
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าวจับกุม ‘หมอแอร์’ กับพวกรวม 7 คน ผู้ต้องหาร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ฟลูไนตราซีแพม โดยไม่ได้รับอนุญาต เตรียมบุกค้น 12 คลินิกเอี่ยว ‘ยาเสียสาว’ เล็ง แจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม พ.ต.อ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาลและขบวนการ รวมผู้ต้องหา 5 คน หลังแอบลักลอบขายยากลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 หรือ ยาเสียสาว โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการประสานแจ้งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบนำยาควบคุมแผนปัจจุบัน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 ออกนอกระบบ นำไปใช้ในทางที่ผิด จึงได้ทำการติดตามสืบสวนสอบสวน พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้สั่งการ มีพฤติการณ์สั่งซื้อยาจากอย. โดยทำการสั่งซื้อในนามของคลินิกทางการแพทย์จำนวน 12 คลินิก ก่อนนำยาดังกล่าวไปเก็บซุกซ่อนในห้องพักส่วนตัว และมีผู้เฝ้ายาดังกล่าว ก่อนนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมขบวนการในแต่ละพื้นที่
เจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพราะว่า มีความผิดจริง จึงขออำนาจศาลออกหมายจับ 5 ราย คือ 1. พ.ต.อ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล ผู้สั่งการและผู้เบิกยาจากอย. 2. นายดุริยลักษ์ อุปชัย คนเฝ้ายาส่งยาไปในพื้นที่วังทองหลาง 3. นางสาวณัฐพัชร์ ถิรโชติ คนปล่อยยาในพื้นที่กทม.และปริมณฑล 4. นายปกรณ์ จันทร์เทพ คนปล่อยยาคนปล่อยยาในพื้นที่กทม.และปริมณฑล และ 5. นายอรชุน จันทนาม คนปล่อยยาคนปล่อยยาในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 Flunitrazepam (ฟลูไนตราซีแพม) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้รับกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกันแล้วและสบคบกันจำหน่ายยา รวม 2 ข้อหา ทั้งนี้ หลังทำการสอบปากคำเสร็จ พนักงานสอบสวนยังต้องพิจารณาในข้อหาฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งหน้าได้เพิ่มเติมอีก 2 ราย ใน จังหวัดนครปฐม คือ นางสาวพัชรา และ นางสาวพชรมน หลังพบว่า ได้ครอบครองตัวยาวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่ร่วมอยู่ในขบสนการดังกล่าว รวมเป็นผู้ต้องหา 7 ราย เจ้าหน้าที่สามารถยึดของกลางเป็นยากลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ได้แก่ Alprazolam tablet จำนวน 57,000 เม็ด Zolpidem tartrate tablet จำนวน 16,100 เม็ด และ Flunitrazepam (ฟลูไนตราซีแพม) tablet จำนวน 24,300 เม็ด ยึดของกลางเป็นยากลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ได้แก่ Clonazepam tablet จำนวน 63,000 เม็ด และ Clorazapate tablet จำนวน 10,000 เม็ด รวมทั้ง 2 ประเภททั้งหมด 170,400 เม็ด

ส่วนผลจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหารายย่อยที่จังหวัดนครปฐม ที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้เสพฯเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จึงได้ทำการขยายผลพบว่า กลุ่มผู้เสพฯได้มีการสั่งยาและมีการโอนเงิน จาก 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ทำให้ทราบว่ามีเส้นเงินดังกล่าวไปยังพ.ต.อ.อัญชุลี
ส่วนพ.ต.อ.อัญชุลี จะถูกปลดออกจากราชการหรือไม่นั้น ทางกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กำลังเร่งดำเนินการยื่นเรื่องไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ก่อนที่จะเสนอเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาในกรณีดังกล่าว
นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อยาวัตถุประเภท 2 ผู้สามารถสั่งซื้อได้จะต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ และจะต้องได้รับอนุญาตจากทางอย. เพราะยาประเภทนี้อย.เป็นผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียวมีอำนาจในการจ่ายยา
สำหรับจำนวนการสั่งซื้อจะต้องทำเรื่องขอซื้อหรือเบิกจ่ายยามาก่อน จากนั้นทางอย.จะพิจารณาจำหน่ายยาออกไปตามความเหมาะสม อย.จะจำกัดจำนวนตัวยาแต่ละประเภทเป็นต่อปี เช่น Alprazolam 120 กรัมต่อปี , Zolpidem 110 ต่อปี และ Flunitrazepam 150 กรัมต่อปี แต่หากกรณีพบผู้ป่วยที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ยาเหล่านี้ แพทย์ก็จะพิจารณาในการจำหน่ายยาให้เป็นพิเศษ
ส่วนกรณีของ พ.ต.อ.อัญชุลี อย.พบความผิดปกติตั้งแต่ช่วงกลางปี พ.ศ 2567 โดยตั้งแต่ปี 65 หมอเริ่มมีการสั่งยาจำนวน 1 ล้านบาท ต่อมา พ.ศ.2566 ได้เริ่มเพิ่มจำนวนยา เป็นเงินมูลค่า 4 ล้านบาท พ.ศ.2567 มูลค่า 11 ล้านบาท และ พ.ศ.2568 หมอได้เพิ่มจำนวนคลินิกเป็น 12 แห่ง มีการสั่งซื้อยาเพิ่มมากขึ้นประมาณมูลค่า 7-8 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆจนผิดสังเกต

ส่วนกรณีที่พบว่ามีผู้เสียชีวิตมาสวมเป็นบุคคลมาขอเบิกยาประเภท 2 ออกไปนั้น นายกองตรี ดร.ธนกฤต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีรายชื่อผู้เสียชีวิตตั้งแต่ พ.ศ.2541 มาปรากฎเป็นบุคคลที่มาสวมเบิกยาวัตถุออกฤทธิ์กับคลีนิก ล่าสุดได้ทำการตรวจสอบภายใน 2 เดือนย้อนหลังพบว่า มีรายชื่อผู้เสียชีวิต 370 คน หลังจากนี้ จะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดก่อน สวนทางกระทรวงสาธารณสุขและอย.จะเป็นผู้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดในการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับหมอแอร์นั้น ขณะนี้ได้ประสานกับทางแพทย์ยาสภาในการพิจารณา เนื่องเป็นความผิดซึ่งหน้าสามารถเอาผิดได้เลย ต่างจากคดีของโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา