
“…การทุจริตในงานก่อสร้างมักเกิดขึ้น ‘หลังเซ็นสัญญา’ เช่น การแอบแก้ไขสัญญา การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการเบิกเงินแต่งานไม่คืบหน้า เนื่องจากข้อมูลในระยะนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อการตรวจสอบ…”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดตัวเว็บไซต์นโยบายของพรรคอย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย 4 ชุดนโยบายหลัก ได้แก่ 1. โมเดลเศรษฐกิจใหม่ 2. การปฏิรูปรัฐทันสมัย 3. ความมั่นคงและประชาธิปไตย และ 4. ยกระดับคุณภาพชีวิต
ทั้งนี้ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฉบับใหม่ ได้กำหนดให้พรรคการเมืองส่งมอบนโยบายที่ต้องใช้เงินประมาณให้กับ กกต.อย่างน้อย 20 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง 8 ก.พ.69
ในวาระนี้ สำนักข่าวอิศรา ขอนำเสนอนโยบายในด้านการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเริ่มจากพรรคประชาชน ซึ่งอยู่ในส่วนของนโยบายด้าน การปฏิรูปรัฐและระบบราชการ (ปฏิรูปรัฐทันสมัย) ภายใต้ชื่อ ‘รัฐโปร่งใส ไร้คอร์รัปชัน’ ... เป็นพรรคการเมืองแรก

@ ปฏิรูปจัดซื้อจัดจ้าง-ลดดุลพินิจเจ้าหน้าที่
สร้างรัฐโปร่งใสผ่านการ ‘ปฏิรูปจัดซื้อจัดจ้าง’ และ ‘ลดดุลพินิจเจ้าหน้าที่’ ด้วยเทคโนโลยี ปิดช่องคอร์รัปชัน มุ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะและเข้าถึงได้ง่าย (Open Data) ให้ประชาชนร่วมตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างระบบที่ทำให้คนไม่สามารถโกงได้ ภายใต้สโลแกน ‘รัฐโปร่งใส ไร้คอร์รัปชัน’ จำนวน 2 นโยบาย ดังนี้
1.ปฏิรูปการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
อุดรูรั่ว ปิดช่องโหว่ทุจริต ลดวิธีเจาะจง ‘บังคับเปิดข้อมูลหลังเซ็นสัญญา’ และใช้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโครงการใหญ่เพื่อ ‘ประหยัดภาษีหมื่นล้าน’ มีแนวทางการปฏิรูปโดยมุ่งเน้นการ ‘ปิดช่องโหว่’ และ ‘ลดต้นทุนแฝง’ ผ่าน 4 ข้อเสนอหลัก ได้แก่
1. ลดการจัดซื้อแบบเจาะจงและขจัดสิทธิพิเศษรัฐวิสาหกิจ :
ปัจจุบันกฎระเบียบที่อนุญาตให้หน่วยงานรัฐจัดซื้อโดยวิธีนี้สำหรับสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 500,000 บาท และการให้สิทธิพิเศษซื้อตรงจากรัฐวิสาหกิจโดยไม่ต้องแข่งขัน ถือเป็น ‘ช่องโหว่ขนาดใหญ่’ ที่บั่นทอนกลไกตลาดและเปิดโอกาสให้เกิดการใช้จ่ายที่สูงเกินจริง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายที่ไม่ผ่านการแข่งขันสูงถึง 444,000 ล้านบาทต่อปี
2. ลดต้นทุนแฝงโดย ‘ยกเลิกหลักประกันซอง’ :
กฎระเบียบที่บังคับให้เอกชนต้องวางเงินสด หรือ หลักทรัพย์เพื่อ ‘ค้ำประกันซองประมูล’ (Bid Bond) ทำให้เงินทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจหายไปจากระบบเศรษฐกิจถึงปีละ 85,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้กลายเป็นต้นทุนแฝงที่เอกชนบวกกลับเข้ามาในราคาสินค้าที่ขายให้รัฐ ซึ่งคิดเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสทางธุรกิจประมาณ 5,700 ล้านบาท
3.เปิดข้อมูลต่อหลังเซ็นสัญญาแล้ว:
การทุจริตในงานก่อสร้างมักเกิดขึ้น ‘หลังเซ็นสัญญา’ เช่น การแอบแก้ไขสัญญา การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการเบิกเงินแต่งานไม่คืบหน้า เนื่องจากข้อมูลในระยะนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อการตรวจสอบ
4. 100 ล้านบาทขึ้นไปต้องตรวจสอบจากคนนอก:
สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ซึ่งเสี่ยงต่อการ ‘ล็อกสเปก’ หรือการ ‘ทุจริตเชิงนโยบาย’ แต่ปัจจุบันยังขาดกลไกการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่เป็นกลาง เนื่องจากระบบการใช้ ‘ข้อตกลงคุณธรรม’ (Integrity Pact) ยังคงเป็นแบบสมัครใจ

@ ลดจัดซื้อจัดจ้างวิธีเฉพาะเจาะจง-รัฐวิสาหกิจต้องร่วมประมูล
แผนการดำเนินงานเพื่อให้การปฏิรูปเกิดขึ้นจริงและวัดผลได้ พร้อมประมาณการงบประมาณที่จะประหยัดได้ ดังนี้
1. ลดการจัดซื้อแบบเจาะจงและขจัดสิทธิพิเศษรัฐวิสาหกิจ:
-
เปลี่ยนกฎระเบียบให้สินค้าทั่วไปต้องใช้วิธีเชิญชวนให้ยื่นซองเสนอราคาหรือการแข่งขันราคา (e-bidding) แทนวิธีเฉพาะเจาะจง (อาจยกเว้นกรณีที่มีมูลค่าต่ำมาก เช่น ต่ำกว่า 10,000 บาท) โดยปรับปรุงกฎกระทรวง กำหนดวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง วงเงินการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ทำข้อตกลง เป็นหนังสือ และวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างในการแต่งตั้งผู้ตรวจรับพัสดุ พ.ศ. 2560
-
ยกเลิกกฎกระทรวงที่ให้สิทธิหน่วยงานรัฐซื้อของจากรัฐวิสาหกิจได้โดยไม่ต้องประมูล เพื่อให้รัฐวิสาหกิจต้องแข่งขันด้านราคาและคุณภาพกับเอกชน โดยปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจงพ.ศ. 2561 และทบทวนกฎกระทรวงกําหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. 2563
-
เร่งพัฒนาระบบตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e-shopping) และกรอบข้อตกลงการจัดซื้อรวม (Framework Agreement) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระงานธุรการ
ผลลัพธ์: คาดว่าจะประหยัดงบประมาณจากการลดต้นทุนของผู้ประกอบการได้ ปีละเกือบ 40,000 ล้านบาทต่อปี
2. ยกเลิกหลักประกันซอง :
-
แก้ไขระเบียบกระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2560) ข้อ 166 เพื่อยกเลิกการวางหลักประกันซอง
-
เปลี่ยนมาใช้มาตรการลงโทษที่เด็ดขาดแทน เช่น การขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) ผู้ทิ้งงานไม่ให้เข้าประมูลงานรัฐอีก ซึ่งมีประสิทธิภาพกว่าการยึดเงินประกัน
ผลลัพธ์: คาดว่าจะประหยัดงบประมาณจากการลดต้นทุนแฝงของผู้ประกอบการได้ประมาณ 5,700 ล้านบาทต่อปี
3. ใช้มาตรฐาน CoST กับโครงการก่อสร้าง 10-100 ล้านบาท:
-
บังคับให้โครงการก่อสร้างมูลค่า 10 - 100 ล้านบาท ต้องเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Transparency Initiative: CoST)
-
ข้อมูลที่ต้องเปิดเผยผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ต้องครอบคลุมถึงข้อมูลสำคัญตลอดวงจรของโครงการ ตั้งแต่ก่อนทำสัญญา ระหว่างทำสัญญา และหลังทำสัญญา รวมถึงรายงานความคืบหน้า การแก้ไขสัญญา และการเบิกจ่ายเงิน
ผลลัพธ์: จากข้อมูลการทดลองใช้แนวทาง CoST ในประเทศไทยซึ่งพบว่าสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึงร้อยละ 7.4 จึงประมาณการได้ว่าหากบังคับใช้กับทุกโครงการที่เข้าข่าย จะสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 22,843 ล้านบาทต่อปี
4. บังคับใช้ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact):
-
กำหนดให้โครงการมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้อง เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรม (จากเดิมที่เป็นระบบสมัครใจ)
-
ส่งผู้เชี่ยวชาญอิสระเข้าไปสังเกตการณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการร่างขอบเขตงาน (TOR) จนถึงการตรวจรับงาน เพื่อป้องปรามการล็อกสเปกและการฮั้วประมูล
ผลลัพธ์: อ้างอิงจากข้อมูลขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่ระบุว่าโครงการที่เข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรมสามารถลดงบประมาณลงได้เฉลี่ยร้อยละ 8.2 จึงคาดว่าการบังคับใช้มาตรการนี้จะช่วยประหยัดงบประมาณได้ถึง 30,311 ล้านบาทต่อปี

@ ปิดทุกช่องโหว่-แก้โกงให้ถึงราก
2. มีส้ม ไม่ทนโกง: ปิดทุกช่องโหว่ แก้โกงให้ถึงราก
สร้างระบบที่คนโกงไม่ได้ โดยเปิดเผยข้อมูลรัฐเป็นหลัก ใช้เทคโนโลยีลดการใช้ดุลพินิจเจ้าหน้าที่ และสร้างกลไกตรวจสอบที่เข้มแข็งเพื่อลดโอกาสการทุจริต สร้างสังคมปลอดคอร์รัปชัน
ปฏิรูประบบราชการให้เปลี่ยนจาก ‘ระบบที่พึ่งพาคนดีไม่ให้โกง’ เป็น ‘ระบบที่ออกแบบมาให้คนไม่ดีก็โกงไม่ได้’ ด้วย 3 แนวทางหลัก:
1. เปิดทุกข้อมูลโดยอัตโนมัติ:
ให้ข้อมูลของภาครัฐทั้งหมดถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยทันที ยกเว้นข้อมูลที่เป็นความลับด้านความมั่นคงหรือข้อมูลส่วนตัวของบุคคล
2. ใช้เทคโนโลยีลดอำนาจคน:
นำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่ออุดช่องโหว่การทุจริต ตัวอย่างเช่น ใช้ AI Red Flag หรือการใช้ AI มาเรียนรู้รูปแบบของการทุจริต ฮั้วประมูลในอดีต เพื่อมาช่วยจับพิรุธในการใช้งบประมาณหรือการฮั้วประมูล และแจ้งเตือน ‘ธงแดง’ โครงการที่มีความเสี่ยง รวมถึงใช้เทคโนโลยีช่วยในการขอใบอนุญาตและการบังคับใช้กฎหมาย เช่น จากกล้องวงจรปิด
3. สร้างกลไกตรวจสอบและคุ้มครอง:
ปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม ลดการผูกขาด และสร้างมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower) ให้ได้รับรางวัลและปลอดภัยจริง นอกจากนี้จะใช้มาตรการ ‘คนโกงวงแตก’ เพื่อให้ผู้ร่วมทุจริตหวาดระแวงกันเอง
@ แก้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ
แผนปฏิบัติการเพื่อสร้างระบบป้องกันคอร์รัปชันที่แข็งแกร่ง 8 มาตรการ :
1. เปลี่ยนกฎหมายข้อมูลข่าวสาร:
เปลี่ยน พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ เป็น ‘พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของสาธารณะ’ เพื่อวางหลักการ ‘เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น’ โดยเฉพาะฐานข้อมูลสำคัญของรัฐ (เช่น งบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง) ต้องเปิดเผยในรูปแบบดิจิทัลที่ใครก็สามารถนำไปตรวจสอบได้ง่าย
2. พัฒนาระบบบริการภาครัฐช่องทางเดียว:
พัฒนาระบบออนไลน์ของรัฐให้เชื่อมโยงกัน และสามารถใช้บริการได้ในช่องทางเดียว เช่น ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และ ‘BizPortal’ เพื่อลดความยุ่งยากและการพบปะเจ้าหน้าที่
3. ใช้เทคโนโลยีช่วยตรวจสอบอัตโนมัติ:
พัฒนาระบบที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ และเพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของขั้นตอนการขออนุญาตต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ
4. ออกระเบียบสำนักนายกฯที่จำเป็น:
ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อป้องกันการใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเองทางการเมือง บังคับให้นำเงินนอกงบประมาณทั้งหมดเข้าสู่ระบบ GFMIS (ระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐ) เพื่อให้ตรวจสอบได้ทุกบาททุกสตางค์ ขยายการตรวจสอบทางจริยธรรม (Integrity Pact) ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ (ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป)
5. ทบทวนกฎหมายที่ล้าสมัย (Regulatory Guillotine):
ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายเก่าที่ทำให้ประชาชนทำถูกกฎหมายได้ยากและเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่เรียกรับสินบนได้ (เช่น กฎหมายโรงแรม, กฎหมายสถานบริการ)
6. ปรับปรุงกฎหมายให้ใช้เทคโนโลยีบังคับใช้ได้:
แก้ไขกฎหมายต่าง ๆ (เช่น พ.ร.บ. จราจรทางบก) เพื่อเพิ่มการใช้เทคโนโลยี (กล้องวงจรปิด, ภาพถ่าย) เข้ามาช่วยบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แทนการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
7. เสริมกลไก ‘แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน’ :
ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อคุ้มครองและให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower) ให้ได้รับเงินรางวัลจริงจากกองทุน ป.ป.ช. อย่างเป็นธรรม
8. ผลักดันกฎหมาย ‘คนโกงวงแตก’ (Leniency Law):
ออกกฎหมายนี้เพื่อให้ผู้ที่ร่วมทุจริตแล้วตัดสินใจให้ข้อมูลแก่รัฐเป็นคนแรก ได้รับการพิจารณาลดโทษหรือกันเป็นพยาน วิธีนี้จะทำให้ขบวนการทุจริตขาดความเชื่อใจกันและเดินต่อได้ยากในที่สุด
ขณะที่การแก้ปัญหาเครือข่ายทุนเทา สแกมเมอร์ ฟอกเงิน พรรคประชาชนจะทำคือ ‘เชื่อมข้อมูลให้เห็นทั้งขบวนการ’ ด้วย Data Bureau แล้วตัดวงจรเงินผิดกฎหมายให้ได้จริง เชื่อมข้อมูลเส้นทางเงินและตัวตน เชื่อม Bank–Telco–คริปโต–ทะเบียนนิติบุคคล–ผู้ถือหุ้น/ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (UBO) เพื่อไล่เส้นเงินถึงตัวการ ไม่จบที่ ‘บัญชีม้า’ และ ยึดทรัพย์–ตัดท่อน้ำเลี้ยง และตั้งกองทุนชดเชยเหยื่อจากทรัพย์ที่ยึดได้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา