สถานการณ์ของการใช้พืชกระท่อมของพี่น้องประชาชนในประเทศ ภายหลังจาก “พืชกระท่อม” ได้รับการปลดออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.64 ทำให้ประชาชนสามารถมี, ใช้, ปลูก และขายพืชกระท่อมได้
แม้ด้านหนึ่งจะส่งผลบวกในแง่ของการสร้างงาน สร้างรายได้ ในฐานะ “พืชเศรษฐกิจ” ตัวใหม่
แต่ผลอีกด้านหนึ่งก็คือ มีปริมาณผู้ใช้พืชกระท่อมเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเป็นการใช้ในบริบทของ “สารเสพติด”
จากข้อมูลสำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีการเปรียบเทียบตัวเลขจำนวนผู้ใช้พืชกระท่อมในปี 2562 (ก่อนมีการปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด) กับปี 2567 (หลังปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดแล้ว) พบว่า กลุ่มที่เคยใช้เดิมในปี 2562 มีเพียง 1,605,040 ราย แต่ในปี 2567 มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 5,929,596 ราย คิดเป็น 3.7 เท่าของปี 2562
เช่นเดียวกับในกลุ่มผู้ใช้ในความถี่ 20 ใน 30 วัน เดิมในปี 2562 มีเพียง 105,148 ราย แต่ในปี 2567 มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,319,248 ราย หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 12.5 เท่าของปี 2562
ตั้งแต่ปี 2563 – 2567 มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาจากการใช้พืชกระท่อมทั้งประเทศรวม 11,235 ราย เป็นผู้มีโรคร่วมจิตเวช 2,281 ราย โดยผู้เข้าร่วมบำบัดรักษาพืชกระท่อมมากที่สุดอยู่ในพื้นที่ภาค 9 (ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) จำนวน 5,707 ราย รองลงมาภาค 8 (7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน) 1,242 ราย
และในส่วนที่เป็นผู้เข้าบำบัดที่มีโรคร่วมจิตเวชนั้น ในภาค 9 มากที่สุด มี 1,415 ราย รองลงมาภาค 8 มี 328 ราย
@@ “สงขลา” อาการหนัก
จังหวัดที่มีผู้บำบัดรักษาพืชกระท่อมมากที่สุด คือ สงขลา 1,161 ราย รองลงมาคือนราธิวาส 1,172 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้เข้าบำบัดที่มีโรคร่วมจิตเวชมากที่สุด คือ สงขลา 606 ราย รองลงมานราธิวาส 170 ราย
ผู้ที่เข้ารับการบำบัดพืชกระท่อม อยู่ในช่วงอายุ 20-24 ปี มากที่สุด รองลงมาช่วงอายุ 15 -19 ปี และถัดมาช่วงอายุ 25-29 ปี และจะเป็นผู้ที่มีอาชีพรับจ้างมากที่สุด ร้อยละ 38.7 ว่างงาน ร้อยละ 23.4 เกษตรกร/ประมง ร้อยละ 12.7 และนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 7.8
@@ ดื่มน้ำต้มผสม สูตรยอดนิยม
จากรายงานสรุปผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์พืชกระท่อมในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา และ สตูล) ของ ปปส.ภาค 9 ร่วมกับ ศอ.บต. หรือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ม.อ.ปัตตานี หรือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ระบุว่า
- พบเห็นการปลูกพืชกระท่อมในชุมชน 74.5 เปอร์เซ็นต์
- พบเห็นการใช้พืชกระท่อมในชุมชน 88.2 เปอร์เซ็นต์
- พบเห็นการมั่วสุมดื่มน้ำต้นใบพืชกระท่อมในชุมชน 59.7 เปอร์เซ็นต์
- พบการขายน้ำต้มใบพืชกระท่อมในชุมชน 12.4 เปอร์เซ็นต์
ส่วนรูปแบบการใช้พืชกระท่อมที่พบเห็นมี 3 รูปแบบคือ
- ดื่มน้ำต้มผสม 75.7 เปอร์เซ็นต์
- เคี้ยวใบ 29.2 เปอร์เซ็นต์
- ดื่มในลักษณะชา 21.6 เปอร์เซ็นต์
การใช้ใบพืชกระท่อมในลักษณะการดื่มน้ำต้มผสมสาร/วัตถุอื่นมากที่สุด พบมากในกลุ่มอายุ 25-29 ปี การใช้ใบพืชกระท่อมในรูปแบบการเคี้ยวใบ พบมากในกลุ่มอายุ 35–39 ปี และรูปแบบการดื่มในลักษณะชา จะพบมากอยู่ในกลุ่มอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
ผลสำรวจของประชาชนในพื้นที่ มีความเห็นเกี่ยวกับการใช้พืชกระท่อมด้วยว่า
- 86.8 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยที่จะให้ชุมชนของตนเป็นพื้นที่ควบคุมพืชกระท่อม
- 83.9 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าการใช้พืชกระท่อมเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ยาเสพติด
- 59.4 เปอร์เซ็นต์ พืชกระท่อมส่งผลกระทบต่อชุมชน (ลักขโมย, ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน, ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และทะเลาะวิวาท)
- 96.5 เปอร์เซ็นต์ รับรู้ถึงโทษพิษภัยของการใช้พืชกระท่อม
@@ ควบคุม “ใช้ – ปลูก – ขาย” พืชกระท่อม จชต.
นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม และอดีตเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ห่วงใยปัญหายาเสพติดและพืชกระท่อม ได้มีแผนปฏิบัติการป้องกันกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการทุกมิติ ในปี 68-70 และจะนำปัญหาพืชกระท่อมเป็น “วาระปัญหาพืชกระท่อมใน จชต.” เพื่อจัดการปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ
แผนการปฏิบัติตาม “วาระปัญหาพืชกระท่อมใน จชต.” จะมีการดำเนินการดังนี้
1. เชิญแกนนำต่างๆ ในภาคประชาชนในพื้นที่มาสร้างการรับรู้และความเข้าใจถึงสภาพปัญหาพืชกระท่อมและสร้างการมีส่วนร่วมในการป้องกัน เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหา
2. ดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด
3. จัดทำสื่อเผยแพร่ภาษาถิ่น
4. ให้ ปปส.ภาค 9 นำข้อมูลปัญหากระทำเข้าที่ประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.) ของทุกจังหวัดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และร่วมกันกำหนดแนวทางการจัดการปัญหา
5. จัดทำฐานข้อมูลผู้ปลูก ผู้ขาย ผู้ใช้ในพื้นที่ เพื่อการควบคุม ติดตามและลดปัญหา
“โดยให้เริ่มอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่บัดนี้ ซึ่งผมจะลงมากำกับเองให้เกิดผลต่อการลดปัญหาโดยเร็ว และได้ประชุมกับ ปปส.ภาค 9 เพื่อลงรายละเอียดแต่ละประเด็นข้างต้น เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการและการติดตามผลต่อไป” ผู้ช่วยรัฐมนตรียุติธรรมกล่าว
@@ พบร้านขายใบกระท่อม 182 แห่ง
วันพุธที่ 7 พ.ค.68 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 9 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ศอ.บต. และสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 9 รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ได้กำหนดแผนปฏิบัติการในการระดมกวาดล้างและแก้ไขปัญหาพืชกระท่อมและยาเสพติดอื่นร่วมกัน ซึ่งมีผลการปฏิบัติต่อเป้าหมายตามรายละเอียดดังนี้
1. การแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบการจำหน่ายพืชกระท่อม จากการสำรวจร้านจำหน่ายพืชกระท่อมในพื้นที่ มีจำนวน 182 ร้าน/จุด เข้าดำเนินการตรวจสอบแล้วจำนวน 168 ร้าน พบการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. 2565 จำนวน 28 ราย ความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 จำนวน 2 ราย ไม่พบการกระทำความผิดจำนวน 138 ราย และยึดของกลางประกอบด้วย ใบพืชกระท่อมจำนวน 103.2 กิโลกรัม น้ำต้มพืชกระท่อม จำนวน 738 ลิตร
2. การระดมกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติด และแหล่งพักคอยยาเสพติด ได้กำหนดเป้าหมายเข้าตรวจค้น จำนวน 58 เครือข่าย 469 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ จำนวน 381 คดี ผู้ต้องหา 388 คน ตรวจยึดยาเสพติดของกลางเป็น ยาบ้า 29,788 เม็ด, ไอซ์ 11.6 กิโลกรัม, เฮโรอีน 85 กรัม ตรวจยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด จำนวน 168 รายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,979,705 บาท
สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 9 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 จนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ได้จำนวน 10,294 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 10,627 ราย
และตรวจยึดของกลางยาเสพติด ได้แก่ ยาบ้า จำนวน 15,221,623 เม็ด, ไอซ์ จำนวน 495.31 กิโลกรัม และเฮโรอีน จำนวน 235.32 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินของกลางในคดี และทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ได้จำนวนทั้งสิ้น 509,662,356 บาท