"...ผมเคยเขียนเสนอแนะว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกองทัพ ควรถือเป็นโอกาส ประกาศสนับสนุนประชาธิปไตย และการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสถาปนาระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การนำของพล.อ.ประยุทธ์ และกองทัพ ในการสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จะเป็นทางออกให้ทั้งประเทศและกองทัพเอง..."
............................................
วิกฤตการเมืองไทยนำไปสู่ความรุนแรงหลายครั้ง ครั้งใหม่ก็อาจเกิดขึ้นอีกและรุนแรงมาก ต้องเข้าใจว่าองค์ประกอบสำคัญยิ่งยวด (crucial component) ของการออกจากวิกฤติการเมืองคืออะไร
ไม่ใช่รายละเอียดของกฎหมาย รูปแบบ กฎเกณฑ์ที่ต่อสู้กันอย่างเละเทะอย่างในเวลานี้ ที่มีคนเรียกว่าเป็นนิติสงคราม นิติสงครามไม่ทำให้ออกจากวิกฤตได้ ควรศึกษาประวัติศาสตร์
การเมืองฝรั่งเศสเคยวิกฤตแล้ววิกฤตอีก ทำอย่างไรๆ รัฐสภาก็แก้วิกฤตไม่ได้ จึงพากันไปขอร้องนายพลชาร์ล เดอ โกล ให้มาช่วยถอนฉนวนวิกฤต เดอ โกล ได้ขอให้เพื่อนชื่อ มีแชล เดอเบร ยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่แล้วไปทำประชามติ ผู้รู้กล่าวว่าใช่ว่าประชาชนฝรั่งเศสจะเข้าใจเนื้อหารัฐธรรมนูญเมื่อไปลงประชามติ แต่ไปลงมติรับรองเพราะมีความเชื่อถือในผู้นำคือ นายพลชาร์ล เดอ โกล
บทบาทของผู้นำจึงสำคัญที่สุดในการทำวิกฤตให้เป็นโอกาส
ผมเคยเขียนเสนอแนะว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกองทัพ ควรถือเป็นโอกาส ประกาศสนับสนุนประชาธิปไตย และการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสถาปนาระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การนำของพล.อ.ประยุทธ์ และกองทัพ ในการสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จะเป็นทางออกให้ทั้งประเทศและกองทัพเอง
ถ้ากองทัพไทยสนับสนุนประชาธิปไตย จะเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของไทย ทำให้คนไทยสามารถก้าวข้ามความแตกแยก มามีความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาประเทศไทยไปสู่ความดีงาม
คนไทยไม่เคยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน จึงติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์เรื้อรังมานานเกินไป และมีไฟลุกออกมาจากหลุมดำเป็นพักๆ
เมื่อใดที่คนไทยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน เมื่อนั้นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้
ฉะนั้น องค์ประกอบสำคัญยิ่งยวดในการเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีงามคือ การสร้างความมุ่งมั่นร่วมกัน ไม่ใช่กฎระเบียบ รูปแบบ อย่างที่ว่ากันอย่างและอยู่ในเวลานี้
หน้าที่ของผู้นำคือ นำคนทั้งหมดสร้างความมุ่งมั่นร่วมกัน นั่นคือ สาระ ของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่
สาระ คือ กระบวนการร่วมกัน ไม่ใช่เอารายละเอียดเนื้อหามาเป็นตัวนำ แล้วขัดแย้งกันจนเคลื่อนต่อไม่ได้ ผู้รู้จึงบอกไว้นานแล้วว่า กระบวนการทำเรื่องใหญ่ให้สำเร็จ ต้องเรียงลำดับการทำเป็นตัวย่อว่า PPPO อย่าเอา O ขึ้นหน้าจะไม่สำเร็จ ที่หลายฝ่ายทะเลาะกันอยู่เวลานี้ เพราะไปเอาO ขึ้นหน้า
P = Purpose ความมุ่งมั่นร่วมกัน
P = Principle หลักการ
P = Participation ร่วมกันทำ หรือเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในสถานการณ์จริง
O = Organization การปฏิรูปองค์กร
ถ้าเริ่มด้วย O หรือการปฏิรูปองค์กร จะทะเลาะกันยกใหญ่จนเคลื่อนต่อไปไม่ได้ แต่ผู้คนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงก็มักเริ่มด้วยการปฏิรูปองค์กร เพราะขาดการเรียนรู้เรื่องสัมฤทธิศาสตร์
แต่ถ้าสร้างความมุ่งมั่นร่วมกันได้ (P ตัวที่หนึ่ง) ไปจนถึงร่วมกันปฏิบัติ (P ตัวที่สาม) หรือการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในสถานการณ์จริง การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ (Interactive learning through action) เป็นกระบวนการที่ทรงพลังมากในการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (Transformation) ในทุกมิติ ที่ยิ่งทำยิ่งรักกันมากขึ้น ยิ่งเชื่อถือไว้วางใจกันมากขึ้น ยิ่งฉลาดมากขึ้นและฉลาดร่วมกัน ทำให้เกิดปัญญาร่วม (Collective Wisdom) ที่ทำให้เรื่องยากๆ สำเร็จ
ส่วน O ที่อยู่ท้ายสุดนั้นไม่ต้องเป็นห่วง จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเชื่อถือไว้วางใจกัน และเกิดปัญญาร่วม
ที่ผมกล่าวว่าคน 2 คน ไม่ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส ว่าคนหนึ่งคือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกองทัพ ส่วนคนที่ 2 นั้น ต้องเดากันเอาเองว่าเป็นใคร
ที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนไทย
คน 2 คน จะทำหรือไม่ทำ ประชาชนไทยก็ควรทำ
นั่นคือคนไทยต้องก้าวข้ามความแตกแยกทุกประเภท มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีความถูกต้องเป็นธรรมและงดงาม
โดยคนไทยทุกคนต้องมีศักดิ์ศรี และศักยภาพของความเป็นมนุษย์ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางนโยบายทุกระดับ และได้รับผลการพัฒนาอย่างเป็นธรรม
ถ้าคนไทยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน
ไม่มีอะไรที่ประเทศไทยจะทำให้สำเร็จไม่ได้