
‘โฆษกรัฐบาล’ เผยยังไม่มีการเสนอวาระ ‘คนละครึ่งพลัสเฟส 2-Quick Big Win ส่งเสริมการออม’ ให้ ‘ครม.’ พิจารณา คาดเสนอได้สัปดาห์หน้า
........................................
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ (9 ธ.ค.) ครม. ไม่มีวาระการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการ Quick Big Win การเพิ่มโอกาสการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน ทั้งนี้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และคาดว่าจะมีการเสนอมาตรการฯให้ ครม.พิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า
“ยังไม่ได้เข้า เนื่องจากรายละเอียดมาตรการการออมมีค่อนข้างมาก และได้ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ไปแล้วเมื่อวันนี้ (8 ธ..ค.) คาดจะนำเสนอเข้า ครม.สัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ที่คาดนำเสนอเข้า ครม.ในสัปดาห์หน้าเช่นกัน” นายสิริพงศ์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) ว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการออมทั้งระบบ การสร้างแรงจูงใจ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักลงทุนผ่านนวัตกรรมทางการออมและการลงทุน และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการออมระยะยาว กนศ.จึงมีมติเห็นชอบหลักการมาตรการ Quick Big Win เพื่อสนับสนุนการออมของประชาชน ประกอบด้วย
1.โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล หรือ Thailand Individual Saving Account (TISA) โดยให้ผู้ที่เริ่มต้นทำงานหรือมนุษย์เงินเดือนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) หรือกองทุนรวมใหม่ๆ ที่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง โดยไม่จำกัดวงเงินของแต่ละกอง สามารถนำมาคำนวณการลดหย่อนภาษีร่วมกันได้ตามวงเงินรวมที่รัฐบาลกำหนด
2.โครงการพันธบัตรรัฐบาล ‘ออมพลัส’ โดยรัฐบาลจะเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการออมที่มั่นคงผ่าน พันธบัตรรัฐบาล ‘ออมพลัส’ เพื่อสร้างความมั่นใจในการออมระยะยาวด้วยพันธบัตรรัฐบาลที่มีความมั่นคงสูง และออกขายอย่างต่อเนื่องเดือนละครั้ง โดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ‘ออมพลัส’ จะทำได้ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งออนไลน์ผ่านระบบ Bond Connect และออฟไลน์ผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์ ช่วยแก้ข้อจำกัดและความยุ่งยากในอดีตที่
นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาล ‘ออมพลัส’ ยังสามารถนำไปขายได้ในตลาดรองเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้สภาพคล่องด้วยราคาที่ผ่านกลไกตลาด ทำให้มีความโปร่งใสและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความสบายใจให้กับผู้ถือพันธบัตรสร้างความสบายใจด้วยการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันที่เหมาะสม
3.มาตรการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) เพื่อให้ประชาชนรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการประกันภัยขั้นพื้นฐานได้ ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ไม่สูงมากความคุ้มครองและเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ไม่ซับซ้อน ข้อยกเว้นที่น้อย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ส่งเสริมวินัยทางการเงิน การออม และใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือการบริหารความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สิน
4.ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญรูปแบบจ่ายเงินก้อนเมื่อเริ่มรับบำนาญ (Lump-Sum Annuity) ส่งเสริมการประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่สามารถรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อนเมื่อรับเงินบำนาญงวดแรกได้ เพื่อใช้ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยเกษียณหรือเพื่อความจำเป็นอื่น ช่วยให้การวางแผนเกษียณมีความยืดหยุ่นและมั่นใจมากขึ้น เพิ่มแรงจูงใจการออมระยะยาว ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบบำนาญภาครัฐเพียงแหล่งเดียว และรองรับสังคมผู้สูงอายุ
โดยกรมสรรพากรได้แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญสำหรับการหักลดหย่อนเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ จากเดิมกำหนดให้การจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญต้องจ่ายเท่ากันทุกงวดหรือจ่ายในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาเอาประกันภัย ปรับปรุงเป็นเงินบำนาญงวดแรกที่ได้รับอาจจ่ายเป็นเงินก้อน (Lump-Sum Annuity) ได้
อ่านประกอบ :
‘ครม.เศรษฐกิจ’เคาะ Quick Big Win ส่งเสริมการออม-เผย 3 ดัชนีความเชื่อมั่นฯฟื้น
ชง‘ครม.เศรษฐกิจ’เคาะนำค่าใช้จ่ายซื้อกองทุน‘RMF-ThaiESG-SSF’ลดหย่อนภาษีฯไม่เกิน 8 แสน/ปี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา