
เรื่องราวของ “ดุซงญอ” ไม่ได้มีแค่ประวัติศาสตร์บาดแผลที่ขนานนามกันว่า “กบฏดุซงญอ” เท่านั้น
แต่เรื่องราวที่เล่าผ่าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระหว่างลงพื้นที่เปิดโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ของ อบต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ทำให้หลายคนได้ทราบเรื่องราวในอีกมุมหนึ่งของดินแดนแห่งนี้
โดยเฉพาะความเจริญและการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในอดีตเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง มีทั้งโรงหนัง โรงแรม โรงไฟฟ้า และโรงเรียนจีน...
วันเสาร์ที่ 24 พ.ค.2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหายาเสพติด โดยไปที่ สภ.จะแนะ อ.จะแนะ และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดุซงญอ อ.จะแนะ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการแก้ปัญหา และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

นอกจากนั้นยังเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น อบต.ดุซงญอ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งจัดขึ้นโดย อบต.ดุซงญอ เป็นการสืบสานองค์ความรู้ท้องถิ่น อัตลักษณ์วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่ทรงคุณค่าของประชาชนในพื้นที่
คำว่า “ดุซงญอ” เป็นมากกว่าชื่อของตำบลหรือหมู่บ้าน หากคือเรื่องราวของผู้คน ความผูกพัน ความรุ่งเรือง และความหวัง นักเขียนท้องถิ่นผู้เป็นบุตรหลานของดุซงญออย่าง คุณชุมศักดิ์ นรารัตน์วงค์ นักเขียนและสื่อสารมวลชน เคยบรรยายความทรงจำอันจับใจว่า
“ดุซงญอในสมัยก่อนเจริญมาก มีโรงหนัง 2 แห่ง มีโรงไฟฟ้าเอง มีประปาหมู่บ้าน โรงแรม โรงเรียนจีน ฯลฯ พ่อเป็นคนแรกในหมู่บ้านที่มีรถจิ๊ปขับ มีคนขับรถให้เป็นชาวไทยมุสลิม การค้าขายส่วนใหญ่ติดต่อกันระหว่างคนไทยพุทธ มุสลิม และคนไทยเชื้อสายจีน โดยไม่เคยมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ด้วยความมีเอื้ออารี

บ้านของเราจะเต็มไปด้วย ตูปะ และของกินในช่วงฮารีรายอจากเพื่อนบ้านมุสลิม ส่วนในตรุษจีน พ่อจะนำขนมเข่งและผลไม้ไปมอบให้พี่น้องมุสลิมฉันญาติมิตร”
นี่คือภาพของสังคมที่เคยเติบโตบนพื้นฐานของความไว้วางใจ ความเข้าใจ และความหลากหลาย ซึ่งถือเป็น “ทุนทางสังคม” ที่มีค่าที่สุดของพื้นที่ชายแดนใต้ และเป็นรากฐานของชุมชนที่เข้มแข็ง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า เราไม่อาจกล่าวถึงดุซงญอโดยไม่กล่าวถึง เหตุการณ์เดือนเมษายน ปี 2491 บทหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่แสดงออกถึงความเจ็บปวด ความไม่เข้าใจ เพื่อการเรียนรู้และก้าวข้ามด้วยสติและสันติ เพราะการพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ได้หมายถึงการลืมอดีต แต่คือการฟังเสียงจากอดีต นำมาออกแบบอนาคตที่เท่าเทียมกว่า เป็นธรรมกว่า และปลอดภัยสำหรับทุกคน

ฉะนั้น “ดุซงญอ” ในวันนี้ จึงไม่ควรเป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ของความทรงจำ แต่ควรเป็นเวทีของการพัฒนาคนรุ่นใหม่ ด้วยศาสนา การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะการพัฒนาคน คือหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ต้องทำให้เยาวชนมีพื้นที่ปลอดภัย มีทักษะชีวิต มีเวทีสร้างสรรค์ และได้รับการยอมรับในฐานะ “เจ้าของอนาคตของชุมชน”
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เราร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เราก็ไม่อาจละเลยภัยคุกคามจากยาเสพติดที่กำลังรุกคืบเข้าสู่ชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและบริเวณชายแดน ปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น ความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และครอบครัวที่เปราะบาง ล้วนทำให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายค้ายาเสพติดได้ง่ายขึ้น
“ผมเชื่อว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องอาศัยพลังจากชุมชน ศาสนา และครอบครัวอย่างแท้จริง เราต้องส่งเสริมการให้ความรู้ ทักษะชีวิต เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เยาวชนได้มีส่วนร่วม สร้างศูนย์เฝ้าระวังชุมชน และกลไกแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า โดยชาวบ้านมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ” พ.ต.อ.ทวี ระบุ

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ มีประชาชนมาร่วมและให้การต้อนรับ พ.ต.อ.ทวี อย่างเนืองแน่น มากกว่า 2,500 คน มีการแจกรางวัลการประกวดซุ้มประตูมัสยิด จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้เดินชมบูธอาหาร จำนวนกว่า 20 บูธ พร้อมทั้งได้ชิมรสชาติอาหารคาวหวาน ซึ่งล้วนแล้วเป็นอาหารประจำถิ่น หรืออาหารโบราณที่สามารถหากินได้ในเฉพาะพื้นที่ เช่น แกงกะทิปลาซ่อน ขนมต้ม ขนมไข่ เป็นต้น
