ส่องคดีทุจริตโลก:แฉฮุน เซน เซ็น ทิ้งทวนนายกฯยกอุทยานเฉียดพันเฮกตาร์ให้ลูกคนใกล้ชิดบริหาร

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 03 สิงหาคม 2568 เวลา 14:30 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

3419 views

ย้อนไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 นายฮุน เซนได้เซ็นออกพระราชกฤษฎีกามอบที่ดิน 242 เฮกตาร์ในอุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะรงให้กับบริษัทเอกชนชื่อว่าบริษัท Emario Shonan Marine Corporation และ U.Property Management ซึ่งเป็นบริษัทของนายยิม เลียก (Yim Leak) และยังได้ปล่อยเช่าที่ในอุทยานขนาด 489 เฮกตาร์ให้กับบริษัททั้งสองแห่งดังกล่าว

ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอข่าวกรณีที่นายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการเซ็นคำสั่งทิ้งทวน ส่งมอบพื้นที่ให้กับบุคคลใกล้ชิดทิ้งทวนก่อนจะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและส่งต่ออำนาจให้กับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน

โดยสำนักข่าว cambodia daily ซึ่งเป็นสื่ออิสระในกัมพูชารายงานข่าวกรณีที่นายฮุน เซน ในช่วงปี 2566 ได้ตัดสินใจเซ็นอนุมัติออกกฎหมายมอบพื้นที่ 242 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์เท่ากับประมาณ 6 ไร่) และเซ็นกฎหมายปล่อยเช่าพื้นที่ 489 เฮกตาร์ ของอุทยานหมู่เกาะแห่งนี้ ให้กับบริษัทของลูกชายของนายยิม ชัย ลี เพื่อดำเนินการใช้ประโยชน์ส่วนตัว

ย้อนไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 นายฮุน เซนได้เซ็นออกพระราชกฤษฎีกามอบที่ดิน 242 เฮกตาร์ในอุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะรงให้กับบริษัทเอกชนชื่อว่าบริษัท Emario Shonan Marine Corporation และ U.Property Management ซึ่งเป็นบริษัทของนายยิม เลียก (Yim Leak) และยังได้ปล่อยเช่าที่ในอุทยานขนาด 489 เฮกตาร์ให้กับบริษัททั้งสองแห่งดังกล่าว

นายฮุน เซน อ้างว่าการให้ที่ดินแก่บริษัทดังกล่าวเพื่อการพัฒนาเป็นการแลกกับค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องชำระให้กับเจ้าของธุรกิจและผู้ให้บริการบนเกาะรงโดยตรง โดยผ่านการที่บริษัททั้งสองจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานถนนคอนกรีต เครือข่ายน้ำและไฟฟ้า หลุมฝังกลบ โรงเรียน และศูนย์สุขภาพบนเกาะ

นายฮุน เซน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การให้กรรมสิทธิ์ที่ดินอุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะรงจำนวน 242 เฮกตาร์ และการให้เช่าที่ดินจำนวน 489 เฮกตาร์แก่บริษัทแห่งนี้ เป็นไปตามคำร้องขอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลาและราคาเช่าที่ดินอุทยานแห่งชาติทางทะเลระหว่างรัฐบาลและบริษัทไว้ในร่างกฎหมายย่อยแต่อย่างใด

สำหรับประวัติของนายยิม เลียกพบว่าเป็นลูกชายคนสุดท้อง จากทั้งหมดสี่คนของนายยิม ชัยลี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและสส.ของจังหวัดกำปงจาม นอกจากนี้นายยิม เลียกยังเป็นประธานบริษัท B.I.C Group ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ที่ทำการหลักอยู่ในประเทศกัมพูชา เป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งรวมไปถึงธนาคาร B.I.C กัมพูชา และมีรายงานว่านายยิม เลียกได้แต่งงานกับนักธุรกิจหญิงไทยคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทหลายแห่งในไทยด้วยเช่นกัน

ส่วนข้อมูลของธนาคาร B.I.C หน้าเว็บไซต์ระบุว่าถือใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบที่ออกโดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และจดทะเบียนและจดทะเบียนในราชอาณาจักรกัมพูชา BIC (กัมพูชา) Bank Plc ก่อตั้งขึ้นร่วมกันโดยบริษัท Asia Investment and Financial Service Sole Co. จํากัด ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บริษัท พาราไดซ์ อินเวสเมนท์ Ltd of Kingdom of Cambodia และ Prime Street Advisory Co. บริษัทจํากัดของประเทศไทย (ดูภาพประกอบ)

นายยิม เลียก

สำหรับประวัติของลูกๆคนอื่นของนายยิม ชัยลีที่เหลืออีกสามคนได้แก่

1.นายยิม เหลียง ซึ่งจากข้อมูลในช่วงปี 2555 พบว่าเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2563 นายฮุน เซน ได้ออกกฎหมายโอนย้ายนายยิม เหลียง จากกองทัพกัมพูชา ไปรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานป้องกันประเทศ ก่อนที่จะย้ายไปรับราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายยิม เหลียง

2.นางยิม ไช ลิน ซึ่งเป็นที่รู้จักของสาธารณชนในฐานะภรรยาของนายฮุน มานี ลูกชายคนสุดท้องของนายฮุน เซน ตามข้อมูลปี 2565 พบว่า เธอเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมแพทย์สมาพันธ์เยาวชนกัมพูชา เป็นผู้อำนวยการของบริษัท TEHO INTERNATIONAL ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเดอะเบย์ และเป็นสตรีชาวกัมพูชาคนแรกที่ได้ก้าวขึ้นสู่พรมแดงในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ที่ประเทศฝรั่งเศสในปี 2562

นางยิม ไช ลิน

3.นายยิม ลาต จากข้อมูลปี 2565 พบว่าเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจังหวัดกำปงธม และเป็นรองผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา

นายยิม ลาต

ทั้งนี้ในส่วนของการให้ที่ดินในเขตพื้นที่คุ้มครองแก่บริษัทเอกชนและบุคคลผู้มั่งคั่ง พบว่าข้าราชการระดับสูงและบุคคลที่มีอำนาจ ซึ่งใกล้ชิดกับนายฮุน เซน รวมถึงญาติพี่น้องและบุตรทางสายเลือดของเขา ได้รับที่ดินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินนับร้อยเฮกตาร์

เช่นกรณีของนางฮุน มานา และนางฮุน มาลี ซึ่งเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของนายฮุน เซน เคยได้รับที่ดินในเขตป่าคุ้มครองเป็นทรัพย์สินหลายพันเฮกตาร์ในอดีตอีกด้วย

โดยในวันที่ 30 พ.ย.2565 พบว่านายฮุน เซน ได้เคยเซ็นกฎหมายย่อยกำหนดพื้นที่สาธารณะในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำนวนเกือบ 1 ล้านไร่ ใน 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตโบงคมุม กระแจะ มณฑลคีรี รัตนคีรี สตึงแตรง กำปงธม และตาแก้ว ถูกจัดสรรที่ดินช่วงและจัดสรรที่ดินให้เอกชนเป็นเจ้าของเพื่อพัฒนาต่อไป

สำหรับการมอบที่ดินของรัฐให้เอกชนเพื่อนำไปพัฒนานั้น ในอดีต นางจักร โสเพียพ ผู้อำนวยการศูนย์สิทธิมนุษยชนกัมพูชา กล่าวว่า ทางการจะต้องชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินในเขตพื้นที่คุ้มครองและการรวมที่ดินในพื้นที่ต่างๆ ที่เคยให้บริษัทเอกชนไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการรับผิดชอบต่อการดำเนินงานของตน

ส่วนกรณีของเกาะรง ย้อนไปเมื่อเดือน ก.พ.2561 นายฮุน เซน ได้ตัดสินใจก่อตั้ง "อุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะรง" ซึ่งมีพื้นที่ทางบก 5,311 เฮกตาร์และพื้นที่ทะเล 47,137 เฮกตาร์ พื้นที่รวมทั้งสิ้น 52,448 เฮกตาร์

อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดพระสีหนุและเกาะกง อุทยานแห่งชาติครอบคลุมเกาะหลายแห่ง รวมถึงเกาะรง เกาะรงสันเลิม เกาะโต๊ะ เกาะตาเทียม เกาะมนัสเครา เกาะมนัสเด และทะเลโดยรอบ โดยอ้างว่าเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรใต้น้ำที่ถูกบุกรุกจากการประมงที่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับการจัดตั้ง“อุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะรง” กลุ่มประชาสังคมท้องถิ่นหลายกลุ่มได้เรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นจัดทำแผนการอนุรักษ์โดยเฉพาะ และป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการเอกชนใช้ข้ออ้างทางธุรกิจเพื่อแบ่งแยกที่ดินของอุทยานทางทะเลเพื่อประโยชน์ส่วนตนแทนที่จะใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลกัมพูชาได้แสดงท่าทียอมรับการบุกรุกอุทยานทางทะเลมาโดยตลอด จนนำไปสู่การทำลายเกาะโดยอ้างว่ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับข้อมูลของนายยิม เลียกเพิ่มเติม โดยเฉพาะเกี่ยวกับธุรกิจในประเทศไทยนั้น สำนักข่าวอิศราจะขอนำเสนอรายละเอียดในโอกาสถัดไป

เรียบเรียงจาก:https://www.cambodiadaily.com/2023/09/13/15/16/71843,https://www.kampucheathmey.com/local-news/362269

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage