
ครม.ปรับเกณฑ์ใช้บัตรคนจน 2.5 หากใช้ขึ้นรถไฟฟ้าเกินกรอบ 500 บาทต่อเดือน ส่วนที่เกินมาจะนำไปหักในเดือนถัดไป ส่วนคนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติเมื่อปี 65 ให้เอางบจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมจ่ายให้ รฟม.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรสวัสดิการฯ) ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ ตามมาตรฐานกลางระบบตั๋วร่วม (แมงมุม) 2.5* (บัตรสวัสดิการฯ Version 2.5) ที่ใช้เกินวงเงิน ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการฐานรากและสังคม (คณะกรรมการฯ) เสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกการชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป (ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561
2. ให้กระทรวงการคลัง (กค.) (กรมบัญชีกลาง) ดำเนินการ ดังนี้
2.1 ผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการลงทะเบียนฯ) ปี 2565 ที่ใช้สิทธิเกินวงเงิน จำนวน 246 ราย จำนวนเงิน 12,496 บาท ให้กรมบัญชีกลางนำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินข้างต้นเบิกจ่ายจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (กองทุนฯ) ชำระให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แทนผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว
2.2 ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนฯ 2565 ที่ใช้สิทธิ เกินวงเงินและยืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 356 ราย จำนวนเงิน 15,793 บาท ให้นำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป
ความเป็นมาของเรื่อง ครม.เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 เรื่อง ประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการฯ ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือจากเดิม วงเงินค่าโดยสารรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบบ e-Ticket/รถไฟฟ้าจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นวงเงินค่าโดยสารรถ ขสมก. ระบบ e-Ticket /รถไฟฟ้า จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน และอนุญาตให้จ่ายเงินชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป
ซึ่งภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 นายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนั้น) ได้มีข้อสั่งการให้ยกเลิกการอนุญาตให้จ่ายเงินชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน เมื่อโครงการลงทะเบียนฯ 2565 ได้เริ่มดำเนินการหรือเริ่มให้สิทธิสวัสดิการเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 และสำหรับภาระงบประมาณที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สิทธิเกินวงเงินในเดือนสุดท้าย ให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินการต่อไป
2. คณะกรรมการฯ ในคราวการประชุม ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแนวทางการใช้บัตรสวัสดิการฯ ตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2560 และปี 2561 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ Version 2.5 กับ รฟม. (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง) โดยให้ยกเลิกการชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน และให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ประสานกรมบัญชีกลางและนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
3. เรื่องนี้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (คณะกรรมการฯ) เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกการชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน (เดิมคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561) สำหรับค่าโดยสารที่ใช้สิทธิเกินวงเงิน ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ดำเนินการ ดังนี้
(1) กรณีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรสวัสดิการฯ) ตามมาตรฐานกลางระบบตั๋วร่วม (แมงมุม) 2.5 (บัตรสวัสดิการฯ Version 2.5) ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการลงทะเบียนฯ) ปี 2565 ให้นำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินสิทธิในเดือนที่ผ่านมา ไปหักกลบจากวงเงินค่าเดินทางของสิทธิสวัสดิการตามโครงการลงทะเบียนฯ ใหม่
และ (2) กรณีผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ Version 2.5 ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ให้กรมบัญชีกลางนำจำนวนเงินค่าโดยสารที่ใช้เกินสิทธิในเดือนที่ผ่านมาเบิกจ่ายเงินจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเพื่อชำระให้แก่ รฟม. แทนผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ Version 2.5 ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการฯ ในคราวการประชุม ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในขณะนั้น เป็นประธาน มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม (คค.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไม่ขัดข้อง/เห็นชอบ โดยมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น สศช. เห็นควรมอบหมายให้ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมกันพัฒนาบัตรประจำตัวประชาชนให้สามารถรองรับการบริการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะแบบทันที
สำหรับบัตรสวัสดิการฯ Version 2.5 เป็นบัตรสวัสดิการฯ ประเภทเดียวที่สามารถแตะประตูอัตโนมัติ และสามารถจ่ายเงินชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไปได้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา