
กสม.เผยผลติดตามการแก้ปัญหาสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน หลังรายงานผลตั้งแต่ เม.ย.66 ล่าสุด 22 มี.ค.มีการลงพื้นที่กาญจนบุรี พบหน่วยงานภาครัฐบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาแล้ว มีมติให้หน่วยงานรัฐยุติการดำเนินงานหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับเหตุควบคุมตัวเยาวชน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 27 มี.ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ นายภาณุวัฒน์ ทองสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 12/2568
นายวสันต์ กสม. ได้แจ้งความคืบหน้าการทำหน้าที่ของ กสม.ในติดตามการแก้ไขปัญหาสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของ กสม. ชุดที่ 4 โดยกล่าวว่าตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามรายงานผลการตรวจสอบ ที่ 42/2566 ลงวันที่ 18 เมษายน 2566 เรื่อง สิทธิเด็กอันเกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขปัญหาสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี หลังได้รับเรื่องร้องเรียนในขณะนั้นว่ามีสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนมากกว่า 18 แห่งในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีที่เปิดดำเนินการโดยไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย และยังปรากฏสถานการณ์การกระทำทารุณกรรมเด็กหลายกรณี
ภายหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริง กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ได้มีข้อเสนอแนะเชิงระบบในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการดูแลเด็กที่เติบโตในสถานสงเคราะห์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้จดแจ้งสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนที่ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย พร้อมทั้งสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลจำนวนเด็กและจำนวนสถานรองรับเด็กทั่วประเทศ จัดให้มีกลไกคัดกรองเด็กที่มีประสิทธิภาพ กำกับดูแลมาตรฐานสถานสงเคราะห์ พัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิเด็กและการดูแลเด็กแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และส่งเสริมบริการเลี้ยงดูทดแทนในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ครอบครัวอุปถัมภ์ ครอบครัวเครือญาติอุปถัมภ์ ตลอดจนให้มีการทบทวนกฎหมาย ระเบียบ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการสถานสงเคราะห์ เพื่อให้เด็กทุกคนในสถานสงเคราะห์ได้รับการเลี้ยงดูที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมแบบครอบครัวมากที่สุด ตลอดจนประกันว่าเด็กต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากความรุนแรง การถูกละเมิดสิทธิ การถูกทอดทิ้ง และการแสวงประโยชน์ทุกรูปแบบ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
หลังจากมีข้อเสนอแนะข้างต้น กสม. ได้ติดตามผลดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. และดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กระทรวง พม.) กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ประเทศไทย หน่วยงานฝ่ายปกครองในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีและผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้ทราบว่า
ภาคส่วนต่าง ๆ ได้ร่วมกันดำเนินงานผ่านกลไกคณะทำงานคุ้มครองเด็กอำเภอสังขละบุรี ซึ่งมีการจัดทำโครงการ “แก้ไขปัญหาสถานรองรับเอกชนในอำเภอสังขละบุรี” โดยส่งเสริมให้เด็กที่เสี่ยงไม่ได้อยู่กับครอบครัวได้รับการดูแลที่เหมาะสมและขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ จัดให้มีกลไกคัดกรองเด็กก่อนส่งเข้าสู่สถานสงเคราะห์ด้วยขั้นตอนและกระบวนการทางสังคมสงเคราะห์โดยสหวิชาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของ กสม.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา กสม. โดยนางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจาก ดย. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดกาญจนบุรี ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรีและอำเภอทองผาภูมิ คณะทำงานคุ้มครองเด็กอำเภอสังขละบุรี UNICEF และมูลนิธิวันสกาย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันและติดตามการแก้ไขปัญหาสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนที่ไม่จดทะเบียนตามกฎหมาย และหารือถึงแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และองค์การระหว่างประเทศ
รวมถึงการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการดูแลเด็กที่เติบโตในสถานสงเคราะห์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยใช้ตัวอย่างการทำงานในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีเป็นต้นแบบ รวมทั้งการคุ้มครองดูแลเด็กในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีในภาพรวม ซึ่งครอบคลุมทั้งเด็กที่อาศัยอยู่ในสถานรองรับเด็กเอกชนประเภทต่าง ๆ เด็กที่อาศัยอยู่ในค่ายพักพิง เด็กลูกหลานแรงงานข้ามชาติ เด็กที่เดินทางไปกลับระหว่างชายแดนไทย-เมียนมา เด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน และเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ
“จากการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ กสม. พบว่า หน่วยงานภาครัฐ ทั้งในส่วนกลาง และในพื้นที่ ตลอดจนองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์การระหว่างประเทศ ได้บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อคุ้มครองสิทธิเด็กในสถานสงเคราะห์ ซึ่ง กสม. จะรวบรวมข้อมูล ข้อคิดเห็น ข้อท้าทาย ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่พบเพื่อประสานการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการเลี้ยงดูทดแทน (Alternative Care) ทุกรูปแบบของประเทศไทยให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้นและสอดคล้องตามหลักสิทธิเด็ก” นายวสันต์ กล่าว
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 ยังได้มีมติเห็นชอบให้ยุติการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรการหรือข้อเสนอแนะของ กสม. ชุดที่ 4 (ชุดปัจจุบัน) จำนวน 7 เรื่อง เนื่องจากหน่วยงานได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. ทั้งหมดหรือบางส่วนอันเป็นสาระสำคัญแล้ว ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ กสม. ว่าด้วยการติดตามผลการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตัวอย่างเรื่องที่ กสม. มีมติ ให้ยุติการติดตามการดำเนินงานของหน่วยงาน ได้แก่ รายงานผลการตรวจสอบเรื่องสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิเด็ก
กรณีร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. ควบคุมตัวเด็กและเยาวชนทั้งสามราย ณ ร้านแมคโดนัลด์ สาขาราชดำเนิน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2565 โดยใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสม พบว่า กระทรวง พม. โดย ดย. ได้กำหนดแนวปฏิบัติหรือคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรณีที่ต้องปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก รวมทั้งอยู่ระหว่างจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และ
ได้ออกประกาศ เรื่อง นโยบายคุ้มครองเด็ก เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงหน้าที่ในการปกป้องและคุ้มครองเด็กจากการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบแล้ว ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้เสียหายโดยไม่ชอบนั้น ผู้เสียหายได้ฟ้องกรณีดังกล่าวต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งต่อมาศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง
รายงานผลการตรวจสอบเรื่องเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย กรณีอาสาสมัครทางการแพทย์ร้องเรียนว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน จับกุมและทำร้ายร่างกายในช่วงการผลักดันผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมสาธารณะ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และกรณีร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการอันอาจกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเกินสมควร ซึ่งภาพรวมแล้วรับฟังว่า ตร. ได้ดำเนินการตามมาตรการและข้อเสนอแนะของ กสม. ต่อเนื่องมาโดยตลอด และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 เป็นหลัก โดย ตร. มีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี 2564 ต่อเนื่องมาทุกปี
โดยกรณีเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 และวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม และสถานีตำรวจนครบาลดินแดงได้ดำเนินคดีเสร็จสิ้นทุกคดีแล้ว
และรายงานผลการตรวจสอบเรื่องสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวอันเกี่ยวเนื่องกับข้อมูลส่วนบุคคล กรณีมีผู้ร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากการที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่คัดแยกประวัติอาชญากรรมออกจากฐานข้อมูลประวัติอาชญากร ภายหลัง ตร. ได้ประกาศใช้ระเบียบ ตร. ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ. 2566 แล้ว เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 โดยมีสาระสำคัญปรับปรุงเนื้อหาเรื่องการคัดแยกและถอนประวัติบุคคลออกจากทะเบียนประวัติแล้ว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา