
แม่ทัพภาค 4 ขึ้น ฮ.บินสำรวจพื้นที่ป่าเขา ซอกหลืบชะง่อนผา หลังหน่วยข่าวรายงานกลุ่มป่วนใต้ลักลอบขนอาวุธเข้าชายแดนใต้ สนับสนุนฝ่ายกองกำลัง เตรียมก่อเหตุใหญ่ ถกชุดควบคุมสุริโยทัย - ฉก.นราธิวาส วางแผนสกัดกั้น
วันอังคารที่ 12 ส.ค.68 พล.ทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจทางอากาศ เพื่อประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ หลังได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองยืนยันความเคลื่อนไหวผิดปกติของกลุ่มก่อความไม่สงบ คาดว่ามีการลักลอบขนอาวุธข้ามพรมแดน
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เพ่งเล็งไปยังเส้นทางสำคัญที่อาจเป็นช่องทางลำเลียงอาวุธ รวมถึงจุดซ่อนเร้นตามซอกเขาหรือพื้นที่ป่าหนาแน่น เพื่อเอกซเรย์หาแหล่งพักพิงและความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ขณะเดียวกันยังเป็นการประเมินความพร้อมของฐานปฏิบัติการและจุดตรวจชายแดน เพื่อให้มั่นใจว่ากำลังพลในพื้นที่ยังคงมีประสิทธิภาพสูงสุด
รายงานข่าวกรองระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีการขนอาวุธข้ามแดน มีทั้งอาวุธสงครามและเครื่องกระสุน เพื่อเติมให้กับฝ่ายกองกำลังที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าอาจมีแผนเตรียมก่อเหตุรุนแรงครั้งใหญ่

หลังเสร็จสิ้นภารกิจทางอากาศ ได้มีการประชุมฉุกเฉินทันที โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ร่วมหารือกับชุดควบคุมสุริโยทัย และหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการ ทังปิดเส้นทางลำเลียงสายหลักและสายรอง การเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด
พล.ท.ไพศาล กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมว่า "สถานการณ์ชายแดนในขณะนี้คือหัวใจของความมั่นคงของชาติ เราจะปล่อยให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีโอกาสเสริมกำลังด้วยอาวุธและยุทโธปกรณ์ไม่ได้"
@@ งัดกฎอัยการศึก ให้อำนาจ “ทหาร” ปราบยา!

เมื่อเร็วๆ นี้ พล.ท.ไพศาล แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาคใต้ภาค 4 ส่วนหน้า (ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้ออกประกาศกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาคใต้ภาค 4 ส่วนหน้า เรื่อง ให้ยาเสพติดเป็นภัยที่กระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เนื้อหาของประกาศ ระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทวีความรุนแรงและมีความซับซ้อนในการป้องกันและปราบปรามมากขึ้น จนกระทบต่อโดยตรงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคง
ทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด ทำให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องทำการแก้ไขและดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในการสกัดกั้นและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2568” จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ประกาศให้ยาเสพติดเป็นภัยกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ทหารที่บรรจุในโครงสร้างของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า บังคับใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.68 เป็นต้นไป
