ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ภายใต้การกำกับดูแลของ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้มีการปรับแผนเยียวยา
ทั้งเน้นงานเชิงรุก เข้าถึงผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ใช่นั่งรอให้เหยื่อต้องเดินเข้ามาหา ขณะเดียวกันก็เข้าไปสร้าง “พื้นที่กลาง” ให้ชุมชน เพิ่มเติ่มจากการเยียวยาปกติที่ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ล่าสุดได้มอบหมายให้ นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เยียวยา ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่อำเภอ ร่วมลงพื้นที่เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายไม่ทราบกลุ่มลอบวางระเบิดบริเวณสถานที่จัดงานกาชาด ที่จัดขึ้นบริเวณถนนสวนสมเด็จฯ ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี
เหตุร้ายในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.45 น. ของวันที่ 20 มิ.ย.68 ช่วงระหว่างที่มีงานกาชาด มีเสียงระเบิดดังขึ้นถึง 3 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทำให้บรรยากาศของงานในวันถัดมาซบเซา หลายร้านเก็บของกลับ ไม่กล้าเปิดขายต่อ
การลงพื้นที่รอบนี้ นายธีรวิทย์ได้พูดคุยให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าเยี่ยมในนาม เลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อบำรุงขวัญแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย ส.ต.อ.สหภาพ พัสสระ อายุ 29 ปี ด.ต.อรรถวุฒิ ณ สงขลา อายุ 35 ปี ซึ่งทั้งสองเป็นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และ นายซอลีฮี ดือราแม อายุ 27 ปี
ทั้งนี้ ศอ.บต. โดยจังหวัดปัตตานีได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาขั้นต่ำเบื้องต้นกรณีบาดเจ็บ รายละ 10,000 บาท และจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เป็นไปตามเอกสารใบรับรองแพทย์ และตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดต่อไป
นายธีรวิทย์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดว่า ศอ.บต.และหน่วยที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกคนให้มีสิทธิ์และเข้าถึงสวัสดิการตามที่สมควรจะได้รับ
นายซอลีฮี ดือราแม ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด กล่าวว่า รู้สึกมีกำลังใจและอุ่นใจหลังได้รับฟังหลักเกณฑ์การดูแลและเยียวยา ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ได้มาดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดตั้งแต่วันแรก วันนี้มี ศอ.บต.มาก็ดีใจ
“ผมเป็นลูกจ้างร้านค้า ตอนเกิดเหตุอยู่ที่เต็นท์ ได้ยินเสียงระเบิดลูกที่สองก็หนีไปอีกด้าน เลยมาโดนระเบิดลูกที่ 3 ทำให้ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลตรงสะโพก ขอบคุณ ศอ.บต.และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ห่วงใย”
@@ นวัตกรรมใหม่เยียวยา สร้างพื้นที่กลางให้ชุมชน
อีกด้านหนึ่ง นายเสกสิทธิ์ สวรรยาธิปัติ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนารายบุคคลในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการช่วยเหลือเยียวยาสามารถตรวจสอบความก้าวหน้า ปรับปรุงกระบวนการ วางแผนการพัฒนารายบุคคลของผู้ได้รับผลกระทบฯ ประเมินผลลัพธ์ และสร้างทักษะการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการนี้ ศอ.บต.ยังเพิ่มงานเชิงรุกเข้าหาชุมชน เพื่อเยียวยาชุมชน โดยการสร้าง “พื้นที่กลาง” เพื่อความสงบสุขภายในชุมชน โดยใช้เคสจากเหตุยิงชาวบ้านในชุมชนบ้านปลักปลา ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และเคสยิงสามเณร ในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นเคสนำร่องในการสร้างพื้นที่กลาง
นายเสกสิทธิ์ กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ทำให้เกิดองค์ความรู้ ความเข้าใจ และเกิดทักษะการวางแผนพัฒนารายบุคคลในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานที่เน้นการดูแลและบริหารจัดการกรณีเฉพาะบุคคล หรือเหตุการณ์เฉพาะ เพื่อให้สามารถคัดกรองและประเมินผลผู้ได้รับผลกระทบฯ ในรายที่มีปัญหาที่ต้องได้รับการติดตามอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันก็จะมีการพิจารณา ประเมินผลเพื่อยุติการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ ทั้งรายเก่าและรายใหม่ ในกรณีสามารถช่วยเหลือหรือพึ่งพาตนเองได้แล้ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเจ้าหน้าที่ในการนำไปใช้กับการปฏิบัติงานด้านการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข
สำหรับงานด้านการเยียวยาของ ศอ.บต. ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากการเยียวยารายบุคคลตามระเบียบ ขณะนี้ยังได้เพิ่มการเยียวยาเชิงรุก คือ “การเยียวยาชุมชน” โดยการสร้าง “พื้นที่กลาง” ให้ชุมชน ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการเยียวยา เพราะว่าหลังจากเกิดเหตุแล้ว ก็จะเป็นเหตุที่ทำให้ชุมชนเกิดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
เช่น กรณีที่สะบ้าย้อย จากเหตุการณ์คนร้ายยิงรถยนต์กระบะของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย ขณะรับส่งพระและสามเณรไปบิณฑบาต ทำให้สามเณรมรณภาพ 1 รูป คือ สามเณรวงศกร ชูมาปาน อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของ ร.ต.ท.วัฒนา เจ้าของรถ และยังมีสามเณรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 รูป คือ สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป อายุ 12 ปี เหตุเกิดบริเวณถนนสวนโอน ท้องที่บ้านคลองเรียน ห่างจากวัดเกาะอภินิหาร หรือวัดกุหร่า ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย ประมาณ 500 เมตร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 เม.ย.68
และกรณีที่ตากใบ จากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงชาวบ้านไทยพุทธ เหตุเกิดบริเวณกลุ่มบ้านหลายหลังใน ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายดำ จันทร์คง อายุ 70 ปี, ด.ญ.สสิตา จันทร์คง อายุ 9 ปี และ นายแดง ตุนาสุข อายุ 58 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ค.68
โดย ศอ.บต.และหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการเปิด “พื้นที่กลาง” ให้กับพ่อแม่พี่น้องในชุมชนได้เข้ามาร่วมมีปฏิสัมพันธ์กัน มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน รับฟังปัญหา และขอคำแนะนำ ที่สำคัญคือมาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามกระบวนการ
@@ จัดกิจกรรมพบปะ เพิ่มความใกล้ชิด ลดความหวาดระแวง
ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า การลงพื้นที่ของ ศอ.บต. เป็นจุดเริ่มต้นในเรื่องของการดำเนินการประสาน เปิดเวทีให้พ่อแม่พี่น้องในพื้นที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ถือเป็นการนำร่องจากพื้นที่นี้ แต่ในอนาคตกิจกรรมลักษณะนี้ก็จะเป็นโมเดลให้กับพื้นที่ต่างๆ ทำร่วมกันในการแก้ไขปัญหา
“ศอ.บต.จะสนับสนุนกิจกรรมนี้ในลักษณะเป็นพื้นที่กลางให้กับชุมชนเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน คิดว่าหลังจากเกิดเหตุ ระยะห่างระหว่างพ่อแม่พี่น้องอาจจะอยู่ไกลกันนิดหนึ่ง ความหวาดระแวง เคลือบแคลงใจ สงสัย ความไม่เข้าใจกันอาจจะมากขึ้น แต่หลังจากที่เราลงพื้นที่ 2-3 ครั้ง ก็จะเห็นได้ว่าการสื่อสาร รวมถึงภาษากายของพ่อแม่พี่น้องรู้สึกว่ามีความใกล้ชิด กล้าพูดกล้าที่จะคุยมากขึ้น”
“ที่สำคัญคือเราจะมีกิจกรรมร่วมกัน อย่างเช่นที่ อ.สะบ้าย้อย วันที่ 8 ก.ค.68 จะมีการทำกิจกรรมวันครบรอบการสูญเสียของสามเณรที่มรณภาพ และก็จะมีกิจกรรมอื่นๆ แทรก เป็นกิจกรรมการพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกัน กินกาแฟยามเช้า รวมทั้งกิจกรรมของตากใบก็เช่นกัน ก็จะมีกิจกรรมลักษณะนี้หลายๆกิจกรรม เรามุ่งหวังอยากให้ชุมชนกลับมาเป็นปกติ ระยะห่างของพ่อแม่พี่น้องจะได้ใกล้ชิด แล้วก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติต่อไป” ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.ระบุ