
สถานะความเป็น “เมืองชายแดน” ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หรืออาจรวมถึง 5 จังหวัด) ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบที่กระทบสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองเท่านั้น
แต่ยังมีปัญหาซับซ้อนและแก้ยาก ว่าด้วย “คนไทยตกหล่น” ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรเป็นจำนวนมากด้วย
สาเหตุมีทั้งปัญหาครอบครัวอยู่ห่างไกล, ความไม่สะดวกในการดำเนินการทางทะเบียน, การศึกษาและภาษาที่แตกต่าง รวมไปถึงการไปทำงานเป็นแรงงานตามสวนยางพาราและสวนปาล์มในมาเลเซีย เมื่อมีบุตรจึงไม่สามารถไปแจ้งเกิดได้ และกลายเป็นคนไม่มีสัญชาติ ไม่ว่าจะไทยหรือมาเลย์

ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ จับมือกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการ “ตรวจ DNA คนไทยตกหล่น” เพื่อมอบสัญชาติ ให้คนไทยเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยข้ามไปทำกิจกรรมถึงฝั่งรัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย
อ่านประกอบ : ชาวสยามในมาเลย์ (1) ไร้สัญชาติจากชายแดนใต้ ตัวตนหายที่กลันตัน
ปัจจุบัน ศอ.บต.ยังคงขับเคลื่อนกิจกรรมการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อแก้ไขปัญหาคนไทยที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถเข้าถึงสิทธิเสรีภาพและการบริการขั้นพื้นฐานต่างๆ จากภาครัฐอย่างเท่าเทียม

เป็นการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการปกครอง, สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมฐ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
โดยมีผู้มาตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย มีการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรไปแล้ว 283 คน อยู่ระหว่างดำเนินการ 304 คน
ต่อมาได้ขยายผลไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการดำเนินการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรไปแล้ว 1,971 คน อยู่ระหว่าง ดำเนินการ 1,302 คน

นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ รองโฆษก ศอ.บต. และผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. เปิดเผยถึงแนวทางการขับเคลื่อนกิจกรรมการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ว่า ปัจจุบัน ศอ.บต.ยังคงมีการขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้จบแค่การตรวจสารพันธุกรรม (DNA) รวมทั้งเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรเท่านั้น แต่หลังจากประชาชนได้รับบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ศอ.บต. ยังมีการลงพื้นที่ติดตามคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ทั้งด้านการศึกษา ด้านสวัสดิการของภาครัฐ ด้านการรักษาพยาบาล และอื่น ๆ รวมถึงในอนาคต ศอ.บต.จะขยายหน่วยบูรณาการขับเคลื่อนงานเชิงรุกให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น
สำหรับขั้นตอนในการดำเนินการของผู้ที่อยู่ในสถานะ “คนไทยตกหล่น” สามารถยื่นคำขอการขอรับการตรวจสารพันธุ์กรรม (DNA) ไปยังท้องที่ ท้องถิ่น และอำเภอแต่ละพื้นที่
จากนั้นอำเภอจะแจ้งเรื่องไปยังโรงพยาบาล ซึ่งจะทำหน้าที่ในการคัดกรองพิสูจน์เบื้องต้น และส่งผลแล็บให้กับทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการตามระบบต่อไป

รองโฆษก ศอ.บต. กล่าวอีกว่า สาเหตุหลักของการไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนส่วนใหญ่เกิดจากบิดามารดาไปประกอบอาชีพที่ต่างประเทศ ฝากบุตรหลานไว้กับญาติพี่น้องหรือผู้สูงอายุ ทำให้ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของบัตรประชาชนและสิทธิต่างๆ ที่ภาครัฐได้จัดสรรให้ ทำให้ปล่อยปละละเลยจนไม่ได้แจ้งเกิด หรือแม้แต่กลุ่มคนที่เดินทางไปประกอบอาชีพในประเทศมาเลเซียที่เดินทางไปแบบไม่ถูกกฎหมาย บางรายไปสร้างครอบครัว จนเวลาล่วงเลยไปนาน ทำให้ไม่กล้าแจ้งเกิดบุตรหลาน และเกิดข้อกังวลใจในการไปแจ้งเกิด จนกลายเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน
ในเรื่องนี้ภาครัฐมีความพยายามในการหนุนเสริมให้ประชาชนที่ยังไม่มีบัตรประชาชน ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐที่ประชาชนทุกคนต้องได้ ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้อย่างเท่าเทียม
“ประชาชนท่านใดต้องการที่จะเข้าร่วมกิจกรรมการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) สามารถแจ้งความประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ว่าการอำเภอ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการออกบัตรประชาชน หรือแม้กระทั่ง ศอ.บต. ซึ่งจะทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย สามารถที่จะร้องขอไปยังสถานกงสุลได้ด้วยเช่นกัน” รองโฆษก ศอ.บต.ระบุ

ด้าน น.ส.วาลีเยาะห์ (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้ที่นำครอบครัวเข้าตรวจ DNA เพิ่มชื่อเข้าสู่ระบบทะเบียนราษฎร กล่าวว่า ลูกบางคนไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ประกอบกับลักลอบเข้าไปทำงานในมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย จึงใช้ชีวิตแบบไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง อาศัยการรับจ้างรายวัน เป็นเพราะไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตน สมาชิกในครอบครัวต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
แต่หลังจากได้รับการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) และได้รับบัตรประชาชนแล้วา คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้น ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม
“รู้สึกโล่งใจและดีใจมาก ลูกๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจมากขึ้น” น.ส.วาลีเยาะห์ บอก
