
"...พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 ทราบว่าโครงการซื้อวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวนั้น เป็นโครงการที่ไม่มีอยู่จริง เป็นโครงการทิพย์ เป็นพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่มีเหตุรอการลงโทษ ส่วนจำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 นั้น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 แถลงว่า จำเลยที่ 1 พูดจาข่มขู่ให้ย้ายหาที่ลงเอง ทั้งจำเลยที่ 1 พูดว่าจะไม่ได้รับการพิจารณาเงินเดือน..."
นายอำนวย สุวะมาศ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ที่รอดพันจากคดีสั่งซื้อพันธุ์ไม้ไผ่และพันธุ์กล้วย เพื่อใช้ในภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลไร่น้อย ทั้งที่ยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง หลังที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 มีมติเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา เนื่องจากการไต่สวนเบื้องต้น พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่ากระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

ล่าสุด ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ในคดีทุจริตเงินค่าจัดซื้อวัสดุสนับสนุน กลุ่มอาชีพ (สานสวิง) หมู่บ้าน คำพ่อปลา เมื่อปี 2557 ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มีอยู่จริง เป็นโครงการทิพย์ ศาลฯ ไม่ให้รอการลงโทษเนื่องจากเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง
ส่วนพวกอีก 6 ราย ได้รอลงอาญาทั้งหมด หลังให้การว่า สาเหตุที่ร่วมขบวนการนี้ เพรพาะถูกนายอำนวย สุวะมาศ พูดจาข่มขู่ทั้งเรื่องการโยกย้ายตำแหน่ง ไม่ได้รับการพิจารณาเงินเดือน บางรายระบุว่า ได้มีการคืนเงินให้ นายอำนวย ไปแล้ว หลังจากหักเงินไว้บางส่วน และไม่เคยถูกลงโทษจำคุกมาก่อน
ข้อเท็จจริงคดีนี้ ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลพบว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายอำนวย สุวะมาศ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี กับพวก ทุจริตเงินค่าจัดซื้อวัสดุสนับสนุน กลุ่มอาชีพ (สานสวิง) หมู่บ้าน คำพ่อปลา เมื่อปี 2557 ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157 และ 162 (1) (4) และ พ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา
โดยคดีนี้ ปรากฏชื่อ นายอำนวย สุวะมาศ เป็นจำเลยที่ 1 , นางประไพศรี วันทาสุข จำเลยที่ 2 , นางนิสิตา อัมภรัตน์ หรือนางสาววิชญาดา ศรีบุรี จำเลยที่ 3 , นางศินีนาถ โสดา จำเลยที่ 4 , นายประดิษฐ์ บุญเกตุ จำเลยที่ 5 , นายฑีฆะพงษ์ ตังควรรณวานิช จำเลยที่ 6 และห้างหุ้นส่วนจำกัด ฑีฆะทราเวล กรุ๊ป จำเลยที่ 7
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 7 ราย มีความผิดตามกฎหมาย ลงโทษดังนี้
1. นายอำนวย สุวะมาศ เป็นจำเลยที่ 1 ลงโทษจำคุก 5 ปี
2. นางประไพศรี วันทาสุข จำเลยที่ 2 , นางนิสิตา อัมภรัตน์ หรือนางสาววิชญาดา ศรีบุรี จำเลยที่ 3 , นางศินีนาถ โสดา จำเลยที่ 4 , นายประดิษฐ์ บุญเกตุ จำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 26,666.66 บาท
3. นายฑีฆะพงษ์ ตังควรรณวานิช จำเลยที่ 6 ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท และห้างหุ้นส่วนจำกัด ฑีฆะทราเวล กรุ๊ป จำเลยที่ 7 ลงโทษปรับ 20,000 บาท
4. จำเลยทั้ง 7 ราย ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
คงจำคุก นายอำนวย สุวะมาศ เป็นจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน
คงจำคุก นางประไพศรี วันทาสุข จำเลยที่ 2 , นางนิสิตา อัมภรัตน์ หรือนางสาววิชญาดา ศรีบุรี จำเลยที่ 3 , นางศินีนาถ โสดา จำเลยที่ 4 , นายประดิษฐ์ บุญเกตุ จำเลยที่ 5 คนละ 1 ปี 8 เดือน และปรับคนละ 13,333,33 บาท
คงจำคุก นายฑีฆะพงษ์ ตังควรรณวานิช จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 10,000 บาท และห้างหุ้นส่วนจำกัด ฑีฆะทราเวล กรุ๊ป จำเลยที่ 7 ลงโทษปรับ 10,000 บาท
5. พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 ทราบว่าโครงการซื้อวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวนั้น เป็นโครงการที่ไม่มีอยู่จริง เป็นโครงการทิพย์ เป็นพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่มีเหตุรอการลงโทษ
ส่วนจำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 นั้น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 แถลงว่า จำเลยที่ 1 พูดจาข่มขู่ให้ย้ายหาที่ลงเอง ทั้งจำเลยที่ 1 พูดว่าจะไม่ได้รับการพิจารณาเงินเดือน
ส่วนจำเลยที่ 5 แถลงว่า เหตุที่ลงชื่อเพราะใกล้สิ้นปีงบประมาณ
ส่วนจำเลยที่ 6 รับว่าได้คืนเงินให้จำเลยที่ 1 แล้ว โดยหักไว้เพียง 5,000 บาท
ตามคำแถลงท้ายรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 24 เมษายน 2568
ทั้งไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เห็นควรรอไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี คุมประพฤติจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 มีกำหนด 2 ปี กับให้จำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติคนละ 4 เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลาที่คุมประพฤติ และให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่เห็นสมควรเป็นเวลาคนละ 72 ชั่วโมง ตามมาตรา 56, 57
หากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29 , 30
ส่วนจำเลยที่ 7 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่า นายอำนวย สุวะมาศ ยื่นต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือไม่
แต่ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายการต่อสู้คดีนี้จะออกมาเป็นอย่างไร
กรณี นายอำนวย สุวะมาศ นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ให้เดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไป
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า นอกจาก 2 คดีนี้แล้ว ในช่วงปี 2551 นายอำนวย สุวะมาศ ยังเคยถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริต กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบสวนอีกหลายคดี อาทิ การจัดทำปฏิทินของ อบต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี แจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์หาเสียงให้กับนายอำนวย สุวะมาศ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นนายก อบต. โดยใช้เงินงบประมาณของทางราชการ 70,000 บาท ซึ่งผิดระเบียบการใช้จ่ายของกระทรวงมหาดไทย และกรณีการก่อสร้างร่องระบายน้ำในหมู่บ้านบาก หมู่ 6 ต.ไร่น้อย ซึ่งใช้งบประมาณก่อสร้างจำนวน 320,000 บาท โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเปลี่ยนแปลงแบบการก่อสร้างร่องระบายน้ำที่ได้ก่อสร้างไปแล้วโดยมิชอบ ทำให้ขัดกับระเบียบว่าด้วยการพัสดุของกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา