
การสูญเสีย “สามเณรวงศกร” จากการถูกคนร้ายลอบยิง เป็นเหตุรุนแรงจากพื้นที่ชายแดนใต้ที่ช็อกความรู้สึกคนไทยมากที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของปี 2568
เพราะสามเณรวงศกร เป็นสามเณรที่เพิ่งบรรพชา กำลังออกบิณฑบาตครั้งแรก ในเช้าวันแรกที่ครองผ้าเหลือง และคนที่ขับรถพาสามเณรไปออกรับบาตร ก็คือบิดาของเณรเอง ซึ่งเป็นตำรวจ
นับเป็นเหตุสะเทือนใจชาวพุทธ และคนเป็นพ่อเป็นแม่แทบทุกคนไม่มีใครยอมรับได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา หนึ่งในสี่อำเภอรอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคง และประกาศใช้กฎหมายพิเศษ คือ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
วันที่เกิดเหตุคือ 22 เม.ย.68 หลังวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์มาเพียงไม่กี่วัน คนร้ายได้ดักยิงรถกระบะของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย ขณะรับส่งพระและสามเณรไปบิณฑบาต ทำให้สามเณรวงศกร ชูมาปาน อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของ ร.ต.ท.วัฒนา เจ้าของรถ มรณภาพ และยังมีสามเณรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 รูป คือ สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป อายุ 12 ปี เหตุเกิดบริเวณถนนสวนโอน ท้องที่บ้านคลองเรียน ห่างจากวัดเกาะอภินิหาร หรือวัดกุหร่า ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย ประมาณ 500 เมตร

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.68 ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบการสูญเสียที่น่าเศร้าครั้งนี้ ในพื้นที่มีพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลจากผู้คนในชุมชน
ขณะที่ ศอ.บต. หรือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรับผิดชอบงานเยียวยาและดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง รวมถึงครอบครัว ได้พยายามพลิกวิกฤตร้ายให้เป็นโอกาส ด้วยการนำร่อง “เยียวยาชุมชน” เป็นกิจกรรมเชิงรุกเข้าหาชุมชนในงานด้านเยียวยาของ ศอ.บต.
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ แต่มีความสำคัญ และเยียวยาความขัดแย้ง ความหวาดระแวงในระดับชุมชนได้ ด้วยการสร้าง “พื้นที่กลาง” ให้ชุมชน ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการเยียวยาที่ใช้การทำกิจกรรมร่วมกันในการสร้างความสงบสุข และร่วมใจกันป้องกันเหตุร้ายไม่ให้เกิดซ้ำอีก และหยุดบาดแผลความขุ่นข้องหมองใจไม่ให้ลุกลาม
โดย ศอ.บต.ได้ใช้เหตุการณ์ยิงชาวบ้านในชุมชนบ้านปลักปลา ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นชุมชนไทยพุทธ มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 22 พ.ค.68 และเหตุการณ์ยิงสามเณรวงศกร เป็นกรณีนำร่องในการสร้าง “พื้นที่กลาง”

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้มอบหมายให้ นายธีรวิทย์ เธียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. เป็นประธานในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่สามเณรวงศก ซึ่งเป็นการทำบุญ 50 วัน ที่วัดกุหร่า หรือวัดเกาะอภินิหาร
แม้จะผ่านมา 50 วันแล้ว แต่ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน และ น.ส.วรรณศิลป์ กลิ่นบุญแก้ว พ่อและแม่ของ สามเณรวงศกร ที่มรณภาพ ยังคงโศกเศร้า และน้ำตานองหน้าทุกครั้งเมื่อพูดถึงลูกชาย ขณะเดียวกัน ศอ.บต. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และส่งเจ้าหน้าที่ทีมเยียวยาจิตใจลงพื้นที่ติดตามอย่างต่อเนื่อง
การร่วมจัดทำงานบุญอุทิศส่วนกุศลครบรอบ 50 วัน สามเณรวงศกร เป็นกิจกรรมสร้าง “พื้นที่กลาง” เพื่อฟื้นฟูจิตใจพี่น้องประชาชนทั้งพุทธ มุสลิมในพื้นที่ ให้สามารถกลับคืนมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข โดยหลังจากเสร็จพิธีทำบุญ พี่น้องทั้งพุทธ มุสลิมในพื้นที่ได้ร่วมพูดคุย รับประทานขนม และให้กำลังใจกันและกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการฟื้นความสัมพันธ์ของคนในชุมชน

นอกจากการทำงานบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับสามเณรแล้ว ยังมีอีก 2 กิจกรรมที่ ศอ.บต.จัดต่อเนื่อง คือ กิจกรรมจิบกาแฟยามเช้าเพื่อกระชับสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง ป้องกันการขยายผลข่าวลือในเชิงลบที่อาจสร้างความแตกแยกจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีในพื้นที่ และกิจกรรมกีฬาสี สร้างความสามัคคีของคนในชุมชน ที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ด้วย
นายธีรวิทย์ กล่าวกับครอบครัวสามเณรวงศกร และชาวชุมชนบ้านคลองเรียน ต.เปียน ว่า เลขาธิการ ศอ.บต.ฝากความห่วงใย และส่งกำลังใจถึงทุกคน พร้อมรับปากว่าเจ้าหน้าที่จะติดตามและให้กำลังใจอย่างครอบครัวอย่างต่อเนื่องและเป็นพิเศษต่อไป
ด้าน พระมานพ มหาวิโร เจ้าอาวาสวัดเกาะอภินิหาร หรือวัดกุหร่า กล่าวว่า เราอยู่อย่างพหุวัฒนธรรม ช่วยเหลือดูแลกัน ไม่เคยแบ่งแยกศาสนา

“งานที่มัสยิด อาจารย์ก็ไปช่วย ถ้าไม่ได้ร่วม เขาก็จะมาขอข้าวของไปจัดงาน อาจารย์ไม่เคยปฏิเสธ อาจารย์อยู่กับอิสลามมาก่อน จะรู้จักนิสัยเขาดี” พระมานพ บอก
และว่า “เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของคนส่วนน้อย อย่างไทยพุทธก็เหมือนกัน ให้ดีทั้งหมดมันก็ไม่มีทาง ให้ชั่วทั้งหมดมันก็ไม่ใช่ อยู่กลางๆ พวกเราก็ต้องอยู่แบบธรรมชาติ ขอให้มีสิ่งที่ดีอยู่ในใจก็แล้วกัน”
ขณะที่ นายประเสริฐ ดอเลาะ หรือ “กำนันแอ” กำนันตำบลเปียน กล่าวว่า ปกติแล้วในหมู่บ้านเรา พี่น้องจะอยู่ด้วยกัน มีความรักสามัคคีกัน เวลามีงานของมุสลิม เจ้าอาวาสวัดกุหร่า และพี่น้องพุทธก็จะนำข้าวของไปช่าวย ทั้งอาหาร ข้าวสาร บริจาคเงินช่วยเหลือ

ส่วนเวลามีงานวัด ทอดผ้าป่าหรืองานอะไรก็ตาม พี่น้องมุสลิมก็จะมาอำนวยความสะดวก นำอาหาร เครื่องดื่มมาช่วยกัน
“หลังจากเกิดเหตุการณ์ยิงสามเณร คนในพื้นที่เข้าใจดี เพราะส่วนมากปัญหาที่เกิด รวมถึงครั้งนี้ เป็นคนข้างนอกที่มาสร้างปัญหา คนในพื้นที่เขาเข้าใจ ทางวัดก็เข้าใจ จนถึงตอนนี้คนในชุมชนเขาก็อยู่ด้วยกันได้ปกติ” กำนันแอ ระบุ
การสร้างพื้นที่กลาง จึงนับเป็นโครงการความหวังที่จะรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดนใต้เอาไว้ เป็นแรงต้านไม่ให้กลุ่มคนผู้ไม่หวังดีตอกลิ่มความสัมพันธ์ของผู้คน แล้วหาประโยชน์จากความขัดแย้งและความรุนแรง...ดังที่พวกเขาเจตนา!
