญ่ / มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) หลากเข้าเมืองหาดใหญ่เมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 22-23 พ.ย. โดยมวลน้ำมาจากปริมาณน้ำฝนสะสมที่ตกอย่างหนัก และช่วงกลางคืนของวันอาทิตย์ คาดว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น
3.แต่ปรากฏว่าวันจันทร์ที่ 24 พ.ย.มวลน้ำจาก อ.สะเดา และ ทุ่งลุง ชายขอบหาดใหญ่ ได้หลากเข้าหาดใหญ่ ทำให้น้ำที่ท่วมสูงอยู่แล้ว เพิ่มระดับขึ้นอีกอย่างน้อย 1 เมตร มวลน้ำเป็นน้ำฝนสะสมจากเทือกเขาสันกาลาคีรี เขาน้ำค้าง บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย
4.ทิศทางน้ำจะไหลจากสะเดา ผ่านหาดใหญ่ ไปลงทะเลสาบสงขลา โดยปกติน้ำจะขังที่หาดใหญ่ เพราะเป็นแอ่งกระทะ แต่มีโครงการพระราชดำริ ขุดคลอง ร.1 และคลองสาขา 7 คลอง ระบายน้ำได้ดีมาตลอด ตั้งแต่ปี 2543 ไม่เคยท่วมใหญ่
5.ปีนี้เกิดสถานการณ์พิเศษ น้ำจากเขคอหงส์มากผิดปกติ รวมกับน้ำจากสะเดา ทุ่งลุง เทือกเขาสันกาลาคีรี มากผิดปกติ และน้ำทะเลหนุนเข้ามาที่ทะเลสาบสงขลาพอดี ทำให้ระบายไม่ได้ และเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หรืออาจจะถึงกับหลายศตวรรษเลยทีเดียว


@@ ”คณะสงฆ์สุราษฎร์“ เปิดโรงครัวนาหม่อม ส่งอาหารช่วยหาดใหญ่
ความช่วยเหลือจากทุกสารทิศมุ่งหน้าสู่หาดใหญ่ แม้การคมนาคมจะยังติดขัด เนื่องจากน้ำท่วมสูงล้อมรอบเมืองหาดใหญ่ จนเกือบจะถูกตัดขาด
ล่าสุด ครัวคณะสงฆ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดย ท่านพระครูวิสุทธิวุฒิคุณ เจ้าคณะอำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้ไปตั้งโรงครัวที่วัดทุ่งโตนด อ.นาหม่อม จ.สงขลา ซึ่งอยู่ติดกับหาดใหญ่ เพื่อประกอบอาหารแจกจ่ายพี่น้องชาวหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง
โดยทางครัวคณะสงฆ์ ใช้พื้นที่ โรงครัว และอุปกรณ์ทำครัวของวัดในการดำเนินการ พร้อมฝากประสานให้ผู้ประสบภัย หรือหน่วยกู้ภัยเข้ามารับอาหารไปแจกจ่ายพี่น้องประชาชนได้ตลอดเวลา
สำหรับคณะสงฆ์จากสุราษฎร์ธานี ไปตั้งโรงครัวได้ 2 วันแล้ว และเดินทางไปพร้อมกับทีมกู้ภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยหาดใหญ่ให้ได้มากที่สุด


@@ นราฯฝนยังไม่หยุด แม่น้ำหลัก 2 สายล้นตลิ่ง
ด้านสถานการณ์ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ยังไม่เลวร้ายเท่าหาดใหญ่ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้
ที่ จ.นราธิวาส เช้าวันอังคารที่ 25 พ.ย. ฝนยังคงตกปกคลุมทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแม่น้ำสำคัญ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี มีระดับน้ำสูงล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนเป็นวงกว้าง ส่วนแม่น้ำสุไหงโก-ลกยังอยู่ในระดับต่ำกว่าตลิ่ง แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส รายงานว่า จากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. ทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่รวม 9 อำเภอ 48 ตำบล 38 ชุมชน 300 หมู่บ้าน 47,029 ครัวเรือน 153,996 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 2 หลัง สถานที่ราชการและโครงสร้างพื้นฐานเสียหาย ได้แก่ โรงเรียน 5 แห่ง, มัสยิด 2 แห่ง, ถนน 6 สาย, สะพาน 1 แห่ง, คอสะพาน 1 แห่ง และเกิดดินถล่ม 2 จุด
ทางจังหวัดเปิดจุดอพยพ 25 จุด รองรับ 219 ครัวเรือน 717 คน
@@ ตำรวจน้ำ - เทศบาล ลุยแจกอาหาร - อพยพผู้ประสบภัย
การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานรัฐ มีปฏิบัติการของตำรวจน้ำ ร่วมกับเทศบาลตำบลตันหยงมัส ลุยกระแสน้ำเชี่ยวสูงกว่า 2 เมตรในบ้านตันหยงมัส อ.ระแงะ เพื่ออพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงเทศบาล
นายวิมุตติ อำนักมณี นายอำเภอระแงะ พร้อมด้วย พ.อ.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารรานที่ 45 พ.ต.อ.ศุภชัช ณ พัทลุง ผู้กำกับการ สภ.ระแงะ นำข้าวกล่องและน้ำดื่มบรรจุขวดลงเรือท้องแบนพายไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ชุมชนหลังสวนวัชระ เทศบาลตำบลตันหยงมัส ซึ่งมีประชาชนตกค้างอยู่ภายในบ้าน
ส่วนที่ อ.ยี่งอ ทางอำเภอได้เปิดโรงครัวทำอาหาร และเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว 2 จุด เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้

@@ ดินสไลด์ - ก้อนหินยักษ์ถล่มปิดถนนสายยือลาแป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ที่ 24 พ.ย. มีเหตุดินสไลด์บนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4066 เส้นนราธิวาส–รือเสาะ–เขายือลาแป ช่วงทางลาดชันยาว 2 กิโลเมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงมาปิดทับผิวจราจรบางส่วน ส่งผลให้รถที่สัญจรผ่านไปมาแต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เนื่องจากมีก้อนหินขนาดยักษ์ขวางถนนอยู่ หลังจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระดมเครื่องจักรเข้าพื้นที่เพื่อเคลื่อนย้ายก้อนหินพ้นจากพื้นผิวจราจร
สว่นในพื้นที่ ต.ลำพู อ.เมืองนราธิวาส ยังคงมีน้ำท่วมขังหลายจุด โดยระดับน้ำได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ ขณะเดียวกัน น้ำได้ไหลล้นข้ามผิวการจราจรบางสาย แต่ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังสามารถสัญจรผ่านได้ แม้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษก็ตาม ประชาชนจำนวนมากได้เคลื่อนย้ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ขึ้นไปจอดบนถนนและพื้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายจากระดับน้ำที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ขณะที่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือหากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก

@@ ยะลาเดือดร้อนครึ่งแสน สังเวยแล้ว 3 ศพ
ที่ จ.ยะลา ปภ.จังหวัดรายงานว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 7 อำเภอ 46 ตำบล 254 หมู่บ้าน 4 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบสูงถึง 21,950 ครัวเรือน คิดเป็น 65,627 คน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ราย ในพื้นที่ อ.รามัน, ธารโต, และบันนังสตา บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง, เสียหายบางส่วน 1 หลัง อพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิง, พื้นที่การเกษตรเสียหาย 2,466 ไร่, ถนน 1 สาย, คอสะพาน 2 แห่ง, และเหตุการณ์ดินสไลด์ 17 จุด
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังน้ำป่า/ดินโคลนถล่ม ได้แก่ อ.เบตง, ธารโต, บันนังสตา, กาบัง, กรงปินัง และยะหา ส่วนพื้นที่ระดับน้ำอาจเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ได้แก่ อ.เมืองยะลา, รามัน และยะหา

@@ น้ำทะลักเทศบาลนครยะลา “นายกอ๋า” ยอมรับ “หนักจริง”
สถานการณ์น้ำท่วมยะลาขยายวงกว้างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เริ่มเข้าท่วมในพื้นที่เขตชั้นในของเทศบาลนครยะลาแล้ว เช่น ถนนพิพิธภักดี หน้าสถานีรถไฟยะลา ถนนผังเมือง 4 ตลอดจนบริเวณหน้าโรงแรมยะลารามา มีน้ำท่วมสูงเกือบ 3 เมตร ชาวบ้านต้อวเร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นไปยังที่ปลอดภัย
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ยอมรับว่า เป็นอุทกภัยที่มีความรุนแรงมาก ซึ่งตลอดคืนที่ผ่านมา เขตเทศบาลนครยะลาและพื้นที่รอบนอกมีฝนตกหนักต่อเนื่อง เทศบาลจึงแจ้งเตือนประชาชนให้ขนย้ายทรัพย์สิน และสั่งเดินเครื่องสถานีสูบน้ำจุดต่างๆ ในเขตเทศบาลตลอด 24 ชั่วโมง

