
“…ในวันเลือกระดับจังหวัดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 พวกตนได้ศูนย์คะแนนและมิได้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง เพราะเห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดคนอื่นมีคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมมากกว่า และทราบว่าสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้ 2 คน โดยจะลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือไม่ก็ได้…”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำวินิจฉัย กกต.ที่ 132/2568 เรื่อง การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น ลงนามโดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ยกคำร้องผู้สมัครรับเลือก สว.จังหวัดขอนแก่น (ผู้ถูกร้อง) จำนวน 22 ราย หลังจากมีผู้ร้องว่า กระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยมีเนื้อหารายละเอียดของคำวินิจฉัย ดังต่อไปนี้
@ กล่าวหา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ จูงใจผู้สมัครลงคะแนน
ข้อกล่าวหาที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1)
ข้อกล่าวหาที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 เรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 81
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณารายงานการไต่สวน ตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ข้อกล่าวหาที่ 1 และข้อกล่าวหาที่ 2 มีข้อเท็จริงเกี่ยวเนื่องกัน ผู้ร้องยื่นคำร้องและให้ถ้อยคำว่า ก่อนวันเลือกระดับอำเภอเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้นัดพบกันที่ร้านอาหารบ้านโนนเรือง ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ต่อมาในวันเลือกระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 ปรากฏว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ได้คะแนน 0 คะแนน โดยไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเอง
ตนจึงสันนิษฐานว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัด ทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด และเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง เพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81 แต่ตนไม่มีพยานหลักฐานและไม่ประสงค์จะให้ถ้อยคำใดเพิ่มเติมอีก
@ ไม่ให้คะแนนตัวเอง เพราะมีผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมกว่า
จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า มิได้กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหาในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ ได้แนะนำตัวตามที่กฎหมายกำหนดและไม่มีการนัดประชุมเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกหรือผู้สมัครคนใด
ในวันเลือกระดับจังหวัดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 พวกตนได้ศูนย์คะแนนและมิได้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง เพราะเห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดคนอื่นมีคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมมากกว่า และทราบว่าสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้ 2 คน โดยจะลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือไม่ก็ได้
จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 7 ผู้ถูกร้องที่ 8 ผู้ถูกร้องที่ 9 ผู้ถูกร้องที่ 11 ผู้ถูกร้องที่ 12 ผู้ถูกร้องที่ 13 ผู้ถูกร้องที่ 14 ผู้ถูกร้องที่ 15 ผู้ถูกร้องที่ 19 ผู้ถูกร้องที่ 21 และผู้ถูกร้องที่ 22 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ ได้แนะนำตัวตามที่กฎหมายกำหนดและไม่มีการนัดประชุมเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกคนใด และมิได้จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด หรือเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องที่ 9 ให้ถ้อยคำอีกว่า ผู้ร้องเคยเล่าให้ตนฟังว่า ว่า ระหว่างวันที่ 14 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลากลางคืน มีผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดทุกกลุ่มไปประชุมกันที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
@ ไม่พบการทำธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัย
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในตำบลบ้านค้อ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ให้ถ้อยคำว่า ไม่พบเห็นหรือได้ยินข่าวว่าผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภานัดพบกัน เนื่องจากในหมู่บ้านโนนเรือง มีเพียงร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งไม่สามารถนัดพบปะหรือประชุมกันได้
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ถึงพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว และกรรมการประจำสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล ให้ถ้อยคำว่า ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ไม่มีผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภามาจัดประชุมที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล
จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ไม่พบข้อมูลที่น่าสงสัยหรือน่าเชื่อว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงที่ติดตั้งไว้บริเวณสถานที่เลือกไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 มีพฤติการณ์กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาแต่อย่างใด
เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า ผู้ร้องกล่าวหาว่า ก่อนวันเลือกระดับอำเภอเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาประชุมกันที่ร้านอาหารบ้านโนนเรือง ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
ต่อมาในวันเลือกระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2 ปรากฏว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ได้คะแนน 0 คะแนน โดยไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเอง ผู้ร้องจึงสันนิษฐานว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด และเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองเพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81
@ กล่าวอ้างลอยๆ-ไม่มีหลักฐานน่าเชื่อถือ
เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและการให้ถ้อยคำของผู้ร้องแล้วเห็นว่า เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนให้น่าเชื่อถือ ประกอบกับจากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในตำบลบ้านค้อ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ให้ถ้อยคำว่า ไม่พบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้นัดพบกัน เนื่องจากหมู่บ้านโนนเรืองมีเพียงร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านอาหารตามสั่ง ไม่สามารถนัดพบปะหรือประชุมกันได้
โดยมีพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ถึงพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว และกรรมการประจำสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 ให้ถ้อยคำสอดดคล้องกันว่า ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
ส่วนประเด็นที่ผู้ถูกร้องที่ 9 ให้ถ้อยคำว่า ผู้ร้องเคยเล่าให้ฟังว่า ระหว่างวันที่ 14 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลากลางคืน มีผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดทุกกลุ่มไปประชุมกันที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น แต่จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงแรมขอนแก่นโฮเต็ลให้ถ้อยคำว่า ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ไม่มีผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภามาจัดประชุมที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล
ประกอบกับจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ก็ไม่พบข้อมูลที่น่าสงสัย หรือน่าเชื่อถือว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
@ ไม่ลงคะแนนให้ตัวเองก็ได้-ยกคำร้อง
นอกจากนี้ ในประเด็นที่ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเองนั้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 41 (3) บัญญัติว่า ในการเลือกระดับจังหวัดให้ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอแต่ละกลุ่มลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกินสองคน โดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกินหนึ่งคะแนนมิได้
ดังนั้น ผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ย่อมมีสิทธิที่จะลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือบุคคลใดตามความประสงค์ของตนเท่าที่ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงที่ติดตั้งไว้บริเวณสถานที่เลือกก็ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 มีพฤติการณ์กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหา
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81 ตามคำร้อง
จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ทั้งนี้ผู้ถูกร้องที่กกต.ยกคำร้อง จำนวน 22 ราย มีดังนี้
1.ร้อยตำรวจโท จำนงค์ บุขุนทศ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 1 ผู้ถูกร้องที่ 1
2.นายเฉลิม กันทำ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 2 ผู้ถูกร้องที่ 2
3.ร้อยตำรวจเอก ชัชวาลย์ อุทุมภา ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 3 ผู้ถูกร้องที่ 3
4.นายชาตรี ปรีชากุล ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 4 ผู้ถูกร้องที่ 4
5.ร้อยตำรวจเอก ธนพล ไม้โอชา ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 5 ผู้ถูกร้องที่ 5
6.นายนวพล วิชัยคำมาตย์ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 6 ผู้ถูกร้องที่ 6
7.ร้อยตำรวจเอก เนติภูมิ ใหม่คามิ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 7 ผู้ถูกร้องที่ 7
8.ร้อยตำรวจเอก บุญมาไชย จำรัสแนว ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 8 ผู้ถูกร้องที่ 8
9.พันตำรวจเอก บุญฤทธิ์ ชวีวัฒน์ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 9 ผู้ถูกร้องที่ 9
10.ว่าที่ ร้อยตำรวจโท บุญสวน เสมอบุญ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 10 ผู้ถูกร้องที่ 10
11.นายประดับ อ่อนตาแสง ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 11 ผู้ถูกร้องที่ 11
12.ร้อยตำรวจเอก ประภาส น้อยเลาหกุล ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 12 ผู้ถูกร้องที่ 12
13.ร้อยตำรวจเอก ปรีชา เทวโรจน์ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 13 ผู้ถูกร้องที่ 13
14.นายปรีชา ราชสีห์ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 14 ผู้ถูกร้องที่ 14
15.ร้อยตำรวจโท พิทักษ์ พรหมรัตน์ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 15 ผู้ถูกร้องที่ 15
16.ร้อยตำรวจเอก พูลศิริ จันเวียง ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 16 ผู้ถูกร้องที่ 16
17.พันตำรวจโท ไมตรี โปร่งจิตร ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 17 ผู้ถูกร้องที่ 17
18.นายรชฎ ขุนเสนา ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 18 ผู้ถูกร้องที่ 18
19. ร้อยตำรวจโท สงวน คมขาว ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 20 ผู้ถูกร้องที่ 19
20.นายสวาสดิ์ นวลศรี ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 21 ผู้ถูกร้องที่ 20
21.พันตำรวจโท สันติราษฎร์ บุษดี ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 22 ผู้ถูกร้องที่ 21
22.พลตำรวจตรี อัครชัย ยลโสภณ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 หมายเลข 23 ผู้ถูกร้องที่ 22

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา