น้ำมันจากบริษัท Goldpetrol มีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาความขาดแคลนของกองทัพเมียนมาที่ต้องเผชิญจากการคว่ำบาตรนานาชาติ ที่ดำเนินการต่อภาคการเงินและการผลิตน้ำมันของเมียนมา และมีรายงานว่าในช่วงปี 2564-2566 น้ำมันจากการผลิตของบริษัท Goldpetrol สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่า 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,858,724,125 บาท) ให้กับบริษัท Interra Resources
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอกรณีความไม่โปร่งใสของบริษัทเอกชนสัญชาติสิงคโปร์ที่เข้าไปมีส่วนในการจัดส่งเชื้อเพลิงอากาศยานให้กับกองทัพเมียนมา หลังจากการรัฐประหารในปี 2564
โดยองค์กรเพื่อการพัฒนาเอกชนหรือ NGO จากเมียนมาได้แก่ Justice For Myanmar ได้ทำงานร่วมกับ NGO จากประเทศอังกฤษอย่าง Finance Uncovered จนสามารถเปิดโปงได้ว่าบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ชื่อว่าบริษัท Interra Resources Ltd ได้มีการจัดส่งน้ำมันดิบคิดเป็นปริมาณ 2.3 ล้านบาร์เรลให้กับกองทัพเมียนมา นับตั้งแต่เหตุรัฐประหารในเดือน ก.พ. 2564
โดยน้ำมันจำนวนดังกล่าวนั้นมีมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (5,069,247,615 บาท) ได้กลายเป็นปัจจัยทำให้กองทัพเมียนมาสามารถดำเนินการก่อาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับข้อมูลของบริษัท Interra Resources พบว่าเป็นเจ้าของ 60% ในบริษัทอีกแห่งชื่อว่าบริษัท Goldpetrol Joint Operating Company Inc ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทสุดท้ายที่เหลืออยู่ที่ยังดำเนินการสกัดน้ำมันจากแหล่งน้ำมันบนบกของเมียนมา ส่วนหุ้นในบริษัทGoldpetrol อีก 40% ที่เหลือนั้นเป็นของบริษัท North Petroleum International ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิน China North Industries Group Corporation (NORINCO) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอาวุธของรัฐบาลจีนและซัพพลายเออร์อาวุธให้กับกองทัพเมียนมา
โครงสร้างบริษัทสิงคโปร์เชื่อมโยงกับรัฐบาลทหารเมียนมา
@บทบาทของ Goldpetrol ในการเอื้อประโยชน์ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา
Justice For Myanmar ได้ดำเนินการสืบสวนจนพบว่าบริษัท Goldpetrol ได้มีการสกัดน้ำมันคิดเป็นปริมาณ 855,000 บาร์เรล ในช่วงปี 2565 เพียงแค่ปีเดียว ซึ่งปริมาณดังกล่าวคิดเป็น 40% ของน้ำมันทั้งหมดที่เมียนมาสามารถผลิตได้ในปีนั้น
ทั้งนี้กระบวนการกลั่นน้ำมันมีการดำเนินการโดยโรงกลั่นน้ำมันมาน(Mann) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเมียนมา โดยโรงกลั่นแห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคมะกเว ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เป็นตั้งของโครงสร้างพื้นฐานทางทหารที่สำคัญน้ำมันที่โรงกลั่นนี้จะถูกนำไปแปรรูปเป็นน้ำมันดีเซลและน้ำมันเชื้อเพลิงใช้สำหรับรถบรรทุก,รถถัง และอากาศยานทางทหาร และเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติที่จำกัดการนำเข้าและค่าเงินของเมียนมาที่ตกต่ำส่งผลทำให้การผลิตเชื้อเพลิงในประเทศมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อรัฐบาลทหารในการดำเนินปฏิบัติการทางทหารต่อไป
น้ำมันจากบริษัท Goldpetrol มีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาความขาดแคลนของกองทัพเมียนมาที่ต้องเผชิญจากการคว่ำบาตรนานาชาติ ที่ดำเนินการต่อภาคการเงินและการผลิตน้ำมันของเมียนมา และมีรายงานว่าในช่วงปี 2564-2566 น้ำมันจากการผลิตของบริษัท Goldpetrol สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่า 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,858,724,125 บาท) ให้กับบริษัท Interra Resources
ข้อมูลจาก Justice For Myanmar ระบุว่า ในปี 2565 จากกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดปรับตัวพุ่งสูงขึ้น ส่งผลทำให้น้ำมันจากบริษัท Goldpetrol มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยมูลค่าน้ำมันของบริษัทนี้ทั้งหมดอยู่ที่ 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,858,724,125 บาท) และได้กลายเป็นสิ่งที่สร้างกำไรให้กับกองทัพเมียนมา แม้จะถูกคว่ำบาตรก็ตาม
@ช่องว่างในกระบวนการคว่ำบาตร
Justice For Myanmar ได้สืบสวนทราบเกี่ยวกับการที่ทำไมรัฐบาลทหารยังสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่สำคัญได้อยู่ แม้จะถูกคว่ำบาตรก็ตาม
โดยสหภาพยุโรปหรืออียู และสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินการคว่ำบาตร MOGE ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจทางด้านพลังงานรายใหญ่ของเมียนมา ทว่าบริษัทอีกแห่งชื่อว่าบริษัท Myanma Petrochemical Enterprise (MPE) ที่ดำเนินกิจการการกลั่นและแจกจ่ายน้ำมันกลับไม่ถูกคว่ำบาตรแต่อย่างใด ไม่ว่าจะโดยประเทศไหนก็ตาม
ขณะที่ธนาคารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคณะรัฐบาลทหาร เช่น ธนาคารการค้าต่างประเทศเมียนมา (MFTB) และธนาคารเพื่อการลงทุนและการพาณิชย์เมียนมา (MICB) ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดาเท่านั้น
ทาง Justice For Myanmar จึงได้เรียกร้องไปยังประเทศอื่นๆรวมถึงอังกฤษและสิงคโปร์ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรแบบประสานงานกับ MOGE, MPEและธนาคารของคณะรัฐประหารเพื่อจำกัดการเข้าถึงกองทุนและเชื้อเพลิงจากต่างประเทศของคณะรัฐประหารให้มากขึ้น
ส่วนประเทศสิงคโปร์ที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Interra Resources และจดทะเบียนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ยังไม่ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรใดๆ ต่อคณะรัฐประหารของเมียนมา
@ข้อแก้ต่างของบริษัท Interra Resources
ทางบริษัท Interra Resources ได้มีการออกแถลงการณ์ต่อกรณีการสืบสวนของ Justice For Myanmar อ้างว่าบริษัท Goldpetrol นั้นเป็นบริษัทในเครือที่มีพันธะผูกพันตามสัญญาภายใต้ข้อตกลงแบ่งปันผลผลิตกับ MOGE ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องขายน้ำมันที่สกัดได้ทั้งหมดให้กับรัฐบาลเมียนมา
นอกจากนี้ บริษัท Interra Resources ยังระบุด้วยว่าไม่มีการติดต่อโดยตรงกับ NORINCO หรือ MPE อย่างไรก็ตาม องค์กร Justice For Myanmar ได้วิพากษ์วิจารณ์การแก้ต่างดังกล่าว โดยระบุว่า บริษัทต่างๆ ที่ดำเนินธุรกิจในพื้นที่ขัดแย้งจะต้องดำเนินการตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้นภายใต้มาตรฐานสากล รวมถึงหลักปฏิบัติของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน
@ความร่วมมือและความเป็นเจ้าของของของบริษัท Interra Resources
การมีส่วนร่วมและโครงสร้างบริหารของ Interra Resources ในภาคส่วนน้ำมันของเมียนมานั้นมีส่วนเชื่อมโยงกับบุคคลในบริษัทที่จีน แ โดยในช่วงปี 2566 หนึ่งในผู้ถือหุ้น เจ้าของบริษัทคือนาย Edwin Soeryadjaya มหาเศรษฐีชาวอินโดนีเซียพบว่าได้ขายหุ้นของเขาไปให้กับทนายความสิงโปร์ชื่อว่านาย Ng Soon Kai ส่งผลทำให้ในตอนนี้ นาย Ng เป็นผู้ถือรายใหญ่ของบริษัท ถือหุ้นอยู่ที่ 27%
ผู้ถือหุ้นรายสำคัญอีกรายในบริษัท Interra Resources ได้แก่บริษัท Poly Legend International Limited โดยพบข้อมูลว่าบริษัทนี้มีความเกี่ยวพันกับนายหยาง เป่ยหลิน (Yang Peilin) พ่อค้าสินค้าโภคภัณฑ์ชาวจีน และนายหยางก็ไปเกี่ยวข้องกับบริษัทจีนชื่อว่า ZhenHua Oil ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ NORINCO นี่จึงทำให้มีข้อกังวลว่าบริษัท Interra Resources จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของรัฐบาลทหารเมียนมา
การสอบสวนขององค์กร Justice For Myanmar ยังเน้นย้ำด้วยว่าข้อตกลงตามสัญญาระหว่าง Goldpetrol กับ MOGE ส่งผลให้รัฐบาลทหารได้รับน้ำมันที่สกัดได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง โดยบริษัทได้จ่ายค่าตอบแทนที่ได้น้ำมันเป็นเงิน ภาษี และค่าภาคหลวง น้ำมันที่เหลือจะถูกขายกลับคืนให้กับ MOGE ซึ่งจะทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อกล่าวหากรณีบริษัทจากสิงคโปร์มีส่วนสกัดน้ำมันเอื้อกองทัพเมียนมา (อ้างอิงวิดีโอจาก Burma Spring Revolution: Uncensored)
@โรงกลั่นมานและความสำคัญทางยุทธศาสตร์อ
การสืบสวนพบว่าน้ำมันที่สกัดโดยบริษัท Goldpetrol ถูกขนส่งผ่านแม่น้ำอิรวดีโดนไปยังโรงกลั่นน้ำมันน้ำมันมานในภูมิภาคมะเกว โดยโรงกลั่นแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินรบ ซึ่งมีความสำคัญต่อปฏิบัติการทางทหารของรัฐบาลทหาร
การวิเคราะห์แสงในเวลากลางคืนโดยผู้เชี่ยวชาญแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมที่โรงกลั่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญหลังจากการรัฐประหาร ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลทหาร รายงานระบุอีกว่าการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน ภายในประเทศของรัฐบาลทหารพุ่งขึ้น 174% ในปี 2565 โดยมีการผลิตได้เกิน 2 ล้านแกลลอนในปีนั้น
ในขณะที่ปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายตรงข้ามกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีทางอากาศมากกว่า 820 ครั้งและการสังหารหมู่พลเรือนจำนวนมากในปี 2567 น้ำมันที่สกัดโดย Goldpetrol ยังคงเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลทหาร จนถึงปัจจุบัน
ทาง Justice For Myanmar ระบุทิ้งท้ายว่า ดังนั้นการที่สิงคโปร์จะได้ดำเนินการตรวจสอบบริษัท Interra Resources รวมไปถึงการที่นานาชาติจะคว่ำบาตรบริษัทอื่นๆนั้น จะช่วยนำไปสู่การยุติห่วงโซ่อุปทานและอาจลดการก่ออาชญากรรมสงครามของรัฐบาลทหารเมียนมาได้เป็นอย่างมาก
เรียบเรียงจาก:https://www.theonlinecitizen.com/2025/02/01/singapore-listed-company-linked-to-myanmar-juntas-war-crimes-through-oil-supply/
- ส่องคดีทุจริตโลก:ซาอุฯเดินหน้าสัญญาซื้ออาวุธรัสเซีย 7.7 หมื่นล.แม้ถูกคว่ำบาตรปมบุกยูเครน
- ส่องคดีทุจริตโลก:ก.คลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรธนาคารคีร์กีซ เหตุช่วยแบงก์รัสเซียเลี่ยงคว่ำบาตร
- ส่องคดีทุจริตโลก: CEO กรมน้ำฯแอลเอ บริหารงานล้มเหลว? ต้นเหตุหัวดับเพลิงไม่ทำงานช่วงไฟป่า
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉแผนทรมาน ปธ.กกต.เกาหลีฯช่วงอัยการศึก บังคับประกาศเหตุโกงเลือกตั้ง สส.