ส่องคดีทุจริตโลก:กห.ออสซี่อ้างไม่เข้าข่ายขัดกันแห่งผล ปย.เหตุ จนท.รับงาน บ.คู่สัญญาเรือรบ

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 13 กรกฎาคม 2568 เวลา 08:47 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

2616 views

guardddddddd

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้ ซึ่งยังคงมีตำแหน่งในกระทรวงกลาโหม กลับถูกระบุชื่อให้เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของทางฝั่งบริษัท NSM ถ้าหากว่าบริษัทได้รับสัญญาการดูแลรักษาเรือรบดังกล่าว พอถึงช่วงเดือน พ.ย.2561 ก็ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่่กลาโหมรายนี้ถูกระบุให้เป็นตัวแทนของบริษัท NSM ในการเดินหน้าเจรจาสัญญากับกระทรวงกลาโหม

ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอกรณีความไม่โปร่งใสในการจัดการเรือรบของกองทัพเรือออสเตรเลีย

โดยสำนักข่าวเดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานข่าวกรณีที่ เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียล้มเหลวในการบันทึกและสอบสวนข้อกล่าวหาการติดสินบน ซึ่งดำเนินการต่อเจ้าหน้าของกองทัพเรือที่รับผิดชอบในสัญญาการติดตั้งและบำรุงรักษาเรือรบสองลำมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียระบุด้วยว่า กรณีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเรือที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาซัพพลายเออร์เพื่อทำสัญญาบำรุงรักษาเรือรบมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์ฯ (14,826,189,000 บาท) ไปรับข้อเสนองานจากทางผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลระหว่างกระบวนการ การกระทำดังกล่าวนั้นไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งแห่งผลประดยชน์

รายงานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินออสเตรเลีย (ANAO) ที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ได้ให้รายละเอียดความล้มเหลวหลายประเด็นในการบริหารจัดการเรือรบของกองทัพออสเตรเลียเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ซึ่งมีมูลค่าสัญญารวมกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ฯ (74,130,945,000 บาท) ระยะเวลาสัญญากินเวลาตั้งแต่ปี 2557 ถึงปี 2575

ผู้ตรวจสอบของหน่วยงานกลางได้ประเมินผลการบริหารจัดการเรือรบ 2 ลำ ซึ่งอยู่ในประเภทเรือจู่โจมสะเทินน้ำสะเทินบกคลาสแคนเบอร์รา หรือก็คือเรือจู่โจมที่มีศักยภาพเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ตั้งแต่ปี2557 เพื่อพิจารณาว่าการบริหารจัดการเรือเหล่านั้นคุ้มค่าเงินหรือไม่ ทำงานได้ตามที่คาดหวังหรือไม่ และปฏิบัติตามกฎของสัญญาหรือไม่

ANAO ได้มีผลตัดสินออกมาว่าความล้มเหลวของกระทรวงกลาโหมในการจัดการสัญญาอย่างมีประสิทธิผลทำให้เกิดความล้มเหลวร้ายแรงอื่นๆตามมา รวมถึงความล้มเหลวในระหว่างปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมหลังจากพายุไซโคลนในวานูอาตูในปี 2566

บริษัท BAE ได้มีการส่งมอบเรือสองลำที่มีชื่อว่า HMAS Canberra และ HMAS Adelaide ตั้งแต่ปี 2557 และปี 2558 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามเรือนั้นมีประเด็นข้อบกพร่องมากกว่า 1,000 รายการ ทั้งในด้านระบบสื่อสาร เรดาร์ การจัดการการรบ และระบบระบายน้ำเสีย ตามรายงานที่ระบุ

เรือ HMAS Canberra กับภารกิจที่วานูอาตู (อ้างอิงวิดีโอจาก Defence Australia)

ในปี 2560 ได้มีการทำโครงการแก้ไขปัญหา และในเดือนพ.ย. 2562 เรือเหล่านี้ก็ได้รับการยอมรับให้เข้าประจำการเต็มรูปแบบ โดยมี “ข้อบกพร่องที่เหลืออยู่ที่สำคัญ” จำนวน 6 รายการ

รายงานของ ANAO ระบุต่อไปว่าปัญหาล้มเหลวในเรื่องของไฟฟ้าบนเรือดับทั้งหมดและข้อบกพร่องเร่งด่วน ส่งผลทำให้เรือทั้งสองลำไม่สามารถถูกส่งไปที่ตองกาในปี 2565 และที่วานูอาตูในปี 2566 เพื่อดำเนินภารกิจด้านมนุษยธรรมได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

“เจ้าหน้าที่กองทัพเรือแสดงความคิดเห็นระหว่างการประชุมระดับสูงในปี 2566 เกี่ยวกับ “ความล้มเหลวครั้งใหญ่” ที่ส่งผลต่อชื่อเสียงของกองทัพเรือกับ “ชุมชน รัฐบาล และพันธมิตรระหว่างประเทศ (สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร)” เช่นเดียวกับ “ความเชื่อมั่นที่พวกเขามีต่อกองทัพเรือในการใช้งานเรือดำน้ำนิวเคลียร์” รายงานANAO ระบุ

รายงานยังอ้างถึงวิธีการที่กระทรวงกลาโหมจัดการกับข้อกล่าวหาฉ้อโกงและคอร์รัปชั่นยังมีข้อบกพร่องอีกด้วย

โดยในช่วงเดือน ก.ย.2565 มีรายงานเปิดเผยอ้างถึงแหล่งข้อมูลนิรนามสองแห่งที่กล่าวโทษบริษัทผู้รับเหมาบำรุงรักษาชื่อว่าบริษัท Naval Ship Management (NSM) ว่ามีพฤติการณ์ติดสินบนและเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาช่วงรายใหม่ที่เข้ามาดำเนินงาน

ข้อกล่าวหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาของการบำรุงรักษาเรือ ก่อนที่เรือลำหนึ่งจะถูกส่งไปที่ตองกาเพื่อดำเนินภารกิจเหลือบรรเทาทุกข์ในเดือน ม.ค.2565

ผู้แจ้งเบาะแสยังกล่าวหาว่ามีการทำงาน "ต่ำกว่ามาตรฐาน" และมีการส่งใบแจ้งหนี้และชำระเงินก่อนที่จะดำเนินการงานให้เสร็จสิ้น

เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมได้ประชุมกับ NSM เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าวในเดือน ต.ค.2565 โดย NSM เปิดเผยว่ามีข้อร้องเรียนที่คล้ายกันเกิดขึ้นในปี 2564 จนนำไปสู่ประเด็นในการสอบสวนมาแล้ว

โดยการสอบสวนได้ยืนยันข้อกล่าวหาเรื่องแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ดีและการเลือกปฏิบัติต่อผู้รับเหมาช่วงบางราย อย่างไรก็ตามรายงานของ NSM ไม่ได้ระบุครอบคลุมข้อกล่าวหาเรื่องให้สินบนหรือการรับสินบน

NSM ได้จัดทำรายงานสรุปประจำปี 2564 ให้แก่กระทรวงกลาโหม บันทึกสรุปที่จัดทำขึ้นมอบให้แก่ผู้บัญชาการทหารเรือในเดือน เม.ย.2566 กล่าวถึงการตอบสนองของ NSM ต่อข้อกล่าวหาประจำปี 2564 ว่าเป็น "การดำเนินการในระดับสูงสุด" และเป็น "การสอบสวนที่ละเอียดถี่ถ้วน เหมาะสม และเป็นอิสระเพียงพอที่จะตอบสนองมาตรฐานที่เครือจักรภพยอมรับได้"

อย่างไรก็ตาม รายงานสรุปของ NSM ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ถือเป็นเหตุการณ์ที่ต้องแจ้งให้รับทราบ ซึ่งรายงานของ ANAO ระบุว่าการทำเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงกลาโหม

ANAO กล่าวอีกว่าฝ่ายกลาโหมไม่ได้ร้องขอการประเมินความเสี่ยงจากสัญญาเพิ่มเติมหรือแผนการจัดการหลังจากมีข้อกล่าวหาเกิดขึ้น

มีกรณีตัวอย่างอีกกรณีหนึ่งที่ ANAO พบว่าความสมบูรณ์ของสัญญาบำรุงรักษามูลค่า 700 ล้านดอลลาร์ฯ ถูกทำลายลงในปี 2561 เนื่องจากบริษัทต่างๆ ยื่นใบสมัครเพื่อขอรับสัญญาดังกล่าว แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2561 เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกลาโหมซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างได้ถูกประกาศว่ามีกรณีความขัดกันแห่งผลประโยชน์ และเวลา 24 ก.ย.ที่ว่านี้ก็เป็นระยะเวลาเพียงสี่วันก่อนการประมูลในตลาดจะปิด โดยเอกสารทางการเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่คนนี้กำลังมีการ “เจรจากับ NSM อย่างจริงจังเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานที่พวกเขา ‘น่าจะรับไว้’

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังได้รับการติดต่อจาก NSM หลายเดือนก่อนหน้านี้เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอสัญญาบำรุงรักษาเรือรบ

ทางกระทรวงกลาโหมได้มีข้อตัดสินในกรณีนี้ว่าการเสนองานให้นั้นยังไม่เข้าข่ายว่าเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการติดต่อจาก NSM ดังกล่าวนั้นถูกแบนไม่ให้เข้าร่วมที่เกี่ยวข้องเพียงสองวันหลังจากที่มีการประกาศเกี่ยวกับเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ออกมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้ ซึ่งยังคงมีตำแหน่งในกระทรวงกลาโหม กลับถูกระบุชื่อให้เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของทางฝั่งบริษัท NSM ถ้าหากว่าบริษัทได้รับสัญญาการดูแลรักษาเรือรบดังกล่าว พอถึงช่วงเดือน พ.ย.2561 ก็ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่กลาโหมรายนี้ถูกระบุให้เป็นตัวแทนของบริษัท NSM ในการเดินหน้าเจรจาสัญญากับกระทรวงกลาโหม

รายงานข่าวชาวเน็ตออสเตรเลียแสดงความไม่พอใจกับข้อกล่าวหาความไม่โปร่งใส (อ้างอิงวิดีโอจาก Sky News Australia)

ANAO รายงานว่าบริษัท NSM ไม่ได้มีการเดินเรื่องขออนุมัติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะดึงตัวอดีตเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมในกฎเกณฎ์การทำสัญญา และกระทรวงกลาโหมก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆเมื่อทราบว่าอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกลับไปมีส่วนร่วมในฝั่งของบริษัทที่เข้ามาทำสัญญา

อนึ่งกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียได้เคยแจ้งไปแล้วว่ากระทรวงรับทราบผลการพิจารณาและเห็นด้วยกับข้อเสนอของ ANAO เพื่อปรับปรุงในประเด็นต่างๆเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ อาทิ การวางแผน การจัดเก็บเอกสาร และปฏิบัติตามกฎการจัดการสัญญา

ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมได้มีการทำแถลงการณ์ถึงสำนักข่าวการ์เดียนออสเตรเลีย ระบุว่ากระทรวงได้พิจารณาข้อกล่าวหาฉ้อโกงและประพฤติผิดจริยธรรมทั้งหมดอย่างจริงจัง และมี “นโยบายไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด”

“การต่อเรือและการบำรุงรักษานั้นเป็น กิจกรรมที่ซับซ้อน และกระทรวงกลาโหมจะยังคงปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ต่อไป กระทรวงกลาโหมยอมรับว่าการจัดการและการระบุปัญหาประเด็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างเหมาะสมในการจัดซื้อจัดจ้างถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการบรรลุมาตรฐานความซื่อสัตย์สุจริตและจริยธรรมในการจัดซื้อจัดจ้างในระดับสูงสุด” แถลงการณ์กระทรวงกลาโหมระบุ ส่วนโฆษกก็ได้อ้างว่ารายงานของ ANAO นั้นยอมรับว่ากระทรวงมีการปรับบางอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ส่วนโฆษกของบริษัทอีกแห่งชื่อว่าบริษัท Babcock ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้าควบกิจการบริษัท NSM ในปี 2565 กล่าวว่าบริษัทย่อยของเราได้ดำเนินการตามกรอบการจัดซื้อระดับโลกของบริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการมีความโปร่งใส ปฏิบัติตามข้อกำหนด และปฏิบัติที่ดีที่สุดในการให้บริการลูกค้าและผลประโยชน์ของชาติ

ทางด้านของโฆษกบริษัท BAE Systems อันมีที่ทำการอยู่ที่อังกฤษกล่าวว่าบริษัทได้ดำเนินการส่งมอบภาระผูกพันตามสัญญา” และ “ตอบสนองต่อข้อกังวลทั้งหมดที่เครือจักรภพหยิบยกขึ้นมา โดยปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขในปี 2564

ส่วนนายริชาร์ด มาร์ลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้

เรียบเรียงจาก:https://www.theguardian.com/australia-news/2025/jul/03/defence-failed-to-properly-investigate-bribery-allegations-against-australian-navy-contractor-officials-audit-finds

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage