ส่องคดีทุจริตโลก:อัยการเกาหลีสอบคดีสินบน ปธน.ยุน โยงโครงการก่อสร้างที่กัมพูชา

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 13:00 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

1366 views

TRPTTT

เจ้าหน้าที่พบใบเสร็จและเอกสารที่เกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ของโบสถ์ ซึ่งอัยการมองว่าเป็นหลักฐานของการล็อบบี้อย่างประสานงานกัน เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนว่าของขวัญเหล่านี้ถูกมอบให้เพื่อแลกกับการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่โบสถ์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เช่น โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในกัมพูชา การซื้อกิจการสถานีข่าว YTN และข้อเสนอจัดตั้งสำนักงานสหประชาชาติในเกาหลีใต้

ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ของนำเสนอการสอบสวนประธานาธิบดียุน ซอก ยอล อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้

โดยสำนักข่าวในเกาหลีใต้รายงานข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่สืบสวนเกาหลีใต้ได้ดำเนินการสอบสวนแยกกันสองครั้ง ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นการสืบสวนเกี่ยวกับการติดสินบนที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับนางคิม คียอน ฮี อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และอีกครั้งเป็นการสืบสวนพฤติการณ์ต้องสงสัยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของอดีตประธานาธิบดียุน โดยการสอบสวนดังกล่าวนั้นได้ดึงประเทศกัมพูชาและมองโกเลียให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ทั้งสองประเทศกลายเป็นจุดศูนย์กลางในการสืบสวน โดยอัยการเกาหลีใต้กำลังตรวจสอบว่ากลุ่มศาสนาหนึ่งพยายามชักจูงอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งให้มีอิทธิพลต่อกองทุนพัฒนาของกัมพูชาหรือไม่

นอกจากนี้ทีมอัยการยังได้สืบสวนด้วยว่าหน่วยข่าวกรองทางทหารของเกาหลีใต้พยายามติดต่อสถานทูตเกาหลีเหนือในมองโกเลียเพื่อหาข้อมูลว่ามีการติดต่อให้เกาหลีเหนือกระทำการใดๆ ที่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการประกาศกฎอัยการศึกหรือไม่

@ทริปไปพนมเปญ

ทีมสอบสวนซึ่งนำโดยที่ปรึกษาพิเศษ นายมิน จองกี กำลังสืบสวนข้อกล่าวหาที่ว่านายยุน ยองโฮ เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มศาสนาชื่อว่าโบสถ์แห่งความสามัคคี ได้มอบของขวัญราคาแพงให้กับอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผ่านทางที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณชื่อนายจอน ซองแบหรือไม่ โดย ของขวัญเหล่านี้ประกอบด้วยสร้อยคอเพชรมูลค่า 60 ล้านวอน (1,403,688 บาท) และกระเป๋าถือชาแนลสองใบ มูลค่าใบละ 10 ล้านวอน (233,948 บาท)

เจ้าหน้าที่พบใบเสร็จและเอกสารที่เกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ของโบสถ์ ซึ่งอัยการมองว่าเป็นหลักฐานของการล็อบบี้อย่างประสานงานกัน เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนว่าของขวัญเหล่านี้ถูกมอบให้เพื่อแลกกับการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่โบสถ์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เช่น โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในกัมพูชา การซื้อกิจการสถานีข่าว YTN และข้อเสนอจัดตั้งสำนักงานสหประชาชาติในเกาหลีใต้

ย้อนไปเมื่อเดือน มิ.ย. 2565 รัฐบาลเกาหลีได้เพิ่มวงเงินสินเชื่อกองทุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ (EDCF) ให้แก่กัมพูชาเป็นสองเท่า จาก 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (22,701,350,000 บาท) เป็น 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (48,645,750,000 บาท) ห้าเดือนต่อมา ประธานาธิบดียุนและนางคิม ผู้นำประเทศในขณะนั้นได้เดินทางเยือนกรุงพนมเปญ โดยให้คำมั่นที่จะเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับอาเซียนและประเทศต่างๆ ตามแนวแม่น้ำโขง

Heerim

ข่าวบริษัทจากเกาหลีใต้ได้สัญญาก่อสร้างสนามบินในกัมพูชา

อัยการกำลังสอบสวนว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ได้รับอิทธิพลจากความพยายามในการล็อบบี้หรือไม่

อัยการพิเศษยังได้ตรวจสอบโครงสร้างทางการเงินของโครงการต่างๆ โดยสงสัยว่ามีข้อตกลง “การตอบแทน” ที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคและผลประโยชน์อื่นๆ ในรูปแบบของข้อตกลงทางธุรกิจ

เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ค้นพบข้อความระหว่างบุคคลสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความพยายามร่วมกันในการบรรลุข้อตกลงการพัฒนาของกัมพูชาโดยใช้เงินทุนช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการของเกาหลีใต้

ข้อความหนึ่งที่ส่งโดยอดีตเจ้าหน้าที่ของโบสถ์แห่งความสามัคคีถึงผู้เกี่ยวข้องของคู่สามีภรรยาประธานาธิบดี ระบุว่า “มาร่วมกันสร้างภาพรวมใหญ่”

ทั้งสองฝ่าย (ฝ่ายโบสถ์และฝ่ายประธานาธิบดี) ยังได้หารือกันถึงการแนะนำผู้บริหารจากบริษัท Heerim Architects & Planners ซึ่งต่อมาได้รับสัญญาก่อสร้างในกรุงพนมเปญ ขณะนี้อัยการพิเศษกำลังตรวจสอบว่าบริษัทอีกแห่งชื่อ Deutsch Financial ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกี่ยวข้องกับนางคิม มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการจัดหาเงินทุนหรือไม่

@กรณีมองโกเลีย

นอกจากนี้ ทีมอัยการพิเศษอีกชุดหนึ่งซึ่งนำโดยนายโช อึน-ซอก กำลังสืบสวนว่าหน่วยข่าวกรองทางทหารของเกาหลีใต้พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่สถานทูตในกรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลียหรือไม่

โดยคาดเดาว่าเหตุการณ์การติดต่อสถานทูตเกาหลีเหนือนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่อดีตประธานาธิบดียุนได้ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567

รายงานข่าวการประกาศกฎอัยการศึกที่เกาหลีใต้ (อ้างอิงวิดีโอจากบลูมเบิร์ก)

เจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารเกาหลีใต้สองนายถูกทางการมองโกเลียควบคุมตัวเนื่องจากพยายามติดต่อสถานทูตเกาหลีเหนืออย่างลับๆ ผ่านคนกลางในประเทศ ตามข้อมูลเอกสารข่าวกรองทางทหารภายในเกาหลีใต้ที่ระบุด้วยว่า ผู้ติดต่อหลักของพวกเขาคือสถานทูตเกาหลีเหนือ

เจ้าหน้าที่สืบสวนของอัยการพิเศษกำลังตรวจสอบว่าความพยายามติดต่อดังกล่าวเป็นความพยายามสมคบคิดกับเกาหลีเหนือเพื่อชักจูงให้เกิดการตอบโต้ที่อาจใช้เป็นเหตุผลในการบังคับใช้กฎอัยการศึกฉุกเฉินในเกาหลีใต้หรือไม่

ทีมอัยการกำลังประเมินว่าการกระทำเหล่านี้เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 92 แห่งกฎหมายอาญาของเกาหลีใต้ซึ่งห้ามไม่ให้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศโดยมีเจตนายุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งทางอาวุธหรือไม่

หากผู้สืบสวนสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาที่จะยั่วยุให้เกิดการดำเนินการทางทหารร่วมกับรัฐต่างประเทศ ผู้ที่เกี่ยวข้องอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือแม้กระทั่งประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษที่ใช้ภายใต้กฎหมายของเกาหลีใต้ ที่มีผลบังคับใช้แม้กระทั่งกับผู้ที่กระทำ หรือว่ามีแผนที่จะดำเนินการ

เอกสารของ พล.อ.โนห์ ซังวอน อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่กำลังถูกพิจารณาคดีในปัจจุบัน ประกอบด้วยบันทึกต่างๆ เช่นคำว่า “ยั่วยุให้โจมตีที่ NLL” ซึ่งชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่จงใจในการกระตุ้นให้เกิดการเผชิญหน้าใกล้ชายแดนทางทะเลเกาหลีใต้

ทีมของนายมินมีกำหนดสอบปากคำอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในวันที่ 6 ส.ค.ขณะที่ทีมของนายโชกำลังทำงานเพื่อติดตามลำดับการบังคับบัญชาเบื้องหลังปฏิบัติการในมองโกเลีย

เรียบเรียงจาก:https://www.koreatimes.co.kr/southkorea/politics/20250724/why-are-cambodia-mongolia-involved-in-probes-into-ex-president-and-wife

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage