
ยาแผนปัจจุบันและยาสมัยใหม่ที่มาจากพืช
เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพและการรักษาโรคในยุคปัจจุบัน ผู้คนมีทางเลือกมากขึ้นกว่าในอดีต เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ทั้งวิธีการตรวจพบโรค กระบวนการรักษา ไปจนถึงยาที่ใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วย ซึ่งมีทั้งยาแผนปัจจุบันที่ผ่านการสังเคราะห์ทางเคมี และยาสมัยใหม่ที่มาจากพืชที่อาศัยองค์ความรู้แต่โบราณมาพัฒนาร่วมกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ น่าน เป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยภูมิปัญญาและพืชพรรณธรรมชาติ จึงได้กลายเป็นต้นแบบสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าสองศาสตร์นี้สามารถผสานรวมกันได้อย่างลงตัวและสร้างคุณประโยชน์ได้อย่างมหาสาร
คำนิยามของยาแต่ละชนิด
เมื่อพูดถึงคำว่า ‘ยา’ เราอาจนิยามได้ว่า เป็นวัตถุที่มีสารที่สามารถออกฤทธิ์ต่อร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อร่างกายทั้งในด้านการป้องกันอละรักษาโรค เสริมสุขภาพ หรืออาจไว้ในใช้ในการบำบัด บรรเทา และวินิจฉัยโรคทั้งในมนุษย์และสัตว์ โดยยาที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้นแบ่งออกได้หลายประเภท เช่น
1. ยาแผนปัจจุบัน
ยาที่สังเคราะห์ขึ้นจากสารเคมีในห้องปฏิบัติการ มักมีสารออกฤทธิ์เพียงชนิดเดียว และถูกออกแบบมาเพื่อรักษาอาการหรือกลไกของโรคที่เฉพาะเจาะจง
2. ยาสมัยใหม่ที่มาจากพืช
ยาที่พัฒนามาจากสารสกัดจากพืชธรรมชาติ แต่ผ่านกระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การควบคุมคุณภาพ และการผลิตที่ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับยาแผนปัจจุบัน ทำให้มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย
แม้ยาทั้งสองประเภทที่ยกตัวอย่างมาจะมีเป้าหมายเดียวกันคือการบรรเทาอาการและรักษาโรคต่าง ๆ แต่ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาสมัยใหม่ที่มาจากพืชก็มีความแตกต่างกันหลากหลายด้าน ทั้งกระบวนการผลิต วิธีการใช้งาน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลข้างเคียงต่อร่างกาย

ด้านกระบวนการผลิต
- ยาแผนปัจจุบัน :
ผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีการสังเคราะห์ขั้นสูง มีการควบคุมกระบวนการอย่างเข้มงวด ทำให้ได้สารออกฤทธิ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงและมีปริมาณคงที่ แต่ต้องอาศัยงบประมาณมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการทดลองทางคลินิกอย่างครอบคลุม นอกจากต้องลงทุนสูงแล้ว ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการควบคุมความบริสุทธิ์และความปลอดภัยของยา
- ยาสมัยใหม่ที่มาจากพืช :
กระบวนการผลิตเริ่มต้นจากการปลูกหรือเก็บเกี่ยวพืชที่มีสรรพคุณทางยาที่เป็นวัตถุดิบหลัก จากนั้นจึงนำมาสกัดและทำให้บริสุทธิ์ในโรงงานที่ได้มาตรฐาน แม้จะผ่านการแปรรูปแต่ก็ยังคงอิงกับวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ราก ใบ ดอก หรือเปลือกของพืช ฯลฯ โดยมุ่งเน้นให้คงสารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาไว้ได้มากที่สุด การผลิตแบบนี้ไม่เพียงลดการใช้สารเคมีสังเคราะห์ แต่ยังสามารถส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกพืชสมุนไพรเป็นวัตถุดิบได้อีกด้วย
ด้านการใช้งานและออกฤทธิ์ทางยา
- ยาแผนปัจจุบัน :
ส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบหลักเป็นสารเคมีที่สังเคราะห์ขึ้น เพื่อให้ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับโรคหรืออาการใดอาการหนึ่ง เช่น ยาปฏิชีวนะจะทำลายเชื้อแบคทีเรีย ยาแก้ปวดจะเข้าไปบล็อกการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปที่สมอง การใช้ยาแผนปัจจุบันจึงเห็นผลเร็วและชัดเจน
- ยาสมัยใหม่ที่มาจากพืช :
มักมีแนวทางการออกฤทธิ์ที่ซับซ้อนกว่า ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลายชนิดที่ทำงานร่วมกันเพื่อปรับสมดุลและฟื้นฟูการทำงานของร่างกายโดยรวม ทำให้การออกฤทธิ์อาจไม่รวดเร็วเท่ายาแผนปัจจุบันเท่าไหร่ ยาสมัยใหม่ที่มาจากพืชจึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคเรื้อรัง บำรุงร่างกาย หรือใช้ร่วมกับการรักษาหลักเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูระบบภายในร่างกาย
ผลกระทบและผลข้างเคียงต่อสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าการใช้ยาจะเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่ได้เล็งเห็นคือผลกระทบในการผลิตและใช้ยาที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและผลข้างเคียงที่อาจส่งผลต่อตัวเราเอง
สำหรับยาแผนปัจจุบัน แม้จะสามารถรักษาโรคและช่วยชีวิตคนไว้ได้มากมาย แต่ของเสียหรือสารเคมีที่ออกมาจากกระบวนการผลิต หากไม่ได้รับการจัดการที่ดีอาจเล็ดลอด ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติได้ ซึ่งจะกระทบต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายตามมา
ในทางกลับกัน การผลิตหรือการใช้ยาสมัยใหม่ที่มาจากพืชอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน แต่ก็มีความเสี่ยงจากอาการแพ้สารบางอย่างในพืชหรือการทำปฏิกิริยากับยาแผนปัจจุบันชนิดอื่นที่ใช้ร่วมด้วยได้
ยาแผนปัจจุบันและยาสมัยใหม่ที่มาจากพืช สองศาสตร์ที่เดินร่วมกันได้
แม้ยาแผนปัจจุบันและยาสมัยใหม่ที่มาจากพืชดูเหมือนอยู่คนละขั้วของการแพทย์ แต่เมื่อมองลึกลงไป ทั้งสองล้วนมีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเดียวกัน คือ ธรรมชาติ
ในจังหวัดน่าน แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎี หากแต่ปรากฏเป็นรูปธรรมในวิถีชีวิต การเรียนรู้ และการพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพที่สืบทอดต่อเนื่องมาหลายชั่วอายุคน จังหวัดน่านจึงกลายเป็นต้นแบบที่น่าสนใจในการนำภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว
- รากฐานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาการแพทย์ของชาวน่านที่สืบทอดกันมาโดยหมอเมืองและการบันทึกตำรายาโบราณในปั๊บสา ถือเป็นรากฐานสำคัญที่สอนเรื่องความสมดุลของร่างกายและธาตุทั้งสี่ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการแพทย์แบบองค์รวม
- การวิจัยและพัฒนา ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของน่าน ทำให้พืชที่มีสรรพคุณทางยาหลายชนิดเติบโตได้ดีเป็นพิเศษและมีปริมาณสารสำคัญที่เข้มข้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
- การพัฒนาและต่อยอดด้วยหญ้ายา การนำเอาพืชที่มีสรรพคุณทางยา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวน่าน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำสองศาสตร์มาผสานกัน นักวิจัยได้ร่วมมือกับชาวบ้านเพื่อศึกษาและพัฒนาพืชชนิดนี้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อยืนยันว่าพืชที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีเช่นนี้มีคุณค่าทางยาที่สามารถนำไปใช้รักษาได้ดีมากแค่ไหน
เมื่อวิทยาศาสตร์พิสูจน์ภูมิปัญญา
การนำวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์องค์ความรู้ดั้งเดิมในพื้นที่น่าน จึงไม่ใช่เพียงงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่คือการสร้างคุณค่าใหม่ให้มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ เพราะในความจริงแล้ว ยาแผนปัจจุบันจำนวนไม่น้อยก็ถือกำเนิดจากรากฐานของภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบต่อมาหลายศตวรรษ
เมื่อคนรุ่นใหม่ได้กลับมาศึกษาการใช้พืชรักษาโรคตามแนวคิดของหมอเมืองน่าน แล้วต่อยอดด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เราจึงเห็นภาพของสองศาสตร์ที่เดินไปด้วยกันแบบพึ่งพาได้จริง ผลลัพธ์คือความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับพืชที่มีสรรพคุณทางยาหรือหญ้ายาของชาวน่าน และความมั่นใจในการใช้ยาสมัยใหม่ที่มาจากพืชอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
ในวันนี้ หญ้ายาจึงไม่ได้เป็นเพียงพืชจากผืนป่าน่าน แต่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาและวิทยาศาสตร์ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าความรู้ดั้งเดิมของคนไทยยังสามารถเติบโตได้อย่างทรงคุณค่าในโลกยุคใหม่
ข้อมูลอ้างอิง
- ยาคืออะไร
- ยาแผนปัจจุบัน VS ยาจากพืช แบบไหนดีกว่ากัน
- 3 ตัวยาจากพืช ภูมิปัญญาในอดีตสู่ยาสมัยใหม่
- การแพทย์ไทยสมัยโบราณ
- การผลิตยารักษาโรค

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา