อัยการสั่งฟ้อง 9 นักกิจกรรมชายแดนใต้ “ยุยงปลุกปั่น อั่งยี่ ซ่องโจร” ปมจัดชุมนุมปราศรัยหมิ่นเหม่กระทบความมั่นคง ชูธงคล้ายขบวนการแยกดินแดน ทนายสู้นอกตำรา ยื่นคำร้องศาลขอไต่สวนมูลฟ้องเพิ่ม อ้างไม่เชื่อแปลภาษามลายูถูกต้อง แต่โดนอัยการตีตก เหตุไม่มีกฎหมายรองรับ “รมว.ทวี” ส่งสารแสดงความกังวลถึงทนายแผ่นดิน
วันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค.68 ที่ศาลจังหวัดปัตตานี พนักงานอัยการได้นำตัว 9 นักกิจกรรม ไปยื่นฟ้องต่อศาล หลังมีความเห็นสั่งฟ้อง กรณีจัดชุมนุมเยาวชนหมิ่นเหม่กระทบความมัึ่นคง
โดยยื่นฟ้องในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐาน “ยุยง ปลุกปั่น”, มาตรา 209 และ 210 ฐานอั้งยี่ ซ่องโจร และกระทำการชุมนุมในช่วงโควิด-19 ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
โดยคดีนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ส่งเจ้าหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน หลังพบว่าการจัดกิจกรรมชุมนุมชุดมลายู (Melayu Raya 2022) ของนักกิจกรรมทั้ง 9 คน เมื่อวันที่ 4 พ.ค.65 ที่หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีเนื้อหา รูปแบบในลักษณะของการยุยงปลุกปั่นให้เยาวชนร่วมกันปฏิวัติกองกู้เอกราชรัฐปาตานี
เมื่อศาลประทับฟ้อง ทำให้นักกิจกรรมทั้ง 9 รายตกเป็นจำเลย แต่ทุกคนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้ยื่นขอประกันตัวสู้คดี โดยศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 9 คน ยได้วางเงินประกันรายละ 7 หมื่นบาท
นายมูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ 1 ใน 9 นักกิจกรรมที่ตกเป็นจำเลยในคดี กล่าวว่า ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ขอให้หน่วยงานต่างๆ อย่ากดดันกระบวนการยุติธรรม ไม่กดดันอัยการ ไม่กดดันศาล อยากให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามระบบปกติ เหมือนที่อื่นๆ ในประเทศไทย เพราะเชื่อว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้บิดเบี้ยว
@@ สู้นอกตำรา ยื่นศาลไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่อัยการสั่งฟ้อง
ขณะที่ อับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความของจำเลยทั้ง 9 ราย กล่าวว่า ได้ใช้สิทธิทางกฎหมายยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ศาลทำการไต่สวนมูลฟ้อง ก่อนที่จะมีการประทับรับฟ้องคดี โดยให้พนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนส่งคลิปที่เป็นภาษามลายูมาให้ฝายจำเลยพิจารณาว่า คำที่พูดนั้น ตรงกับที่แปลในคำฟ้องหรือไม่ เพราะคำให้การในชั้นสอบสวนถูกแปลมาแล้ว ซึ่งฝ่ายจำเลยไม่มีความเชื่อมั่นในผู้ที่แปลว่าถูกต้องหรือไม่ มีการตัดต่อหรือไม่ เพิ่มเติมข้อความที่แปลหรือไม่ ฝ่ายจำเลยจึงขอคลิปสดๆ ที่อ้างว่าจำเลยเป็นคนพูด ส่งมาให้ตรวจพิสูจน์ แล้วอัยการค่อยยื่นฟ้อง
แต่ทั้งนี้อัยการไม่อนุญาต อ้างว่าไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำได้ ทำให้ประเด็นที่ฝ่ายจำเลยต้องการ ถูกตัดไป เป็นอันยุติ
@@ “รมว.ทวี” ส่งสารถึงอัยการ “ห่วงคดีฟ้อง 9 นักกิจกรรม”
วันเดียวกัน นายอับดุลเราะมัน มอลอ โฆษกกระทรวงยุติธรรมฝ่ายการเมือง เผยว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ส่งสารถึงอัยการสูงสุดว่า รู้สึกเป็นห่วงคดีฟ้อง 9 นักกิจกรรมชายแดนใต้
โดย นายอับดุลเราะมัน กล่าวว่า “วันนี้นักกิจกรรมคดีชุดมลายูกำลังจะเข้าสู่กระบวนการส่งฟ้องโดยอัยการ นับจากวันที่ตัวแทนกลุ่มมายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความเป็นธรรมเมื่อ 3 เดือนก่อน โดยตลอดมาองคาพยพภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพยายามสื่อสารว่าคดีนี้มีความละเอียดอ่อน กระทบต่อภาพลักษณ์และความรู้สึกประชาชนเป็นวงกว้าง แม้วันนี้เหมือนข้อสรุปจะไม่เป็นดั่งคาดหวัง ผมได้รับสายท่านรัฐมนตรีเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ท่านยังยืนยันว่าไม่ปล่อยมือจากกรณีนี้อย่างแน่นอน”
“กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องความละเอียดอ่อนที่กระทบถึงความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดเหตุ รวมทั้งของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างหลากหลายด้านอัตลักษณ์และวัฒนธรรม จึงขอส่งเรื่องการขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด เพื่อโปรดพิจารณาในการดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ กระทรวงยุติธรรมทราบดีว่าดุลยพินิจความเห็นการสั่งคดีเป็นอำนาจโดยอิสระของพนักงานอัยการที่จะพิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้“