
"...ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดในคำสั่ง ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก จำนวน 66 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินในชื่อ นายยิม เลียก นางวิรินยา ยิมจ์ (ภรรยานายยิม เลียก) , นาย เบน สมิธ และนางสาวแคทรียา บีเวอร์ ภรรยา , น.ส. สุภารัตน์ สง่าเมือง และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในจำนวนนี้ มีหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ อยู่ในชื่อ บริษัทอัลฟ่าชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด ที่เข้าซื้อหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (BCP) วงเงินกว่า 5,885 ล้านบาท ..."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงข่าวเปิดยุทธการ “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ ยึดกว่า 10,000 ล้านบาท สะเทือนทั้งวงการ” มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมแถลงข่าว รวมกรณี นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก เชื่อมโยงข้อมูล นายยิม เลียกและ นายเบน สมิธ จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดในคำสั่ง ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก จำนวน 66 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินในชื่อ นายยิม เลียก นางวิรินยา ยิมจ์ (ภรรยานายยิม เลียก) , นาย เบน สมิธ และนางสาวแคทรียา บีเวอร์ ภรรยา , น.ส. สุภารัตน์ สง่าเมือง และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในจำนวนนี้ มีหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ อยู่ในชื่อ บริษัทอัลฟ่าชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด ที่เข้าซื้อหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (BCP) วงเงินกว่า 5,885 ล้านบาท
*************************

ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากกองคดี 5 ตามหนังสือ ลับ ที่ ปง 0009.7/1050 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2568 เรื่อง ขอส่งข้อมูลเกี่ยวกับรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย และกองข่าวกรองทางการเงิน ตามหนังสือ ลับ ที่ ปง 0004.9/ล161 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เรื่อง รายงานผลการตรวจสอบความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้กระทำความผิดราย นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ
กล่าวคือ ศาลจังหวัดชลบุรีในคดีหมายเลขดำที่ อทย 56/2568 หมายเลขแดงที่ อทย 71/2568 ได้พิพากษาว่า นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ จำเลยที่ 1 นายเอกลักษณ์ นาเจริญ จำเลยที่ 2 กับนางสาวอรุณี ชุ่มชื่นจิตร และพวกของจำเลยทั้งสองอีก 4 คน ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันหลอกลวงโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนทั่วไปซึ่งรวมถึงผู้เสียหาย โดยได้สุ่มหมายเลขโทรศัพท์ของประชาชนและโทรแจ้งว่าเป็นพนักงานขนส่งสินค้าเอกชนตรวจพบพัสดุของผู้เสียหายมีสิ่งของผิดกฎหมายให้ทำการเพิ่มช่องทางการติดต่อโดยการเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE)
จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันส่งข้อความและโทรศัพท์ผ่านแอปฟลิเคชันไลน์ (LINE) โดยแสดงภาพสัญลักษณ์เครื่องหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและส่งรูปภาพการจับกุมคนร้ายพร้อมแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินต้องถูกตรวจสอบ
ผู้เสียหายจึงแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากธนาคารของตนให้กลุ่มคนร้ายและได้โอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของตนไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารที่ได้รับแจ้งเพื่อให้กลุ่มคนร้ายตรวจสอบยอดบัญชี อันเป็นเท็จ
ซึ่งความจริงแล้วผู้เสียหายไม่ได้ส่งพัสดุซึ่งมีสิ่งของผิดกฎหมายอีกทั้ง นางสาวแต่งไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ไม่ใช่พนักงานขนส่งสินค้าเอกชนและไม่ใช่เจ้าพนักงานตำรวจ อีกทั้งไม่มีการตรวจสอบรายการเดินบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินแต่อย่างใด
การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นเพียงกลอุบายในการหลอกลวงประชาชนรวมทั้งผู้เสียหาย และทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริง ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินอีกหลายครั้ง ทำให้นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ได้ไปซึ่งเงินจากผู้เสียหายผู้ถูกหลอกลวงโดยทุจริต โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้อื่น และประชาชน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคสอง ประกอบมาตรา 342 (1) และพระระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง (1)
จากการตราจสอบพบว่าจากบุคคลซึ่งมีประวัติว่าเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหลายราย คือ นายอนุสรณ์ มุภาษา นายพฤหัส การชาตรี นางสาวอรดา แกะปะพาน MISS YANNA LI MISS PHALLA IENG MR. KHAM OUD VISAYSOUK MR. KANG TANGHENG และ MR. LEAK YIM เป็นต้น
ต่อมาสำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสอบสวนกลาง ตามหนังสือที่ ตช 0026.23/3665 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เรื่อง รายงานความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กรณีสืบสวน นายยิม เลียก (MR. YIM LEAK) ซึ่งจากการสืบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายยิม เลียก (MR. YIM LEAK) ได้ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารของตนรับโอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลที่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงหรือการฉ้อโกงประชาชน และความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหลายราย คือ นายสิทธิพงษ์ ปันดี นางสาวจตุรพร หล้าปา นายนิพนธ์ คันใจ นายวรพล เกตุนิวัฒน์ นางสาวขนัญภัค พรรษา นางสาววชิราภรณ์ วิถีเทพ นายชาคริต บุญมี นายณัฐพงษ์ ดวงมะณี นางสาวสุจินดา ต๊ะสุข นายประพันธ์ ศิลาโรจน์ นางสาวธัญญาภรณ์ หาธรรมวงศ์ นายสุพิษ อินทพันธ์ นางสาวณัฐริดา แซ่จาง นายเหล่าชิง แซ่หลี่ และบริษัท นาส แอ็ป จำกัด เป็นต้น
ซึ่งมีพฤติการณ์ในการหลอกลวงหรือการกระทำความผิดในหลายรูปแบบแตกต่างกัน มีการใช้บัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลต่างๆ (บัญชีม้า) รับโอนเงินจากบุคคลอื่นรวมถึงผู้เสียหายและโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของนายยิม เลียก (MR. YIM LEAK) จากนั้นมีการใช้บัญชีเงินฝากธนาคารชำระค่าสินค้าหรือบริการหรือลงทุนในสินทรัพย์รวมถึงการโอนเงินต่อไปยังบุคคลอื่นและถอนเงินสดออกจากบัญชีในลักษณะที่เป็นการใช้บัญชีด้วยตนเองเพื่อผ่องถ่ายเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวแตงไทย บ้านมะษิงห์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 12/2568 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.7888/2568 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายนางสาวแตงไทย บ้านมะหิงห์ กับพวก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว
ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินและจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 66 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) สิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฎหลักฐานในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีมีสิทธิครอบครองโดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองอาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ สังหาริมทรัพย์ประมทหลักทรัพย์ (หุ้น) อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฎหลักฐานในทางทะเบียนในการควบคุมการเสียภาษี ในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองโดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีมีสิทธิครอบครองอาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ สังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารและเงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถ โอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย
หากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีมีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือช่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง.อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้
จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม
ครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการรับเรื่องการตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2568 ข้อ 26 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 66 รายการ พร้อมดอกผลมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ
กล่าวคือ นับตั้งแต่วันต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2569
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ในกรณีผู้ซึ่งถูกยึดและอายัดทรัพย์สินตามคำสั่งนี้หรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าวประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดดังกล่าวนั้น มิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ
อนึ่ง การยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดิน อาจมีความผิดทางอาญาและต้องระวางโทษตามนัยมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
สั่ง ณ วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า สำหรับทรัพย์สิน นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก ที่ถูก ปปง.ออกคำสั่งยึดอายัดไว้ครั้งนี้ มีจำนวน 66 ราย การ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 9,279,322,501.38 บาท พร้อมดอกผล
แยกเป็นเงินสดในบัญชีธนาคาร จำนวน 37 บัญชี เป็นเงินจำนวน 1,169,815,162.38 บาท , ที่ดินจำนวน 23 แปลง และบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ จำนวน 6 บัญชี
ในส่วนที่ดิน มีชื่อ นางวิรินยา ยิมจ์ (ภรรยานายยิม เลียก) , นางสาวแคทรียา บีเวอร์ (ภรรยานาย เบน สมิธ นักธุรกิจต่างชาติ) , น.ส. สุภารัตน์ สง่าเมือง , บริษัท เจอ เอ็มไพร์ จำกัด (ออกใบอนุญาตจ้างงาน นายเบนสมิธ ในไทย) , บริษัท วชิรคม จำกัด , บริษัท นาใต้ บีชโฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท อีวาร่า พร็อบเพอตี้ จำกัด เป็นเจ้าของ
@ นายยิม เลียกและนาย เบน สมิธ
หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ อยู่ในชื่อ บริษัทอัลฟ่าชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด ที่เข้าซื้อหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (BCP) วงเงินกว่า 5,885 ล้านบาท
ขณะที่ เงินสดในบัญชี อยู่ในชื่อ นายยิม เลียก , นางวิรินยา ยิมจ์ (ภรรยานายยิม เลียก) , นางสาวแคทรียา บีเวอร์ (ภรรยานายเบน สมิธ) , นายเบน สมิธ , ลูก นายเบน สมิธ , นางสาวสุภารัตน์ สง่าเมือง , บริษัทโอเวอร์ซีส์ แมเนจเม้นท์คอนซัลแตนท์ส จำกัด , บริษัท พังงา บีชโฮลดิ้ง จำกัด ,บริษัท เอเพกซ์ ลักซ์ เอวิเอชั่น จำกัด , บริษัท อีวาร่า พร็อบเพอต้ี จำกัด และ บริษัทอัลฟ่าชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด

สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า นอกจากคำสั่งยัดอายัดทรัพย์ฉบับแรกข้างต้นแล้ว เลขาธิการ ปปง. ยังออกคำสั่งยึดทรัพย์สิน นางสาวแตงไทย บ้านมะหิงษ์ และพวกเพิ่มเติม ตามคำสั่งที่ ย.301/2568 เป็นรถยนต์หรู จำนวน 3 รายการ ได้แก่ รถยนต์ ยี่ห้อ ZEEKR รุ่น ZEEKR 009 สีขาว ,รถยนต์ยี่ห้อ FERRARI รุ่น 488 สีแดง และ รถยนต์ ยี่ห้อ PORSCHE สีดำ ซึ่งอยู่ชื่อของ นางสาวสุภารัตน์ สง่าเมือง มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2569
กล่าวสำหรับ บริษัทอัลฟ่าชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด เป็นบริษัทที่เข้าซื้อหุ้น BCP รวมทั้งสิ้น 275,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20.0083% ถูกเชื่อมโยงว่ามีเบื้องหลังเกี่ยวกับกลุ่มทุนทางการเมืองและกัมพูชา และนายเบน สมิธ
ขณะที่นายณัฐกร อธิธนาวานิช กรรมการ บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด เคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราชี้แจงไปแล้วว่า ไม่มีความเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ หรือ การเกี่ยวข้องใด ๆ กับนักการเมือง พรรคการเมือง หรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ขณะที่ ปปง.ระบุการเผยแพร่ข่าวคดีนี้ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป

- ปปง.ยึดทรัพย์เครือข่าย'เฉินจื้อ-ก๊กอาน'หมื่นล.-จ่อออกหมายจับ40คน 'ยิมเลียก-เบนสมิธ' ด้วย
- ย้อนข้อมูล'ยิม เลียก-เบน สมิธ' ก่อน ปปง.ยึดทรัพย์คดีฟอกเงิน กลุ่ม 'น.ส.แตงไทย' 9.2 พันล.
- อยู่นครนายก!แกะรอย 'น.ส.แตงไทย'ปปง.ยึดทรัพย์คดีฟอกเงิน 9.2พันล.โยง'ยิม เลียก-เบน สมิธ'
- 'อนุทิน' นำทีมแถลงยึดอายัดทรัพย์หมื่นล.เส้นเงินชัดเข้าบัญชี'ยิม เลียก'-'เบน สมิธ'สนับสนุน
- 'อนุทิน' สั่งเพิกถอนสัญชาติไทย'ยิม เลียก'แล้ว คนในรบ.เอี่ยวไม่ละเว้น 'ปิดชื่อ ถือพฤติกรรม"
อ่านประกอบ :
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉฮุน เซน เซ็น ทิ้งทวนนายกฯยกอุทยานเฉียดพันเฮกตาร์ให้ลูกคนใกล้ชิดบริหาร
- นักข่าวดังสหรัฐฯ อ้างข้อมูล 'ทักษิณ' ใช้นายหน้าแอฟริกาใต้เครือข่ายฮุนเซน ซื้อเจ็ทส่วนตัว
- แกะรอย 'เบนจามิน' นายหน้าปริศนาขายเครื่องบินส่วนตัว ให้ 'ทักษิณ-เครือข่ายฮุนเซน' ?
- 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา แปลงเป็นไทย ยุค 'อนุทิน' นั่งมท.1 แต่ไม่ได้เซ็นให้
- เปิดรายงานลับ สน.บท.กรณี 'เบนจามิน'ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา-ปริศนาที่ปรึกษาธุรกิจ ทักษิณ?
- เจาะลึก! เส้นทาง 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชาแปลงเป็นไทย 'บิ๊กตลท.' ให้ถ้อยคำรับรอง
- 'อนุทิน' ยันไม่ได้เซ็นอนุมัติแปลงสัญชาติ 'เบนจามิน' ตีตกชั้นปค.-อย่าโยงขัดแย้ง 'ทักษิณ'
- เปิดข้อมูล บ.ที่ทำงาน 'เบนจามิน' ไฮโซแฟนลูกนักการเมืองกัมพูชาถือหุ้น ก่อนขอแปลงสัญชาติ
- ขุดประวัติ 'เบนจามิน' กุนซือฮุนเซน โยง 'ยิม เลียก'-ที่ปรึกษารมว.คลังไทยนั่งบอร์ด ธ.กัมพูชา
- ที่ปรึกษา 'ธรรมนัส'ยื่นหนังสือ ก.ล.ต.ตรวจความบริสุทธิ์ 'เบนจามิน'หลัง ปชน.อภิปรายพาดพิง
- 'ทอม ไรต์' โต้'ธรรมนัส'หลังให้สัมภาษณ์อิศรา ขู่เรียกค่าเสียหาย ยืนยันจะตีพิมพ์ทุกอย่าง
- ที่ปรึกษา'ธรรมนัส'รับอำนาจ‘เบนจามิน’ฟ้อง‘โรม’อภิปรายหมิ่นฯ ยันปกป้องสิทธิ ไม่ได้ปิดปาก
- 'เบนจามิน' ออกแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาบทความ 'ทอม ไรท์' เตรียมฟ้องอดีตผู้สื่อข่าว WSJ
- ISRA:เอ็กซ์คลูซีฟ! ‘ธรรมนัส‘ เปิดสัมพันธ์ลึก ‘ทักษิณ & เบนจามิน’ จาก ดูไบ ถึง ห้างเกษรฯ
- ‘อภิสิทธิ์’ ยื่นปปง.ตรวจเส้นทางเงินสแกมเมอร์ เผยระดับรมต.เอี่ยว ยุค รบ.อนุทิน มี 2 คน


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา