ขมวด 2 เงื่อนปม-ข้อเท็จจริง เอกชนควักเงินสนับสนุนโต๊ะจีน พปชร.ที่ กกต. ยังไม่สอบ?

เขียนวันที่

วันอาทิตย์ ที่ 17 มีนาคม 2562 เวลา 20:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Isranews | Investigative | ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | ข่าวเด่นสืบสวน

Tags

“…จากข้อเท็จจริงเห็นได้ว่ามีเอกชนหลายแห่งที่ล้วนเคยเป็นคู่สัมปทานรัฐ หรือคู่สัญญารัฐ เอาแค่อย่างน้อยเอกชน 7 แห่ง ที่เป็นคู่สัญญารัฐในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รวมกว่า 7.3 พันล้านบาท ดังนั้น กกต. จำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคล และนิติบุคคล เหล่านี้ให้ครบถ้วนด้วยว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจจริง หรือว่าเป็นเงินมาจากแหล่งอื่น และแหล่งอื่นที่ว่าคือแหล่งใด ใครเป็นคนให้ ?...”

PIC tohchina 17 3 62 1

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานแล้วว่า การจัดงานโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา มียอดเงินระดมทุนรวม 352 ล้านบาทเศษ แบ่งเป็น 2 ล็อต ล็อตแรก แจ้งแก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2562 รวม 24 รายการ วงเงิน 90 ล้านบาท ล็อตสอง แจ้งแก่ กกต. ช่วงต้นเดือน ก.พ. 2562 รวม 60 รายการ วงเงิน 262 ล้านบาทเศษ โดยมีบุคคลชื่อดัง เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ รวมถึงนิติบุคคลหลายแห่งร่วมจ่ายเงินสนับสนุนโต๊ะจีนดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเครือคิงพาวเวอร์ เครือทีพีไอ เครือล็อกซเลย์ บริษัท อิตาเลียน ไทย จำกัด (มหาชน) นายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง นายสรรเสริญ จุฬางกูร เจ้าของเครือซัมมิท (คนละส่วนกับไทยซัมมิทของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ แต่ทั้งสองตระกูลเป็นเครือญาติกัน) เป็นต้น (อ่านประกอบ : ครบทุกชื่อ!เงินโต๊ะจีน พปชร.ล็อตใหม่ 60 ราย 262 ล.-เกินกำหนด 1 เดือน ยังอุบอีก270ล้าน, เปิดยอดระดมทุนโต๊ะจีนล็อตใหม่ 262 ล.-‘ประยุทธ-บิ๊กเครือซัมมิท-อิตาเลี่ยนไทยฯ’มาด้วย)

อย่างไรก็ดีสำนักข่าวอิศราได้ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของบริษัทที่สนับสนุนเงินระดมทุน จนถึงขณะนี้ (เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2562) พบว่า มีอย่างน้อย 5 แห่ง ที่บางแห่งมีรายได้น้อย บางแห่งไม่มีรายได้ หรือบางแห่งขาดทุนมาโดยตลอด แต่กลับมีเงินสนับสนุนงานระดมทุนโต๊ะจีน พปชร. หลัก 1-3 ล้านบาท อย่างไรก็ดีกรรมการบริษัทเหล่านี้ต่างชี้แจงว่า ส่วนใหญ่ทำสัญญากับหน่วยงานรัฐช่วงปี 2561 จึงนำเงินส่วนนั้นมาสนับสนุนให้กับ พปชร. ดังกล่าว

เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศราสรุปข้อเท็จจริงให้สาธารณชนรับทราบอีกครั้ง ดังนี้

หนึ่ง บริษัท แบรนด์ดิ้ง โซลูชั่น จำกัด สนับสนุนเงิน 1 ล้านบาท

บริษัทแห่งนี้แจ้งงบการเงินเมื่อปี 2560 ระบุว่า ไม่มีรายได้ มีรายจ่าย 2,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ส่วนปี 2559 แจ้งว่า มีรายได้รวม 53.55 บาท รายจ่ายรวม 4,000 บาท เท่ากับว่ารายได้ 2 ปีของบริษัทแห่งนี้ นับรวมอยู่ที่ 53.55 บาท

เมื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อเดือน เม.ย. 2556 มีนายศันสนะ สุริยะโยธิน ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 22 พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้น ต่อมาเมื่อปลายเดือน ม.ค. 2562 นายศันสนะ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ และไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทแห่งนี้ต่อ ขณะเดียวกันที่ตั้งของบริษัทแห่งนี้ ยังใช้ที่อยู่เดียวกับบริษัท เอ็ม อี พรีเมี่ยม แอ็คเคาน์ติ้ง จำกัด ที่สนับสนุนเงินระดมทุนด้วย 1 ล้านบาท

นายศันสนะ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราถึงกรณีนี้ว่า เคยเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นในบริษัท แบรนด์ดิ้ง โซลูชั่น จำกัด และบริษัท เอ็ม อี พรีเมี่ยม แอ็คเคาน์ติ้ง จำกัด จริง แต่ได้ลาออกเมื่อปลายเดือน ม.ค. 2562 เนื่องจากเพิ่งทราบว่าถูกพรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่อยากให้ชื่อบริษัทมายุ่งเกี่ยว และเกรงใจเพื่อนที่ก่อตั้งมาด้วยกัน เนื่องจากรับงานจากทางราชการ ส่วนเงินที่นำมาสนับสนุนโต๊ะจีน พปชร. นั้น เป็นเงินที่เพิ่งรับงานจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เมื่อเดือน มี.ค. 2561 จำนวนหลายล้านบาท จึงนำเงินในส่วนนั้นมาจ่าย (อ่านประกอบ : เบื้องลึก! บ.บริจาค พปชร.1ล. ผู้สมัคร ส.ส.เจ้าของเพิ่งลาออก-รับงานคมนาคมหลายล้านเอามาจ่าย)

อย่างไรก็ดีสำนักข่าวอิศราตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และจากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก ระหว่างวันที่ 1-31 มี.ค. 2561 แต่ไม่ปรากฏชื่อของบริษัท แบรนด์ดิ้ง โซลูชั่น จำกัด เป็นคู่สัญญาแต่อย่างใด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ในแผนกจัดซื้อจัดจ้าง ได้ทำการสืบค้นข้อมูลทั้งระบบแล้ว ไม่พบข้อมูลสัญญาระหว่างกรมการขนส่งทางบก กับบริษัทแห่งนี้แต่อย่างใด (อ่านประกอบ : สำรวจเว็บกรมขนส่งฯ ‘บ.แบรนด์ดิ้งฯ’ บริจาค พปชร. 1 ล. ได้งานหลายล้านจริงหรือ?)

สอง บริษัท อินไซท์ คอนซัลติ้ง รีเสิร์จ จำกัด สนับสนุนเงิน 2 ล้านบาท

บริษัทแห่งนี้ แจ้งงบการเงินเมื่อปี 2560 ระบุว่า มีรายได้ 1,703,321 บาท ขาดทุนสุทธิ 934,081 บาท แต่กลับสนับสนุนเงินระดมทุนโต๊ะจีน 2 ล้านบาท เบื้องต้นปรากฏข้อมูลว่า ช่วงเดือน ส.ค. 2561 บริษัทแห่งนี้ เคยเป็นคู่สัญญากับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นงานจ้างที่ปรึกษาปฏิบัติงานตามโครงการจ้างจัดกิจกรรมที่ปรึกษามืออาชีพ วงเงิน 1,584,655 บาท

ต่อมาสำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2562 บริษัทแห่งนี้ ได้ชนะการประกวดราคาจ้างกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพของการตลาด SMEs และผู้ให้บริการด้านไอทีด้วย Social Media วงเงิน 6,780,000 บาท
ข้าราชการระดับสูงในกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า การประมูลโครงการดังกล่าว มีเอกชนติดต่อเข้ามาขอซื้อซอง 32 ราย แต่กลับมีบริษัท คอนซัลติ้ง รีเสิร์จ จำกัด เพียงรายเดียวที่ยื่นซองเสนอราคา (อ่านประกอบ : ซื้อซอง 32 ราย แต่ยื่นราคาเจ้าเดียว! ขรก.กรมส่งเสริมอุตฯ แจงปม บ.บริจาค พปชร. คว้างาน 6.7 ล.)

อย่างไรก็ดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประกาศให้บริษัทแห่งนี้ชนะการประกวดราคาเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยข้อมูลรายชื่อผู้สนับสนุนเงินระดมทุนโต๊ะจีนไปแล้ว ดังนั้นเงินจำนวนนี้จึงไม่น่าจะเกี่ยวกับเงินจำนวน 2 ล้านบาทที่บริษัทแห่งนี้จ่ายเงินสนับสนุนโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ?

อย่างไรก็ดีที่ตั้งของบริษัทแห่งนี้ใช้ที่อยู่เดียวกับบริษัท เจ เอ็ม เค แอซเซ็ท จำกัด และบริษัท ไทยโพลี่ซีส จำกัด ทั้งสองแห่งสนับสนุนเงินระดมทุนโต๊ะจีนแห่งละ 3 ล้านบาท รวมเป็น 6 ล้านบาท (อ่านประกอบ : แกะรอยเงิน 2 ล้าน! บ.อินไซท์ฯ โชว์รายได้ปี60 ขาดทุน9แสน เอาจากไหนมาบริจาค พปชร.?)

สาม บริษัท เสรีสรรพกิจ จำกัด สนับสนุนเงิน 2 ล้านบาท

บริษัทแห่งนี้แจ้งงบการเงินระหว่างปี 2558-2560 มีรายได้รวมกันหลักแสนบาท แต่ขาดทุนรวมกันประมาณ 5.6 ล้านบาท แต่กลับสนับสนุนเงินระดมทุนโต๊ะจีนถึง 2 ล้านบาท เบื้องต้นนายพจน์ บุญดวงประเสริฐ กรรมการบริษัท เสรีสรรพกิจ จำกัด เคยให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงปี 2561 ได้วิจัยโดรนร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ และกระทรวงกลาโหม ได้กำไรพอสมควร จึงนำเงินส่วนนี้มาจ่ายค่าโต๊ะจีน และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อต้องการให้ประเทศสงบ (อ่านประกอบ : ได้งานทหารเพียบมีเงินพอ! เปิดตัว บ.เสรีสรรพกิจ บริจาค พปชร. 2 ล.-หนุนบิ๊กตู่ทำปท.สงบ)

เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เมื่อปี 2561 พบว่า บริษัท เสรีสรรพกิจ จำกัด เป็นคู่สัญญาหน่วยงานรัฐ รวม 12 รายการ วงเงิน 61.34 ล้านบาท โดยมี 4 สัญญาที่ทำกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) วงเงิน 54 ล้านบาทเศษ นอกจากนี้นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มี.ค. 2562) บริษัทแห่งนี้เป็นคู่สัญญารัฐ 45 รายการ วงเงิน 108.2 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการของกองทัพ (อ่านประกอบ : ก่อนจ่ายโต๊ะจีน พปชร. 2 ล.! ปี'61 บ.เสรีสรรพกิจได้งานวิจัยโดรน สทป. 4 สัญญา 54 ล.)

สี่ หจก.บีเคเค เทรดดิ้ง 2018 จำกัด สนับสนุนเงิน 3 ล้านบาท

หจก.แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ ประกอบธุรกิจขายส่งน้ำมันเชื้อเพลิง แจ้งงบการเงินระหว่างปี 2559-2560 มีรายได้รวม 6.8 หมื่นบาท และมีกำไรหลักหมื่นบาทเท่านั้น

นายกัมปนาท เอียวพันธ์ หุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ หจก.บีเคเค เทรดดิ้ง 2018 ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า เมื่อก่อนทำธุรกิจพลังงาน แต่เพิ่งเปลี่ยนมาขายข้าว และเพิ่งประมูลข้าวรัฐที่นครสวรรค์ได้ จึงย้ายมาทำธุรกิจที่นี่

เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พบว่า หจก.บีเคเค เทรดดิ้ง 2018 เป็นคู่สัญญากับองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ในการซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐที่มีข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน ซึ่งไม่สามารถนำไปปรับปรุงและไม่เหมาะสมสำหรับการบริโภคของคน จำนวน 157,833,000 บาท ลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2561 สิ้นสุดสัญญา 21 ก.พ. 2562

น่าสังเกตว่า หจก.แห่งนี้ มีรายได้ปี 2559-2560 รวมกันประมาณ 6.8 หมื่นบาท แต่กลับเข้าไปซื้อข้าวในสต็อกของรัฐที่มูลค่ากว่า 157 ล้านบาทได้ อย่างไรก็ดีนายกัมปนาทปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลในส่วนนี้ (อ่านประกอบ : ก่อนบริจาคเงิน พปชร. 3 ล.! หจก.บีเคเคฯ คู่สัญญาซื้อข้าวสต็อกรัฐ 'บิ๊กตู่' 157 ล.)

ห้า บริษัท สกายไฮ จำกัด สนับสนุนเงิน 1 ล้านบาท

บริษัทแห่งนี้ทุนปัจจุบัน 100 ล้านบาท รายได้ปี 2560 กว่า 1.2 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 851,070 บา นับตั้งแต่ปี 2559-2561 บริษัทแห่งนี้เป็นคู่สัญญารัฐ (รวมในส่วนเป็นกิจการร่วมค้ายิบอินซอย-สกายไฮ) รวม 6 สัญญา วงเงินพันล้านบาทเศษ

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ช่วงปี 2555-ปลายปี 2556 ปรากฎชื่อของนายเสมอกัน เที่ยงธรรม ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา บุตรชายนายจองชัย เที่ยงธรรม นักการเมืองชื่อดัง ที่เพิ่งย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจ และนายสกลธี ภัททิยกุล เข้าไปถือหุ้นร่วมกับบริษัท มาลาคี จำกัด ด้วย (ต่อมาเมื่อปี 2557 เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ บริษัท มาลาคี โฮลดิ้ง จำกัด (เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บี.วาย. โฮลดิ้ง จำกัด) เข้าไปถือหุ้นแทนบริษัท มาลาคี จำกัด)

นายสกลธี ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า ในช่วงนั้นทำธุรกิจขายเสื้อผ้าจากประเทศเกาหลี ต่อไม่เวิร์ค ขาดทุนจึงเลิกไป และขายหุ้นต่อให้กับนายเสมอกัน หลังจากนั้นไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับบริษัทแห่งนี้อีก ยืนยันไม่ได้เป็นนอมินีเพื่อสนับสนุนเงินโต๊ะจีน เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องบริจาคเงินของพรรค (อ่านประกอบ : เจาะ ‘สกายไฮ'ผู้บริจาค พปชร.1ล. ที่แท้ บ.เก่า ‘สกลธี’ -เจ้าตัวปัดเอี่ยวขายหุ้นนานแล้ว)

ทั้งนี้ในรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทแห่งนี้ นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2558 ปรากฎชื่อ Velocity Wealth INC (เวลล์โลซิตี้ เวลล์ อิ้งค์) นิติบุคคลสัญชาติไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้นส์ (British Virgins) ถือหุ้นด้วย 10%

อย่างไรก็ดีนายพนมกร ตังทัตสวัสดิ์ หรือแซน นักแสดงชื่อดัง ในฐานะกรรมการบริษัท สกายไฮ จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบกรณีสำนักข่าวอิศราเผยแพร่ข่าวแล้ว ขอปรึกษากับผู้บริหาร และทีมงานก่อน ส่วนประเด็นนิติบุคคลสัญชาติไอซ์แลนด์มาถือหุ้นนั้น ขอให้ข้อมูลทีเดียว เพื่อจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน (อ่านประกอบ : อยู่บริติชเวอร์จิ้นส์! แกะรอยทุนไอซ์แลนด์ถือหุ้น บ.สกายไฮ จ่ายโต๊ะจีน พปชร. 1 ล.)

นี่คือข้อเท็จจริงล่าสุดเกี่ยวกับ 5 เอกชนที่สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบ กรณีการจ่ายเงินสนับสนุนระดมทุนโต๊ะจีนให้กับพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และโต้โผจัดงานระดมทุน เคยให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่ทำให้ยอดเงินไม่ถึงตามที่คาดการณ์คือ 622 ล้านบาท แต่เหลือเพียง 352 ล้านบาท เนื่องจากมีบุคคล และนิติบุคคลหลายรายกังวลที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลของพวกเขา ทำให้ยังไม่มีใครจ่ายเงินระดมทุนเพิ่มเติมมาให้ (อ่านประกอบ : ไม่ถึงยอด!‘ณัฏฐพล’แจงโต๊ะจีน พปชร. 352 ล.ครบแล้ว-ที่เหลือจ่ายทีหลังหวั่น ‘อิศรา’ตีข่าว, ‘อิศรา’ถาม‘ณัฏฐพล’ตอบ! หลังฉากงานโต๊ะจีน ปิดยอด 352 ล.-ชื่อ‘คลัง-ททท-กทม’มาจากไหน?)

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2562 สื่อหลายสำนักรายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ระบุว่า การตรวจสอบกรณีพรรคพลังประชารัฐจัดเงินระดมทุนโต๊ะจีนยุติแล้ว เนื่องจากตรวจสอบไม่พบว่ามีบริษัทต่างชาติเป็นผู้สนับสนุนเงินระดมทุน จึงไม่ขัดต่อกฎหมายพรรคการเมืองแต่อย่างใด และเตรียมส่งเรื่องให้กรรมการ กกต. ต่อไป

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจ่ายเงินระดมทุนโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ดังนี้

หนึ่ง กรณีสำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบแผนผังการจัดงานระดมทุนโต๊ะจีน พบชื่อคล้ายหน่วยงานรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ คลัง ททท กทม อยู่ในผังงานด้วยรวม 33 โต๊ะ คิดเป็นมูลค่า 99 ล้านบาท (โต๊ะละ 3 ล้านบาท) อย่างไรก็ดีนายณัฏฐพล เคยชี้แจงผ่านสื่อ และชี้แจงย้ำกับสำนักข่าวอิศราว่า ผังดังกล่าวที่สำนักข่าวอิศรามี กับที่เขามี เป็นคนละชุดกัน ดังนั้นต้องดูในกระบวนการที่ได้มาซึ่งเอกสาร ส่วนคนระดมทุนจะเป็นใครมาจากไหน ผู้ใหญ่อย่างไร ตอบไม่ได้ รู้เท่าที่รู้ (อ่านประกอบ : ‘อิศรา’ถาม‘ณัฏฐพล’ตอบ! หลังฉากงานโต๊ะจีน ปิดยอด 352 ล.-ชื่อ‘คลัง-ททท-กทม’มาจากไหน?)

กกต. เคยเรียกออแกไนเซอร์ผู้จัดงานมาให้ถ้อยคำถึงประเด็นเหล่านี้หรือไม่ อย่างไร ? เพราะคนควบคุมงานต่าง ๆ ในวันจัดงานระดมทุนดังกล่าวคือออแกไนเซอร์แห่งหนึ่ง รวมถึงพนักงานจากเมืองทองธานีด้วย ดังนั้นบุคคลเหล่านี้ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า ในงานมีแขกเหรื่อใครมาหรือไม่มาบ้าง หากเชิญมาให้ถ้อยคำแล้ว ผลสรุปออกมาเป็นอย่างไร ?

สอง กรณีสำนักข่าวอิศราเปิดเผยข้อมูลบุคคล และนิติบุคคล รวม 84 รายการ 352 ล้านบาท รวมถึงตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างน้อย 5 บริษัทข้างต้น กกต. เคยตรวจสอบกระแสเงิน หรือว่าเส้นทางการเงินของบุคคล หรือนิติบุคคลเหล่านี้บ้างหรือไม่ ?

เพราะจากข้อเท็จจริงเห็นได้ว่ามีเอกชนหลายแห่งที่ล้วนเคยเป็นคู่สัมปทานรัฐ หรือคู่สัญญารัฐ เอาแค่อย่างน้อยเอกชน 7 แห่ง ที่เป็นคู่สัญญารัฐในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รวมกว่า 7.3 พันล้านบาท (อ่านประกอบ : แกะรอย 7 เอกชนตัวเล็ก? บริจาคงานโต๊ะจีน พปชร. คู่สัญญารัฐยุค'บิ๊กตู่' 7.3 พันล.)

ดังนั้น กกต. จำเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคล และนิติบุคคล เหล่านี้ให้ครบถ้วนด้วยว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจจริง หรือว่าเป็นเงินมาจากแหล่งอื่น และแหล่งอื่นที่ว่าคือแหล่งใด ใครเป็นคนให้ ? รวมถึงวัตถุประสงค์ที่สนับสนุนเงินให้พรรคพลังประชารัฐ คืออะไร ?

ทั้งหมดคือเงื่อนปม-ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับกรณี ‘โต๊ะจีน พปชร.’ ที่ยังไม่เห็นความคืบหน้าในการตรวจสอบจาก กกต. จนกระทั่งมาบอกว่า ยุติการสอบสวนแล้ว ?

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/