
บมจ.ไออาร์ซีพีฯ ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานความคืบหน้าปัญหาล่าช้าเว็บแอป สปส. 850 ล. ระบุกำหนดวันส่งมอบงานแล้วเสร็จ 20 พ.ย.นี้ จากแผนเดิม 10 ต.ค. ตั้งค่าเบี้ยปรับไว้ 125.5 ล้าน ส่งผลกระทบกำไรสุทธิ แต่ไม่กระทบการดำเนินงานโครงการอื่น มีเตรียมขอลดค่าปรับไว้ด้วย หลังก่อนหน้านี้มีข่าวสะพัดโครงการฯ มีปัญหาส่งมอบงานไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง-สิ้นปีมีปัญหาทั้งระบบ ค่าปรับทะลุ186 ล.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการติดตามปัญหาโครงการทำระบบไอทีหลังบ้านของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) หรือ เว็บแอป (Web Application) มูลค่า 850 ล้านบาท ว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คู่สัญญาโครงการฯ นี้ กับ สำนักงานประกันสังคม ได้ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้ทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการฯ นี้
ระบุว่า บริษัทฯ ได้ส่งแผนปฏิบัติงานสำหรับการส่งมอบโครงการและแผนที่แก้ไขให้กับสำนักงานประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 และวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ตามลำดับ และกำหนดวันส่งมอบงานแล้วเสร็จของโครงการดังกล่าวภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568
โดยบริษัทฯ ได้ตั้งประมาณค่าเบี้ยปรับไว้แล้วจำนวน 125,504,000 บาท ซึ่งบันทึกไว้ในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ปี 2568 เรียบร้อยแล้ว หรือประมาณ 14.8% ของมูลค่าโครงการ (มูลค่าโครงการ คือ 848,000,000 บาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งปวง)
ค่าปรับดังกล่าวคำนวณจากค่าปรับการส่งมอบงานล่าช้าต่อวันตามสัญญาจ้างจนถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 โดยค่าปรับดังกล่าวส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทฯ แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานโครงการอื่นๆ ของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินการขอลดค่าปรับภายหลังจากที่ได้ส่งมอบงานเรียบร้อยแล้ว หากมีความคืบหน้าประการใด บริษัทฯ จะแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบ ต่อไป (ดูหนังสือประกอบ)

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 บริษัทฯ ได้แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการฯ นี้ ต่อกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาแล้ว
ระบุว่า ตามที่บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จ ากัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") เป็นคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม (“ผู้ว่าจ้าง”) ในโครงการปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมเป็นระบบ Web Application โดยมีมูลค่าโครงการ 848,000,000 บาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งปวงนั้น
เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน ส่งผลให้การส่งมอบงานล่าช้า และผู้ว่าจ้างได้มีหนังสือถึงบริษัทฯ เพื่อเร่งรัดการดำเนินการส่งมอบโครงการ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568
โดยปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินงานเพื่อให้สามารถส่งมอบงานตามโครงการและอยู่ระหว่างจัดเตรียม “แผนปฏิบัติงานสำหรับการส่งมอบโครงการ" เพื่อส่งให้ผู้ว่าจ้างภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2568
ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าประการใด บริษัทฯ จะแจ้งความ คืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบต่อไป (ดูหนังสือประกอบ)

อนึ่ง เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการฯ นี้ ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในสำนักงานประกันสังคม ว่า หลังจากปรากฏข่าวการดำเนินงานโครงการฯ นี้ มีปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบงาน โดยในการเข้าชี้แจงข้อมูลต่อกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ในช่วงเดือนปลายเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา ผู้แทนจากสำนักงานประกันสังคม ได้ชี้แจงว่า ณ วันที่ 25 ก.ย 2568 ระยะเวลาการปรับนับตั้งแต่ผิดสัญญา หักด้วยระยะเวลาที่คณะกรรมการตรวจรับใช้ หักด้วยจำนวน 193 วันที่ได้รับการช่วยเหลือในช่วงโควิด สรุปคงเหลือค่าปรับ 92 วัน เฉพาะค่าปรับที่ส่งงานล่าช้าคิดเป็นจำนวนเงิน 78 ล้านกว่าบาท
ตามกำหนดการเดิมที่บริษัทคู่สัญญาจะต้องส่งมอบงานให้แล้วเสร็จ ตามสัญญาจ้างไปตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2567 นั้น ขณะนี้การส่งมอบงานดังกล่าว ยังไม่เป็นไปตามระเบียบกรมบัญชีกลาง กล่าวคือ งานดังกล่าวจะต้องส่งมอบโดยระบบต้องสมบรูณ์พร้อมใช้งานทั้งหมด 77 จังหวัด ปัจจุบันยังทำได้แค่ทดลองระบบที่ภาค 7 เท่านั้น และระบบก็ยังมีปัญหาด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า "เมื่อการส่งมอบงานไม่ครบถ้วนตาม TOR การตรวจรับมอบงานโดยข้าราชการ ก็ส่อจะมีการเอื้อประโยชน์กัน เพราะไม่ได้คำนวนค่าปรับตามจริงเนื่องจากงานไม่แล้วเสร็จตามข้อกำหนดและไม่ได้มีการทำหนังสือปฎิเสธการรับมอบงานภายใน 15 วันตามระเบียบกรมบัญชีกลาง และใช้ช่องว่างจากวิธีการตรวจรับโดยอ้างว่าเป็นการแก้ไขข้อบกพร่อง มีการขยายระยยะเวลาให้จนถึงปัจจุบันโดยไม่มีอำนาจ ระบบเดิมที่ถูกใช้งานอยู่จะหมดสัญญาและไม่สามารถต่อสัญญาได้เนื่องจากระบบเก่าและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ใหญ่ (Mainframe) หมดอายุไปแล้ว ซึ่งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในขณะนี้ร่วมวงเงินหลายพันล้านบาทแล้ว และผู้ประกันตน 24 ล้านราย อาจได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถเข้าไปใช้งานระบบประกันสังคมได้"
แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า สำหรับการคิดค่าปรับนั้น ทางบริษัทผู้รับจ้าง ได้มีการส่งแผนการดำเนินงานของโครงการ 850 ล้าน ว่า ยังคงมีกิจกรรมที่ยังต้องดำเนินการในโครงการ จนถึงสิ้นเดือน ม.ค. 2569 ซึ่งหากคิดคำนวนค่าปรับถึงสิ้นเดือน ม.ค. 2569 จะเท่ากับว่าโครงการ 850 ล้าน ได้ส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนด เป็นจำนวน 220 วัน จะทำให้ค่าปรับมีจำนวนมากถึง 186,560,000 บาท เลยทีเดียว
"ขณะนี้มีความพยายามจะตั้งประเด็นปัญหาไปที่เจ้าของระบบเดิม จากเครื่องเก่ามากไม่มีอะไหล่ในการบำรุงรักษา ทั้งที่ความเป็นจริง ปัญหาอยู่ที่ระบบที่จัดซื้อจัดจ้างใหม่ ซึ่งปัจจุบันค่าปรับและค่าเสียหายท่วมค่าโครงการและเกิน 10% เรียบร้อยแล้ว" แหล่งข่าวระบุ
เบื้องต้น มีรายงานข่าวว่า เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในการดำเนินงานโครงการฯ นี้ ทางผู้บริหารกระทรวงแรง ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และดำเนินงานแก้ไขปัญหาใน 2 ส่วน คือ เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และหาแผนสำรองเพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะให้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของเอกชนรายเดิมทำงานต่อไปในช่วงที่โครงการฯ นี้ ยังไม่ได้ส่งมอบ ส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมา จะให้เป็นหน้าที่คู่สัญญาโครงการฯ ปัจจุบันเป็นผู้รับผิดชอบแทนประกันสังคม
อ่านประกอบ :
- สปส.แจงกมธ.ติดตามงบฯ โครงการ 'เว็บแอป' 850 ล. คิดค่าปรับเอกชนส่งงานช้า 78 ล.
- ค้านข้อมูล สปส.! คำนวณค่าปรับ'เว็บแอป'850 ล.เอกชนควรต้องจ่าย 383 ล.ไม่ใช่ 78 ล.
- ค่าปรับทะลุ186 ล.! เว็บแอป 850 ล.ส่งมอบงานไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง-สิ้นปีมีปัญหาทั้งระบบ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา