"...การก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เทศบาลตําบลปาเสมัสใช้ในการบริการ การอบรมเลี้ยงดูแก่เด็กปฐมวัยภายในท้องถิ่นให้ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมเต็มศักยภาพตามวัย และสามารถดําเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวนอกจากมีผลกระทบต่อระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแล้ว ยังทําให้เทศบาลตําบลปาเสมัสต้องดําเนินการแก้ไขหรือดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้องตามระเบียบ ส่งผลให้การจัดซื้อจัดจ้างล่าช้าและทําให้เทศบาลหรือราชการรวมตลอดถึงเด็กและประชาชนไม่ได้ใช้ประโยชน์จากอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว การกระทําของจําเลยจึงทําให้เทศบาลตําบลปาเสมัส ราชการและประชาชนได้รับความเสียหาย..."
"จำเลยมาศาล ศาลฯ อ่านคำพิพากษาไม่อนุญาตให้ฎีกา เท่ากับว่า คดีถึงที่สุดแล้ว ให้ลงโทษจำคุก นายสกุลศักดิ์ เป็นเวลา 3 ปี"
คือ บทสรุปคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ตัดสินในคดีกล่าวหา นายสกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพี่ชายของ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ (บีลา) ส.ส.นราธิวาส เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตในการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ม.2 บ้านตือรอ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส วงเงิน 1,518,000 บาท เจตนาเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลปาเสมัส โดยมิได้ดำเนินการสรรหาผู้รับจ้าง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก นายสกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ เป็นเวลา 3 ปี หลังพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนรับฟังได้ว่า จำเลย ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลปาเสมัส มีอำนาจกำหนดนโยบายไม่ขัดต่อกฎหมาย และรับผิดชอบการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ การที่จำเลยสั่งการ อนุญาต และยินยอมให้ผู้รับเหมาเข้าไปดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนมีการสั่งจ้าง จึงเป็นการจงใจละเว้นไม่ปฏิบัติตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทย และเป็นเหตุให้เทศบาลตำบลปาเสมัส ราชการ และประชาชนได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นคำพิพากษาคดีนี้ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 จังหวัดสงขลา ที่ตัดสินลงโทษจำคุกนายสกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ เป็นเวลา 3 ปี ฉบับเต็ม
ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษายืน จากนั้นศาลฎีกาจะไม่อนุญาตให้ฎีกา นายสกุลศักดิ์ โดนลงโทษจำคุก เป็นเวลา 3 ปี มานำเสนอ ณ ที่นี่ เป็นทางการ
มีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้
คำฟ้องอัยการในฐานะโจทก์
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จําเลยดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีตําบลปาเสมัส อําเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าพนักงานตามกฎหมายมีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดนโยบายไม่ขัดต่อกฎหมาย และรับผิดชอบการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติ และบังคับบัญชาพนักงานเทศบาลและลูกจ้างตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และมีอํานาจในการสั่งซื้อสั่งจ้างตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. 2554
เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2557 เทศบาลตําบลปาเสมัสได้รับสนับสนุนงบประมาณ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจําปีงบประมาณ 2558 รายการเงินอุดหนุนสําหรับชดเชยรายได้ที่ลดลงจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หมู่ที่ 2 บ้านตือระ จํานวน 3,809,000 บาท และวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 สภาเทศบาลตําบลปาเสมัส อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมประจําปีงบประมาณ 2558 เพื่อดําเนินโครงการซ่อมแซมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หมู่ที่ 2 บ้านตือระ พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ จํานวน 1,518,000 บาท
เมื่อระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 11 มกราคม 2559 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน จําเลยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 20, 22, 27, 3o, 51, 125 และข้อ 126 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. 2554
โดยจําเลยให้ผู้รับจ้างเข้าไปดําเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังใหม่) ปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก(หลังเก่า)
ทั้งที่เจ้าหน้าที่พัสดุและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ดําเนินการเสนอขอความเห็นชอบจากผู้สั่งจ้าง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ กําหนดประมาณราคากลาง และแต่งตั้งผู้ควบคุมงาน
จําเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการโดยเจตนาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนเข้าเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตําบลปาเสมัส โดยมิได้มีการดําเนินการสรรหาผู้รับจ้าง เป็นการกระทําโดยทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบกฎหมายสําหรับตนเองหรือผู้อื่น และเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนราชการ เทศบาลตําบลปาเสมัส อําเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสและประชาชน
ต่อมาวันที่ 13 สิงหาคม 2558 จังหวัดนราธิวาสมีคําสั่งให้จําเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ดําเนินการก่อสร้างโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ และในวันที่ 11 มกราคม 2559 จําเลยดําเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเสร็จสิ้น
เหตุเกิดที่ตําบลปาเสมัส อําเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
ข้อต่อสู้ของจำเลย
จําเลยให้การว่า จําเลยร้องขอและอนุญาตให้นายสมชาย ปริธัญ ในฐานะคนรู้จักและสนิทสนมเป็นการส่วนตัว เข้าไปปรับที่ดินของเทศบาลตําบลปาเสมัสในส่วนที่จะดําเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อให้เหมาะสมแก่การส่งมอบพื้นที่แก่ผู้รับเหมาก่อสร้าง
การดําเนินการปรับพื้นที่ของนายสมชายเป็นการทําให้เปล่าไม่มีค่าใช้จ่าย
จําเลยไม่ได้ทุจริตแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณของทางราชการ และการกระทําของจําเลยเป็นประโยชน์แก่เทศบาลตําบลปาเสมัส เพราะเมื่อมีการจัดซื้อจัดจ้างเทศบาลไม่ต้องนําเนื้องานในส่วนของการปรับพื้นที่มารวมด้วย เป็นการประหยัดงบประมาณของทางราชการ
จําเลยไม่ได้ใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่นายกเทศมนตรีสั่งการ อนุญาต ใช้ จ้างวานนายสมชายให้ทําการเทฐานราก เทคาน คอนกรีต ก่ออิฐผนังด้านล่าง ติดตั้งวงกบ ประตู หน้าต่างหรือเข้าไปดําเนินการปรับปรุงอาคารโดยการปูพื้นกระเบื้องแกรนิตบางส่วน ทาสีภายในและภายนอกอาคาร ปรับภูมิทัศน์ ขุดบ่อบาดาล ทาสีรั้ว
เมื่อจําเลยทราบว่ามีการร้องเรียน จําเลยสั่งให้นายสมชายหยุดดําเนินการก่อสร้างทันทีและเมื่อจังหวัดนราธิวาสมีคําสั่งให้จําเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกลับคืนสู่สภาพเดิม จําเลยมีคําสั่งให้นายสมชายรื้อถอน และปรับพื้นที่ให้สู่สภาพเดิมเรียบร้อยแล้ว นายสมชายไม่ได้เป็นคู่สัญญากับเทศบาลตําบลปาเสมัส เทศบาลไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง
เทศบาลจึงไม่ได้รับความเสียหาย
พยานบุคคลในชั้นไต่สวนและรวบรวบพยานหลักฐานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีสาเหตุโกรธเคืองกับจําเลย
จําเลยไม่ได้ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง
สําหรับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน ชผ 3535 กรุงเทพมหานคร เคยเป็นรถยนต์ของภรรยาจําเลย แต่จําเลยให้รถยนต์คันดังกล่าวแก่ลูกน้องคนสนิทไปใช้รับจ้างทั่วไปตั้งแต่ปี 2553 จําเลยไม่ได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวรับส่งคนงานหรือบรรทุกวัสดุก่อสร้าง
จําเลยถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายและเป็นเรื่องทางการเมืองภายในพื้นที่ จําเลยไม่ได้กระทําความผิดตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
คำวินิจฉัยตัดสินคดีนี้ของศาลฯ
ศาลฯ ระบุว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จําเลยกระทําความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุจําเลยดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีตําบลปาเสมัส อําเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จําเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอํานาจหน้าที่กําหนดนโยบายและรับผิดชอบการบริหารราชการของเทศบาลตําบลปาเสมัสให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และคําสั่งของทางราชการ รวมทั้งมีอํานาจอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. 2554
เมื่อเทศบาลตําบลปาเสมัสได้รับการสนับสนุนงบประมาณโครงการส่งเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ประจําปีงบประมาณ 2558 รายการเงินอุดหนุนสําหรับชดเชยรายได้ที่ลดลงจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังใหม่) และกรณีสภาเทศบาลตําบลปาเสมัส อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมประจําปีงบประมาณ 2558 เพื่อดําเนินโครงการปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังเก่า)
เทศบาลตําบลปาเสมัสต้องดําเนินการ
1. แต่งตั้งคณะกรรมการกําหนดราคากลางเพื่อเสนอผู้มีอํานาจสั่งจ้างพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในระยะเวลาที่กําหนด ตามแนวทางและวิธีปฏิบัติการถอดแบบราคากลางงานก่อสร้าง
2. เจ้าหน้าที่พัสดุต้องทํารายงานขอจ้างเพื่อเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ คณะกรรมการตรวจการจ้างและผู้ควบคุมงาน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมข้อ 20 ข้อ 27 และข้อ 30
3. เทศบาลต้องดําเนินการจัดทําหนังสือเชิญชวนผู้มีอาชีพมายื่นเสนอราคาต่อคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุข้อ 51
4. นายกเทศมนตรีพิจารณาอนุมัติให้ดําเนินการสั่งจ้างและทําสัญญาจ้างกับผู้รับจ้างตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุข้อ 57
ตามทางไต่สวนได้ความตามที่พยาน ซึ่งเป็นปลัดเทศบาลตําบลปาเสมัส นักบริหารช่าง 7 ทําหน้าที่หัวหน้าฝ่ายการโยธา และ เจ้าพนักงานพัสดุชํานาญงานสํานักงานเทศบาลตําบลปาเสมัส เบิกความตอบศาลในทํานองเดียวกันว่ามีการดําเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังใหม่) ไปประมาณร้อยละ 30 และมีการดําเนินการปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนา เด็กเล็ก (หลังเก่า) ไปประมาณร้อยละ 80 ตามที่ปรากฏในบันทึกการตรวจสอบ โดยที่เทศบาลตําบลปาเสมัสยังมิได้ดําเนินการจัดหาผู้รับจ้างตามระเบียบและขั้นตอนดังกล่าว
ซึ่งในข้อนี้จําเลยให้การว่า จําเลยร้องขอนายสมชาย ปริธัญ ในฐานะคนรู้จักและสนิทสนมเป็นการส่วนตัวให้นายสมชายเข้าไปปรับพื้นที่ในส่วนที่จะดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยนายสมชายทําให้เปล่าไม่มีค่าใช้จ่าย จําเลยไม่ได้ใช้อํานาจในตําแหน่งนายกเทศมนตรีสั่งการอนุญาต ใช้หรือจ้างให้นายสมชายทําการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า หลังจากมีหนังสือร้องเรียนการดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 แล้ว ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 จําเลยมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนต่อนายอําเภอสุไหงโก-ลก ว่าการที่จําเลยเข้าไปก่อสร้างอาคารทั้งสองก่อนที่จะดําเนินการตามขั้นตอนของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 เนื่องจากจําเลยได้รับหนังสือจากอิหม่ามประจํามัสยิดอัตตักวาและอิหม่ามประจํามัสยิดอัลญามีอียะห์ ขอคืนสถานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเนื่องจากสถานที่คับแคบทําให้ผู้ประกอบพิธีทางศาสนาไม่ได้รับความสะดวกและขอให้เทศบาลจัดหาสถานที่ใหม่
ซึ่งเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงหลังจากมีหนังสือร้องเรียนเพียง 10 วัน จําเลยยังไม่น่าจะทันมีโอกาสไตร่ตรองเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงไปเป็นอย่างอื่น
ทั้งต่อมาในวันที่ 8 มิถุนายน 2558 จําเลยให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคําสั่งจังหวัดนราธิวาสตามบันทึกเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่าจําเลยให้ผู้รับจ้างชื่อนายสมชายเข้าทําความสะอาดและดําเนินการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างและให้แบบแปลนก่อสร้างและปรับปรุงศูนย์
จึงเห็นได้ว่าจําเลยไม่ได้ให้นายสมชายเข้าไปปรับพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังได้มอบแบบแปลนก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้แก่ นายสมชายด้วย
ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ก็ตรงกับที่นายสมชาย ให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามบันทึกปากคําผู้ให้ถ้อยคํา เอกสารหมาย จ.14 และเบิกความตอบศาลและตอบโจทก์ขออนุญาตศาลถามว่านายสมชายเข้าไปสถานที่บริเวณที่จะดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยชี้จุดกําหนดอาคารพร้อมจําเลยและนายสมชายดําเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตามแบบแปลนที่ได้รับมาโดยไม่มีวิศวกรควบคุมงานในการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (อาคารหลังใหม่) และการปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังเก่า) ที่ปรากฏในบันทึกการตรวจสอบ ใช้เวลาดําเนินการประมาณ 2 เดือน ตามที่นายสมชายเบิกความตอบศาล และในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจําเลยเบิกความตอบศาลถามว่า จําเลยเข้าไปทํางานที่สํานักงานเทศบาลตําบลปาเสมัสทุกวัน
แม้จําเลยอ้างว่าไม่รู้เห็นและไม่ได้สั่งการ อนุญาตหรือยินยอมให้นายสมชายดําเนินการก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แต่ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 บ้านตือระ ตําบลปาเสมัส อําเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีบ้านอยู่ห่างจากบริเวณที่มีการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ประมาณ 500 เมตร ให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคําสั่งจังหวัดนราธิวาส และคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมทั้งเบิกความตอบศาลและตอบโจทก์ขออนุญาตศาลถามว่า ผู้ใหญ่บ้านเห็นจําเลยยืนดูแลการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเห็นนายสิริพงศ์ สะมะแอ ซึ่งเป็นลูกน้องของจําเลยและขับรถยนต์กระบะของจําเลยยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน ชผ 3535 บรรทุกวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและรับส่งคนงานก่อสร้างจอดด้านหน้าอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (หลังใหม่)
ซึ่งก็มีเหตุผลที่ทําให้ผู้ใหญ่บ้าน จดจํารถยนต์คันดังกล่าวได้เพราะเป็นรถยนต์คันเดียวกับที่จําเลยใช้ขับและถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บและเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งอําเภอสุไหงโก-ลก
@ ภาพรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน สีฟ้า หมายเลขทะเบียน ชผ 3535 กทม. ของ สกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ ที่ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บ อ้างอิงจากhttps://wbns.oas.psu.ac.th/)
โดยอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ช. เบิกความตอบศาลว่า ได้สอบปากคําผู้ใหญ่บ้านเหมือนพยานทั่วไปโดยผู้ใหญ่บ้าน ได้ให้ถ้อยคําไว้เช่นนั้น ซึ่งรายละเอียดที่ผู้ใหญ่บ้านให้ถ้อยคําทนายจําเลยก็ ไม่ได้ขออนุญาตศาลถามผู้ใหญ่บ้านให้เห็นข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น
ผู้ใหญ่บ้านให้ถ้อยคําว่าไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจําเลยมาก่อนเช่นเดียวกับที่เบิกความตอบศาล จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าผู้ใหญ่บ้านจะให้ถ้อยคําหรือเบิกความใส่ร้ายปรักปรําจําเลย เชื่อว่าผู้ใหญ่บ้านให้ถ้อยคําและเบิกความไปตามข้อเท็จจริงที่ได้รู้เห็น
ส่วนที่ผู้ใหญ่บ้านเบิกความตอบทนายจําเลยขออนุญาตศาลถามว่า ขณะผู้ใหญ่บ้านให้ถ้อยคํา สาเหตุโกรธเคืองกับจําเลยก็เพียงเป็นเรื่องที่จําเลยส่งผู้สมัครเข้าแข่งขันผู้ใหญ่บ้านไม่ถึงขนาดที่จะทําให้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ผู้ใหญ่บ้านรายนี้ ให้ถ้อยคําและเบิกความในชั้นพิจารณายืนยันว่าเป็นความจริงกลับกลายเป็นไม่เป็นความจริง
พยานหลักฐานโจทก์รับฟังประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้วมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จําเลยให้แบบแปลนการก่อสร้างแก่นายสมชายและอนุญาตให้นายสมชายเข้าดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนมีการสั่งจ้างตามระเบียบ
ที่จําเลยอ้างว่าได้ให้นายสมชายเข้าไปปรับไถที่ดินบริเวณที่จะดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแต่เพียงอย่างเดียวก็แตกต่างจากที่จําเลยชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตาม และอีกประการหนึ่งหากจําเลยไม่ได้อนุญาตหรือยินยอมให้นายสมชายเข้าไปดําเนินการก่อสร้างดังกล่าวก็ต้องถือว่านายสมชายบุกรุกสถานที่ราชการ
แต่จําเลยเบิกความตอบโจทก์ขออนุญาตศาลถามว่า จําเลยไม่ได้แจ้งความดําเนินคดีกับนายสมชาย ข้อกล่าวอ้างของจําเลยจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
ในส่วนของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ชผ 3535 กรุงเทพมหานคร จําเลยเบิกความตอบ ทนายจําเลยขออนุญาตศาลถามว่า จําเลยให้รถยนต์คันดังกล่าวแก่นายอายิ จํานามสกุลไม่ได้ไปใช้
แต่เหตุใดนายสิริพงศ์ สะมะแอ ซึ่งเป็นบุคคลที่ผู้ใหญ่บ้าน ระบุว่าเป็นลูกน้องของจําเลยและขับรถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างรวมถึงการรับส่งคนงานเข้ามาในพื้นที่ที่ดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
จําเลยกลับไม่ได้เบิกความถึงนับว่าเป็นข้อพิรุธ
ที่จําเลยอ้างว่าได้ให้รถยนต์คันดังกล่าวแก่นายอายิไปใช้จึงมีน้ำหนักน้อย และที่จําเลยอ้างว่า พยาน 2 ปาก ที่ ให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผลร้ายแก่จําเลยเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกับจําเลยมาก่อน
โดยพยานรายแรก ทําผิดระเบียบและก่อความวุ่นวายในการทํางาน แต่จําเลยเบิกความโจทก์ขออนุญาตศาลถามว่า จําเลยไม่ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัย อีกทั้งขณะจําเลยให้ถ้อยคําแก่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความประพฤติของพยานจําเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นพิจารณา จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจําเลยใช้อํานาจในตําแหน่งนายกเทศมนตรี สั่งการ อนุญาตและยินยอมให้นายสมชายเข้าไปดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนมีการสั่งจ้างตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การที่จําเลยสั่งการ อนุญาตและยินยอมให้นายสมชายเข้าไปดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ก่อนมีการสั่งจ้างตามระเบียบ และต่อมามีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยตามคําสั่งจังหวัดนราธิวาส ทําให้เทศบาลตําบลปาเสมัส ราชการและประชาชนได้รับความเสียหายหรือไม่
เห็นว่า การก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เทศบาลตําบลปาเสมัสใช้ในการบริการ การอบรมเลี้ยงดูแก่เด็กปฐมวัยภายในท้องถิ่นให้ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมเต็มศักยภาพตามวัย และสามารถดําเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ
การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวนอกจากมีผลกระทบต่อระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแล้ว ยังทําให้เทศบาลตําบลปาเสมัสต้องดําเนินการแก้ไขหรือดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้องตามระเบียบ ส่งผลให้การจัดซื้อจัดจ้างล่าช้าและทําให้เทศบาลหรือราชการรวมตลอดถึงเด็กและประชาชนไม่ได้ใช้ประโยชน์จากอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
การกระทําของจําเลยจึงทําให้เทศบาลตําบลปาเสมัส ราชการและประชาชนได้รับความเสียหาย
จําเลยดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีตําบลปาเสมัส มีอํานาจหน้าที่กําหนดนโยบายไม่ขัดต่อกฎหมาย และรับผิดชอบการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
การที่จําเลยสั่งการ อนุญาตและยินยอมให้สมชายเข้าไปดําเนินการก่อสร้างและปรับปรุงอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนมีการสั่งจ้าง จึงเป็นการจงใจละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นเหตุให้เทศบาลตําบลปาเสมัส ราชการและ
ประชาชนได้รับความเสียหาย
การกระทําของจําเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ตามฟ้อง
พิพากษาว่า จําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 การกระทําของจําเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จําคุก 3 ปี
ทั้งหมดนี้ เป็นรายละเอียดพฤติการณ์การกระทำความผิด ข้อต่อสู้ของจำเลย คำวินิจฉัยตัดสินของศาลฯ คดีนี้
ซึ่งนับเป็นบทเรียนสำคัญอีกกรณีหนึ่ง ของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อไม่ให้ใครเดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไป