
ในห้วงเวลาที่การปราบปรามยาเสพติดยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำเสนอมิติใหม่ของการแก้ไขปัญหา ด้วยการเปิด “ปอเนาะ” ในเรือนจำ
แนวคิดนี้เป็น 1 ใน 6 ไอเดียที่ พ.ต.อ.ทวี ผุดขึ้นระหว่างลงพื้นที่ติดตามงานการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเน้นการบำบัดผู้เสพ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค.68 ที่ จ.ปัตตานี จัดเป็นอีกหนึ่งในโครงการนำร่องที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูผู้ต้องขังมุสลิมให้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ โดยมอบโอกาสด้านการศึกษา

อ่านประกอบ : โชว์ 6 ไอเดียหนุนปราบยา เปิดปอเนาะในเรือนจำ จัดฉลองผู้พ้นโทษ เหมือนกลับจากทำฮัจย์
แนวคิดดังกล่าวไม่ใช่เป็นเพียงนโยบายจากภาครัฐ แต่เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความเชื่อของคนในพื้นที่ ทว่าข้อเสนอลักษณะนี้ก็มีความอ่อนไหวอยู่เหมือนกัน เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะมีบางฝ่ายคัดค้าน
“ทีมข่าวอิศรา” จึงลงพื้นที่สำรวจความเห็นจากทั้งนักวิชาการและครอบครัวผู้ต้องขังมุสลิม ปรากฏว่าทุกคนมองเห็นถึงโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ที่ก้าวพลาด

ดร.อับดุลฮาฟิซ หิเล เจ้าของโรงเรียนลุกมานูลฮากีม จ.ยะลา ซึ่งเป็นโรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่ง มองว่า โครงการนี้เป็นมิติที่ถูกใจชาวบ้าน และสามารถทำได้จริง โดยเสนอให้สร้างบรรยากาศภายในเรือนจำให้เหมือนกับสถาบันการศึกษาทางศาสนา
“อยากให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ในปอเนาะ” ดร. อับดุลฮาฟิซ กล่าว และว่า เพียงแค่จัดห้องเรียนให้โต๊ะครูเข้าไปสอนวิชาศาสนาตามแบบดั้งเดิมของปอเนาะ นั่นคือการเรียนอัลกุรอาน ฮะดีษ (บันทึกคำพูด การกระทำ และการยอมรับของนบี) และกีตาบ (หนังสือทางศาสนา) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยหล่อหลอมจิตใจของผู้ต้องขังให้ดีขึ้น
ดร.อับดุลฮาฟิซ ยังมองการณ์ไกลไปถึงการต่อยอดการศึกษา โดยแนะนำให้แยกกลุ่มผู้ต้องขังที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว ให้มีโอกาสเรียนต่อปริญญาตรีแบบออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ต้องขังเหล่านี้มีอนาคตที่มั่นคงหลังพ้นโทษ

ขณะที่เสียงสะท้อนจากครอบครัวผู้ต้องขังยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของโครงการนี้ นางเยาะ แม่ของผู้ต้องขังรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวด้วยน้ำเสียงแห่งความหวังว่า “ถ้าในเรือนจำมีปอเนาะด้วย จะดีมาก เพราะเชื่อว่าศาสนาจะสอนคนให้ดีได้”
เธอเล่าว่า ลูกชายของเธอเคยติดยาเสพติด ตอนนี้เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ เพราะได้ละหมาดไม่ขาด และการอ่านอัลกุรอาน เมื่อก่อนไม่เคยทำเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนเป็นแม่เป็นอย่างมาก
จากคำบอกเล่าของนางเยาะ ทำให้มองเห็นว่าการมีปอเนาะในเรือนจำไม่ใช่แค่การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา แต่เป็นกระบวนการหรือช่องทางในการเยียวยาจิตใจที่สำคัญที่สุดที่จะนำผู้ต้องขัง โดยเฉพาะมุสลิม กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง

นายศรชัย ตลาสุข ผู้บัญชาการเรือนจำกลางยะลา รักษาการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี บอกว่า ตอนนี้กำลังดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์การเรียนการสอนอัลกุรอานระบบกีรออาตี (เป็นนวัตกรรมการอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่านแบบมีผลสัมฤทธิ์เร็ว) เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังมุสลิม และป้องกันการกลับไปกระทำผิดซ้ำ
เขาอธิบายแนวทางการดำเนินงานว่า เรือนจำได้คัดเลือกผู้ต้องขังคดีความมั่นคงและคดีอื่นๆ ที่มีความรู้ด้านศาสนา เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็น “ครูผู้ช่วยสอน” โดยมีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะให้กับผู้ต้องขังคดียาเสพติดและผู้ต้องขังอื่นๆ

“การเรียนรู้และเข้าใจความหมายของคัมภีร์อัลกุรอานจะช่วยให้ผู้ต้องขังสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเชิงบวก และเป็นไปตามพันธกิจของกรมราชทัณฑ์ในการสร้างคนดีคืนสู่สังคมในที่สุด”
รักษาการ ผบ.เรือนจำปัตตานี ยืนยันว่า เรือนจำปัตตานีมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการพัฒนาการศึกษาผู้ต้องขังในทุกมิติ ทั้งทางด้านวิชาชีพและศาสนา
