
"...ตามบันทึกออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัท CAI ได้จ่ายเงินจำนวน 610 ล้านบาท (18.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ผ่านกองทุน Optimum Fund VCC ให้แก่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เพื่อแลกกับหุ้น 49% ในบริษัท บิ๊กทัช 3 จำกัด (Big Touch 3 Co. Ltd) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของแสนสิริ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแสนสิริคือ นายเศรษฐา ทวีสิน มหาเศรษฐีพันล้าน และอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งในเดือนสิงหาคม 2567 และถูกแทนที่โดย น.ส.แพทองธาร บุตรสาวของทักษิณ ชินวัตร การที่แสนสิริร่วมมือกับ CAI ผ่านธุรกรรมหุ้นดังกล่าวไม่ได้มีลักษณะเป็นการกระทำผิดกฏหมายหรือผิดจรรยาบรรณใดๆ ทั้งสิ้น..."
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ ‘เบน สมิธ’ ซึ่งถูกระบุชื่อในบทความของ นายทอม ไรต์์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ “1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com
ขณะที่นายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้มีการออกแถลงว่าจะดำเนินคดีกับนายทอมไรต์ที่เขียนบทความหมิ่นประมาท ได้มีการมอบหมายให้นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่าา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยื่นฟ้องคดี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา พร้อมทั้งฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัสที่ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราว่าจะไปแจ้งความ นายทอม ไรต์ ที่สถานีตำรวจภูธรพะเยา ส่วนนายทอม ไรต์ได้มีการตอบโต้ ร.อ.ธรรมนัสยืนยันว่าจะนำเสนอข่าวต่อไป

- 'ทอม ไรต์' โต้'ธรรมนัส'หลังให้สัมภาษณ์อิศรา ขู่เรียกค่าเสียหาย ยืนยันจะตีพิมพ์ทุกอย่าง
- ที่ปรึกษา'ธรรมนัส'รับอำนาจ‘เบนจามิน’ฟ้อง‘โรม’อภิปรายหมิ่นฯ ยันปกป้องสิทธิ ไม่ได้ปิดปาก
- 'เบนจามิน' ออกแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาบทความ 'ทอม ไรท์' เตรียมฟ้องอดีตผู้สื่อข่าว WSJ
- ISRA:เอ็กซ์คลูซีฟ! ‘ธรรมนัส‘ เปิดสัมพันธ์ลึก ‘ทักษิณ & เบนจามิน’ จาก ดูไบ ถึง ห้างเกษรฯ
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกชุดหนึ่ง ในบทความบางช่วงบางตอนของนายทอม ไรต์ มีการขยายผลต่อโดยสำนักข่าวเอเชียเซนติเนลของสิงคโปร์ ซึ่งมีการระบุว่า นิติบุคคลจากสิงคโปร์ คือบริษัทจัดการกองทุน Capital Asia Investments (CAI) ที่มาซื้อถือหุ้นในธุรกิจต่างๆในประเทศไทย ที่มีความมั่นคงสูง โดยปัจจุบันนั้น CAI ได้เข้าไปถือหุ้นบริษัท BCPG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบางจากอยู่ที่ 5.62% ส่วนหุ้นใน บ.บางจากได้ขายให้กับกลุ่มอัลฟ่าชาร์เตอร์ดไปแล้ว

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวเอเชียเซนติเนลของสิงคโปร์ ได้มีการเผยแพร่บทความเกี่ยวกับเส้นทางที่บริษัท CAI เข้าไปซื้อธุรกิจในประเทศไทย มีเนื้อหาดังนี้
ตามบันทึกออนไลน์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัท CAI ได้จ่ายเงินจำนวน 610 ล้านบาท (18.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ผ่านกองทุน Optimum Fund VCC ให้แก่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เพื่อแลกกับหุ้น 49% ในบริษัท บิ๊กทัช 3 จำกัด (Big Touch 3 Co. Ltd) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของแสนสิริ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแสนสิริคือ นายเศรษฐา ทวีสิน มหาเศรษฐีพันล้าน และอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งในเดือนสิงหาคม 2567 และถูกแทนที่โดย น.ส.แพทองธาร บุตรสาวของทักษิณ ชินวัตร
การที่แสนสิริร่วมมือกับ CAI ผ่านธุรกรรมหุ้นดังกล่าวไม่ได้มีลักษณะเป็นการกระทำผิดกฏหมายหรือผิดจรรยาบรรณใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งส่งผลให้ Big Touch 3 กลายเป็นบริษัทร่วมทุนสำหรับโครงการพัฒนาที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์
แม้จะมีข้อสังเกตเกี่ยวกับที่มาของเงินที่ CAI จ่ายให้กับแสนสิริและเจ้าของผลประโยชน์สูงสุดจากหุ้นส่วนน้อย 49 เปอร์เซ็นต์ใน บริษัท Big Touch 3 ว่ามีรายละเอียดเป็นอย่างไร

ข่าวบริษัท CAI ซื้อหุ้น Big Touch 3 จากแสนสิริ
ในบทความชี้นนี้ยังกล่าวอ้างว่า CAI ได้ทำหน้าที่คล้ายกับเป็นยานพาหนะให้กับการจัดการกองทุนการลงทุนภายใต้ชื่อ กองทุน CAI Optimum VCC โดยคำว่า VCC นั้นเป็นคำย่อของคำว่า บริษัททุนผันแปร (Variable Capital Company) หมายถึงโครงสร้างนิติบุคคลใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับกองทุนรวมทุกประเภท มีการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2563 มีส่วนช่วยให้มีความยืดหยุ่นสูงในการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินของกองทุนย่อยที่แตกต่างกันภายใต้โครงสร้างร่ม (umbrella fund) เดียวกัน และทำให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการจัดการกองทุนที่น่าสนใจ
แน่นอนว่ารัฐบาลสิงคโปร์พุ่งเป้าไปที่การควบคุม VCC เพื่อจุดประสงค์นี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ได้นำกลยุทธ์ระดับชาติ ซึ่งมาจากหลายภาคส่วนมาปฏิบัติ ส่งผลให้มีมาตรการเสริมต่างๆ ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยสำนักงานการเงินสิงคโปร์ (MAS) ชี้แจงถึงข้อกำหนดที่ผู้จัดการกองทุน VCC จะต้องดำเนินการเกี่ยวข้องกับการรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย ความกังวลเรื่องการฟอกเงินรวมถึงการสนับสนุนเงินทุน โดยข้อกำหนดข้อมูลขั้นต่ำที่อัปเดตซึ่งผู้จัดการกองทุน VCC จะต้องได้รับ และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการคัดกรองและการกำหนดแหล่งความมั่งคั่งและเงินทุนของลูกค้าเป้าหมาย ขณะที่ ประเทศไทยเองก็ไม่อาจมองข้ามสถานการณ์เช่นนี้ได้
สำหรับสิงคโปร์แล้ว นี่เป็นข้อที่ควรจะระวังเนื่องจาก CAI เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองไทย-กัมพูชาที่กำลังดำเนินอยู่นั้น ไม่ใช่แค่กระทบเรื่องกฎระเบียบเท่านั้น แม้ว่าจะยังไม่มีการละเมิดกฎหมายใดๆ ก็ตาม แต่ภาพลักษณ์ของการกระทำบางเรื่องก็อาจเป็นภัยได้
โดยธนาคารระดับโลกที่ดำเนินการชำระบัญชีหรือจัดหาเงินทุนให้กับธุรกิจเหล่านี้ด้วยเงินทุนที่มาจากนิติบุคคลกัมพูชามีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากรายงานล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ทั่วโลกที่ระบุว่ากัมพูชาจะเป็น “ศูนย์กลางการฉ้อโกงข้ามชาติยุคใหม่ของโลกอย่างแท้จริงในปี 2568... โดยอุตสาหกรรมหลอกลวงที่ทำกำไรมหาศาลนี้ประเมินว่ามีมูลค่าระหว่าง 1.29 ถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ของกัมพูชา”
บทความชิ้นนี้ ยังกล่าวอ้างถึงประวัติการทำงานในอดีตของนายยูจีน แทง ประธานผู้บริหารหรือซีอีโอของ CAI ว่ามีความน่าสนใจเช่นกัน
นอกจากที่นายแทงเคยกล่าวถึงบทบาทของเขาที่ CAI ในตำแหน่ง “หัวหน้าฝ่ายพัฒนากลยุทธ์” แล้ว เขายังเคยทำงานที่ธนาคาร UBS, ธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (UOB) เคย์ เฮียน และบริาัทวัน เอเชีย อินเวสต์เมนต์ พาร์ทเนอร์ส (OAIP) อีกด้วย ข้อมูลประวัติของนายแทงบนเว็บไซต์ของ CAI ระบุว่าเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายแก้ปัญหาลูกค้าที่ธนาคาร UOB ซึ่งช่วย “ผลักดันแผนกบริหารความมั่งคั่ง และนำเสนอแนวคิดการบริหารความมั่งคั่งเพื่อเสริมกิจกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าธนาคาร”

นายยูจีน แทง และนายจอร์จ แทน ผู้บริหาร CAI
ในเดือนกรกฎาคม ธนาคาร UOB ถูก MAS ปรับเป็นเงิน 5.6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (140,461,944 บาท) จากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทางการเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่ม Fujian 10 มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1,777,267,500 บาท) ซึ่งเหตุการณ์ที่ถูกเปิดโปงครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2566 ส่วนกลุ่ม Fujian 10 นั้นพบว่ามีการจดทะเบียนบริษัทต่างชาติและบริษัทปลอมในสิงคโปร์จำนวน 109 บริษัทภายใต้ชื่อผู้ต้องสงสัย โดย 66 บริษัทถูกจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์
แม้ว่า MAS จะไม่ได้เปิดเผยขอบเขตการดำเนินธุรกิจของ UOB กับสมาชิกกลุ่ม Fujian 10 แต่ MAS ระบุว่าค่าปรับของ UOB นั้นสมเหตุสมผลเนื่องจากความผิดพลาดในการประเมินความเสี่ยงของลูกค้า ระเบียบปฏิบัติที่ไม่เพียงพอสำหรับการประเมินความเสี่ยงจากการฟอกเงินของลูกค้า การไม่สามารถระบุและยืนยันแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างเพียงพอ และการไม่ตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องซึ่งระบบของลูกค้าระบุว่าน่าสงสัย ซึ่งมีจำนวนเงินที่สูงผิดปกติและมีความคลาดเคลื่อนอย่างเพียงพอ กล่าวโดยสรุปคือ ความล้มเหลวในกระบวนการ AML/DD หลายระดับ
ตามข้อมูลโปรไฟล์ของนายยูจีน แทง บนเว็บไซต์ LinkedIn ซึ่งไม่ได้อัปเดตแล้ว อ้างว่าในช่วงเวลาที่เขาทำงานที่ UOB เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายโซลูชันลูกค้าของ UOB และมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งแผนกบริหารความมั่งคั่งของธนาคารในเดือนกุมภาพันธ์ 2556
กรรมการผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของนายแทงถูกจำคุกในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนในเวลาต่อมา

ข่าวจำคุกอดีตผู้บริหารบริษัท OAIP
แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนต่อกรณีที่นายแทงได้ตั้งบริษัท CAI และแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอ ภายในระยะเวลาเพียงสองเดือนหลังจากบริษัทจัดการกองทุนเดิมของเขาต้องล่มสลายลง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะถูก MAS จับตามองอย่างใกล้ชิด
เรียบเรียงจาก:https://www.asiasentinel.com/p/capital-asia-investments-embroiled-thailand-cambodia-scandal
กล่าวสำหรับ บริษัท Capital Asia Investment (CAI) ได้มีการส่งหนังสือไปยังสื่อมวลชนสำนักต่างๆ เพื่อเตือนไม่ให้มีการนำเสนอข่าวในแง่ลบของบริษัท CAI หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ได้กล่าวอภิปรายโดยมีการอ้างอิงถึงการประกอบธุรกิจสีเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวง ออนไลน์ และอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งอ้างว่ามีฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่ในกัมพูชา รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับการ ฟอกเงิน และกล่าวอ้างข้อมูลเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่มีการกล่าวหาและพาดพิงถึงบริษัท Capital Asia Investments Pte. Ltd. หรือ กองทุน Capital Asia Investment (CAI)
โดยบริษัท Capital Asia Investment (CAI) ยืนยันว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดการกองทุนภายใต้กฎหมายและการกํากับ ดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในการดําเนินธุรกิจและเข้าลงทุนในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ ได้เคารพและปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมาย ระเบียบ และมาตรฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด การดําเนิน กิจการต่างๆ ของบริษัทฯ จึงเป็นไปด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และคํานึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ ถูกต้องแก่สาธารณชน และเพื่อปกป้องชื่อเสียงของบริษัทฯ มิให้ถูกนําไปแสวงหาประโยชน์ในทางที่มิชอบ
อ่านประกอบ:
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉฮุน เซน เซ็น ทิ้งทวนนายกฯยกอุทยานเฉียดพันเฮกตาร์ให้ลูกคนใกล้ชิดบริหาร
- นักข่าวดังสหรัฐฯ อ้างข้อมูล 'ทักษิณ' ใช้นายหน้าแอฟริกาใต้เครือข่ายฮุนเซน ซื้อเจ็ทส่วนตัว
- แกะรอย 'เบนจามิน' นายหน้าปริศนาขายเครื่องบินส่วนตัว ให้ 'ทักษิณ-เครือข่ายฮุนเซน' ?
- 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา แปลงเป็นไทย ยุค 'อนุทิน' นั่งมท.1 แต่ไม่ได้เซ็นให้
- เปิดรายงานลับ สน.บท.กรณี 'เบนจามิน'ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา-ปริศนาที่ปรึกษาธุรกิจ ทักษิณ?
- เจาะลึก! เส้นทาง 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชาแปลงเป็นไทย 'บิ๊กตลท.' ให้ถ้อยคำรับรอง
- 'อนุทิน' ยันไม่ได้เซ็นอนุมัติแปลงสัญชาติ 'เบนจามิน' ตีตกชั้นปค.-อย่าโยงขัดแย้ง 'ทักษิณ'
- เปิดข้อมูล บ.ที่ทำงาน 'เบนจามิน' ไฮโซแฟนลูกนักการเมืองกัมพูชาถือหุ้น ก่อนขอแปลงสัญชาติ
- ขุดประวัติ 'เบนจามิน' กุนซือฮุนเซน โยง 'ยิม เลียก'-ที่ปรึกษารมว.คลังไทยนั่งบอร์ด ธ.กัมพูชา
- เปิดแฟ้มข่าวสื่ออังกฤษ 21 ปีก่อน! คดีหลอกขายหุ้นระดับโลก โยง 'เบนจามิน' กุนซือฮุน เซน
- โลกกลม! ข้อมูลใหม่ 'เบนจามิน' ปธ.เจ้าภาพกฐินฯ ร่วม 'ธรรมนัส' เปลี่ยนชื่อ-สกุลไทยแล้ว
- เปิดตัว‘แคทรียา บีเวอร์‘ ภรรยา 'เบนจามิน'กุนซือฮุน เซน 1 ในผู้ถือหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันบางจาก
- บทวิเคราะห์สื่อสหรัฐ: 'เบนจามิน' โยง 'ทักษิณ' ทุนการเมืองฮุบหุ้นบางจาก ต้นตอขัดแย้งเขมร?
- ส่องความมั่งคั่ง 6 พันล.! 'ยิม เลียก'บิ๊กนักธุรกิจกัมพูชา-กุนซือฮุน เซน คู่ 'เบนจามิน'
- อดีตผู้สื่อข่าว WSJ ฉายภาพชัด 'ทักษิณ-เบนจามิน' โยงกลุ่มทุนกัมพูชา - ฮุบบางจาก?
- เปิดโปงความมั่งคั่ง4หมื่นล.เบนจามิน! โยงอีลิตเขมรฮุบบางจาก?'ทักษิณ-สารัชถ์' มิตรสู่ศัตรู
- สื่อสิงคโปร์ เปิดตัวบ.CAI ช่องทาง 'เบนจามิน-ยิม เลียก' เข้าฮุบหุ้นบางจาก-โยง 'วรภัค'?
- เปิดภาพลับ! ยืนยันสัมพันธ์ลึก 'เบนจามิน-ธรรมนัส' รู้จักกัน-'นฤมล' ร่วมวงสนทนาด้วย
- ข้อมูลใหม่ 'เบนจามิน' โยงธุรกิจคริปโทฯ ช่องทางโอนเงินพันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากกัมพูชา?
- ติดตามเรือยอชต์ 'เบนจามิน' จัดหาให้ทักษิณ? พบชื่อ ยิม เลียก เจ้าของ ล่าสุดทอดสมอฝรั่งเศส
- 'ทอม ไรต์' โต้'ธรรมนัส'หลังให้สัมภาษณ์อิศรา ขู่เรียกค่าเสียหาย ยืนยันจะตีพิมพ์ทุกอย่าง
- ที่ปรึกษา'ธรรมนัส'รับอำนาจ‘เบนจามิน’ฟ้อง‘โรม’อภิปรายหมิ่นฯ ยันปกป้องสิทธิ ไม่ได้ปิดปาก
- 'เบนจามิน' ออกแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาบทความ 'ทอม ไรท์' เตรียมฟ้องอดีตผู้สื่อข่าว WSJ
- ISRA:เอ็กซ์คลูซีฟ! ‘ธรรมนัส‘ เปิดสัมพันธ์ลึก ‘ทักษิณ & เบนจามิน’ จาก ดูไบ ถึง ห้างเกษรฯ
