
เรื่องราวการส่งเสริมอาชีพเลี้ยง “ชันโรง” สร้างรายได้ในระดับครัวเรือนและชุมชนชายแดนใต้ เคยได้รับการบอกเล่านำเสนอผ่านสื่อมาหลายครั้ง
ทั้งการต่อยอดงานวิจัยของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ในรูปของโอท็อป กลุ่มเกษตรกร และพัฒนาสู่วิสาหกิจชุมชน
อ่านประกอบ : “ผึ้งชันโรง” พระเอกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกชีวิตชุมชนชายแดนใต้หลังโควิดจาง
ขยายสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับอดีตผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง เพื่อตัดวงจรการเข้าร่วมขบวนการที่ใช้ความรุนแรง ภายใต้การสนับสนุนส่งเสริมของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.
อ่านประกอบ : เยียวยาตัดวงจรไฟใต้.. สร้างอาชีพผู้ต้องสงสัยคดีมั่นคง
กระทั่งล่าสุด ศอ.บต.ยังแตกแขนงโครงการไปสู่การสร้างอาชีพให้กับผู้เสพยาเสพติดที่เข้าระบบบำบัด เพื่อให้กลับคืนสู่ชุมชนโดยมีวิชาชีพติดตัว คราวนี้มุ่งตัดวงจรเครือข่ายค้ายา
เพราะเมื่อไม่มีความต้องการจากผู้เสพ ย่อมไม่มีมูลค่าสำหรับผู้ขาย เป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนแท้จริง

ปัจจุบันอาชีพเลี้ยง “ชันโรง” กำลังที่เป็นที่สนใจของชุมชนในหลายพื้นที่ เนื่องจากสามารถสร้างรายได้จำนวนมาก ลงทุนครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แบบยาวๆ อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ
“ชันโรง” เป็นชื่อเรียกประจำถิ่น ความหมายคือ “ผึ้งจิ๋ว” เป็นแมลงผสมเกสรตัวเล็กๆ จัดอยู่ในจำพวกผึ้ง แต่ไม่มีเหล็กในเหมือนผึ้ง บางคนเรียก “แมลงจิ๋ว”
ข้อมูลจากเว็บไซต์เทคโนโลยีชาวบ้าน ระบุว่า “ชันโรง” มีวิวัฒนาการสูงกว่าผึ้งป่าและผึ้งหึ่ง อีกทั้งชันโรงยังให้น้ำผึ้ง โดยน้ำผึ้งและเกสรของชันโรงมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งทั่วๆ ไป เนื่องจากเชื่อกันว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า เพราะรังของชันโรงหายาก และมีปริมาณน้ำผึ้งน้อย
@@ วิสัยทัศน์ ศอ.บต. “ชันโรง” จรรโลงชีวิตอดีตผู้เสพ

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ไม่พลาดที่จะเล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมอาชีพให้พี่น้องชายแดนใต้ จึงมอบหมายให้ นายธีรวิทย์ เธียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. พร้อมด้วย นายอิบรอเหม เบ็ญนา นักจัดการงานทั่วไป ชำนาญการพิเศษ ศอ.บต. ลงพื้นที่ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งชันโรง” ที่บ้านเกาะแลหนัง ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา เพื่อมอบแม่พันธุ์ผึ้งชันโรงสายพันธุ์ขนเงิน จำนวน 3 ลัง พร้อมอุปกรณ์ส่งเสริมอาชีพ ให้กับกลุ่มฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และกลุ่มเมืองดาหลา (มวลชนจิตอาสา ดาหลาบารู) จำนวนกว่า 100 คน
เลขาธิการ ศอ.บต.วางเป้าหมายว่า หลังจากนี้กลุ่มฟื้นฟูผู้เสพยา ซึ่งได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพ จะสามารถกลับไปต่อยอดแม่พันธุ์ผึ้งชันโรงใน 1 ปี ได้ถึง 30-40 ลัง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นครอบครัวละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท
อาชีพเลี้ยงชันโรงจึงเป็น “ซอฟต์ พาวเวอร์” ที่ใช้ส่งเสริมอาชีพให้กับผู้บำบัดยาเสพติดและกลุ่มเสี่ยง เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ตัดโอกาสการหวนกลับสู่วงจรยานรก
@@ “ชันโรง” อนาคตสดใส ตลาดใหญ่-ดีมานด์เพียบ

นายสมศักดิ์ หนิหลง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งชันโรง บ้านเกาะแลหนัง เผยว่า ศอ.บต.ได้มาส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มผู้บำบัดยาเสพติดและกลุ่มสมาชิกเมืองดาหลา 1 คนต่อ 1 ตำบล รวม 100 ตำบล จาก 4 จังหวัดภาคใต้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้ผู้เข้ารับการบำบัด
“สำหรับผู้ที่มาฝึกที่นี่ เราจะถือว่าเขาเป็นเครือข่ายของเรา เราจะรับซื้อผลผลิตของเขาตลอดไป ขณะนี้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 700 บาท เพราะตลาดตอนนี้ต้องการจำนวนมาก และที่ผลิตได้อยู่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้สามาถผลิตได้แค่ 500 กิโลกรัมต่อเดือน แต่ที่ตลาดต้องการ ประมาณ 1 ตันต่อเดือน ถือว่ามีช่องทางสร้างรายได้อีกจำนวนมาก” ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ กล่าว
นางรอพีอะ สาแม สมาชิกกลุ่มเมืองดาหลา กล่าวว่า ศอ.บต.ได้ส่งเสริมอาชีพ ให้ความรู้ และมอบแม่พันธุ์ผึ้งชันโรงสายพันธุ์ขนเงินให้กับผู้บำบัดยาเสพติด และสมาชิกเมืองดาหลา ได้เรียนรู้ถึงการเลี้ยงผึ้งชันโรง การขยายพันธุ์ และการเก็บน้ำผึ้ง ถือว่าได้ความรู้เยอะมาก
@@ สร้างอาชีพดีกว่า...บอกลาพืชกระท่อม

“หลังจากได้รับตัวแม่พันธุ์ จำนวน 3 กล่อง และตัวขยายพันธุ์อีก 3 กล่อง รวมถึงอุปกรณ์ที่สามารถกลับไปสร้างอาชีพได้ เราจะสามารถขยายพันธุ์หลังจากนี้เพิ่มอีก 3 กล่อง รวมเป็น 6 กล่อง พอถึง 1 ปี เราจะได้แม่พันธุ์ 34 กล่อง และใน 1 กล่อง สามารถทำรายได้ประมาณ 1,200 -1,500 บาท ตั้งใจว่าจะกลับไปทำให้ได้ เพราะเป็นอาชีพที่ทำรายได้จำนวนมาก ก็ต้องขอบคุณ ศอ.บต.ที่ให้ความสำคัญกับชาวบ้าน”
นางรอพีอะ กล่าวด้วยว่า เรื่องของยาเสพติด โดยเฉพาะพืชกระท่อม ยืนยันว่าชาวบ้านไม่เอา ทุกคนปฏิเสธหมด ดีใจที่ทุกหน่วยร่วมกันปราบปราม มั่นใจว่าอนาคต กระท่อมจะต้องกลับคืนสู่บัญชียาเสพติด เชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้และ ศอ.บต. จะไม่ปล่อยให้มี “กระท่อมเสรี” อีกต่อไป ตอนนี้ในพื้นที่ ทุกบ้านยืนยันว่าไม่เอากระท่อม
“พวกเราไม่ต้องการกระท่อมเสรี” รอพีอะ ย้ำ
@@ สร้างอาชีพ - ตัดวงจรยา - ค้ากระท่อมไร้ที่ยืน

ด้าน นายธีรวิทย์ เธียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. กล่าวถึงการให้ความรู้เรื่องยาเสพติดและการขับเคลื่อนงานปราบปราม “วาระพืชกระท่อม” ว่า วันนี้ รัฐบาล ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งปัจจุบันได้เปิดแผนปฏิบัติการขับเคลื่อน โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 150 ชุมชน กับการแก้ไขปัญหาพืชกระท่อม ภายใน 120 วัน
“ถนนสายหลักทุกสาย ภายใน 120 วันต้องไม่มีการค้าขายพืชกระท่อม ซึ่งได้เริ่มแล้ว ที่ปัตตานี ยะลา ถนนบางสายชุมชนลุกขึ้นมาเอง ไม่เอากระท่อม เพราะเขารู้แล้วว่าวันนี้เรามีศัตรูคนเดียวกัน ก็คือยาเสพติด”
ส่วนการให้ความสำคัญในเรื่องของการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ผ่านการบำบัดและกลุ่มเสี่ยงนั้น นายธีรวิทย์ บอกว่า ศอ.บต.เน้นมาก เพราะการสร้างอาชีพจะช่วยให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน
“วันนี้รัฐบาลมีความจริงจัง ทุกหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ทั้ง ศอ.บต. กอ.รมน. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะพลังจิตอาสาและพลังของผู้นำศาสนาที่จะต้องเข้ามาช่วย อย่าง พืชกระท่อม ผู้นำศาสนาได้ ‘ฟัตวา’ แล้วว่าทำให้มึนเมา และฮะรอม (ต้องห้ามตามหลักศาสนา) พวกเราต้องร่วมกันใช้พลังทางสังคมกดดัน จนทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับกระท่อมอยู่ไม่ได้” ขุนพล ศอ.บต. ระบุ
