"...นางสาวกันตพิชญ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ได้รับเงินค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยจากบริษัท ฯ แต่กลับไม่นำเงินดังกล่าวที่อยู่ในความรับผิดชอบส่งต่อเจ้าหน้าที่การเงินเพื่อนำฝากธนาคาร ตลอดระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555 - 2565 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เฉพาะเดือนตุลาคม 2564) ที่ต้องจัดเก็บได้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,302,800 บาท..."
ในการแถลงข่าวผลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 8 และ ภาค 9 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยข้อมูลคดีชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดในพื้นที่จังหวัดภาคใต้หลายกรณี ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอข่าวไปแล้ว
นอกจากกรณี นายประจักษ์ ช่างเรือ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 2 ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กรณีนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนว่าเป็นรถประจำตำแหน่ง และ กรณี นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปัตตานี นำรถยนต์ส่วนกลาง ของ อบจ. ปัตตานี ไปใช้ส่วนตัวและเดินทางไปท่องเที่ยว ซึ่งมีการส่งสำนวนอัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลตามขั้นตอนกฎหมายไปแล้ว
- ป.ป.ช.ภาค 9 แถลงชี้มูลจนท.รัฐ 5 จว.ใต้-นายกอบจ.ปัตตานี เลื่อนรายงานตัวสู้คดี 7 ครั้ง
- ฉบับเต็ม! มติ ป.ป.ช.ชี้มูลผอ.สพป.ตรัง เขต 2 อมรถหลวงนาน 3 ปี -โกงเบิกน้ำมัน 2 แสน
- เจาะคดีดัง! นายกอบจ.ปัตตานี ใช้รถหลวงไปแรลลี่ สู้ยิบตาขออุทธรณ์-เลื่อนรายงานตัว 7 ครั้ง
ยังมีอีกหนึ่งคดีที่น่าสนใจ คือ กรณีกล่าวหา นายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเขาเจียก อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง กับพวก รวม 8 คน กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีจัดเก็บและนำส่งเงินค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 ถึงเดือนตุลาคม 2564 ไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการจนเป็นเหตุให้เทศบาล ตำบลเขาเจียกได้รับความเสียหาย จำนวน 4,212,800 บาท
สำนักข่าวอิศรา นำมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีนี้ เป็นทางการ มานำเสนอ ณ ที่นี้
@ พฤติการณ์ความผิด
สำนักงาน ป.ป.ช.พัทลุง ระบุพฤติการณ์ในการกระทำความผิดว่า เทศบาลตำบลเขาเจียก มีหน้าที่ต้องกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลในเขตเทศบาล โดยนายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร ในฐานะนายกเทศมนตรีตำบลเขาเจียก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งไปยังบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเท็ม จํากัด สาขาพัทลุง (ห้างเทสโก้โลตัส) เพื่อแจ้งให้มาชำระค่าธรรมเนียมที่เทศบาลตำบลเขาเจียก หรือชำระเป็นเช็ค
แต่ในขั้นตอนดังกล่าวนี้กลับปรากฏจากพยานหลักฐานว่า เมื่อบริษัท ฯ ได้รับหนังสือแจ้งการชำระค่าธรรมเนียมฯ แล้วได้ประสานมายังเทศบาลตำบลเขาเจียก เพื่อให้นางสาวกันตพิชญ์ ปิยะพงษ์ ตำแหน่ง คนงาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ในฐานะเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลเขาเจียก ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบให้จัดเก็บค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยในพื้นที่ดังกล่าวไปเก็บเงินค่าธรรมเนียมฯ ณ บริษัท ฯ โดยนางสาวกันตพิชญ์ฯ ได้ขออนุมัติเดินทางเพื่อไปรับเงินสดที่ฝ่ายการเงินของบริษัทฯ โดยได้รับการอนุมัติเดินทางไปราชการจากนางสาววนิดา เทพชุม ผู้อำนวยการกองคลัง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายประเสริฐ จันทร์แดง ปลัดเทศบาลตำบลเขาเจียก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในฐานะนายกเทศมนตรีตำบลเขาเจียกตามลำดับ
เมื่อเจ้าหน้าที่จัดเก็บจัดเก็บค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยแล้วเสร็จในแต่ละวันจะนำส่งเงินที่จัดเก็บได้พร้อมใบเสร็จรับเงินให้กับนางสาวกิตติมา ณ พัทลุง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ชำนาญการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 เพื่อตรวจนับตัวเงินว่าถูกต้องตรงกับสำเนาใบเสร็จรับเงินหรือไม่
เมื่อเห็นว่าถูกต้องครบถ้วนนางสาวกิตติมาฯ หรือนางสาวกันตพิชญ์ฯ จะเป็นผู้นำเงินฝากธนาคาร จากนั้นนางสาวกิตติมาฯ จะจัดทำใบนำส่งเงินแล้วส่งมอบใบนำส่งเงินพร้อมสำเนาใบนำฝากเงินของธนาคารให้กับนางสาวรชยาอร จันทร์แก้ว นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ซึ่งรับผิดชอบงานการเงินและบัญชี มีหน้าที่ตรวจสอบจำนวนเงินที่เจ้าหน้าที่จัดเก็บนำส่งพร้อมหลักฐานและนำเงินฝากธนาคาร ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย การรับเงินการเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชี
แต่กรณีดังกล่าวนั้นปรากฏพยานหลักฐานว่า นางสาวรชยาอรฯ ไม่ได้ตรวจนับตัวเงินสด แต่เพียงแค่ตรวจสอบเอกสารเท่านั้น เนื่องจากนางสาวกันตพิชญ์ฯ หรือนางสาวกิตติมาฯ จะเป็นผู้นำเงินสดไปฝากธนาคารก่อนแล้ว
ในการกระทำดังกล่าว นางสาวสมจิตร จิตเนียม หัวหน้าฝ่ายพัฒนารายได้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนางสมใจ ศรีลมุล หัวหน้าฝ่ายบริหารงานคลัง รักษาการหัวหน้าฝ่ายพัฒนารายได้ ผู้ถูกกล่าวหา ที่ 5 ในฐานะหัวหน้างาน มีหน้าที่ควบคุม กำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชา แต่กลับปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมดูแลและไม่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของนางสาวกิตติมาฯ และนางสาวกันตพิชญ์ ฯ
จนกระทั่งได้ปรากฏพยานหลักฐานจากการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 (จังหวัดนครศรีธรรมราช) ว่า การนำส่งเงินค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยรายบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเท็ม จํากัด สาขาพัทลุง (ห้างเทสโก้โลตัส) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 - เดือนตุลาคม 2564 นางสาวกันตพิชญ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ได้รับเงินค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยจากบริษัท ฯ
แต่กลับไม่นำเงินดังกล่าวที่อยู่ในความรับผิดชอบส่งต่อเจ้าหน้าที่การเงินเพื่อนำฝากธนาคาร ตลอดระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555 - 2565 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เฉพาะเดือนตุลาคม 2564) ที่ต้องจัดเก็บได้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,302,800 บาท
แต่นำส่งจำนวนเงินตามสำเนาต้นขั้วใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมเก็บและขนมูลฝอยทั่วไปของบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเท็ม จํากัด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2564 เพียง 3,090,000 บาท โดยไม่ได้นำส่งให้กองคลังเทศบาลตำบลเขาเจียกจนเป็นเหตุให้เทศบาลตำบลเขาเจียกเสียหาย จำนวน 67 รายการ เป็นจำนวน 4,212,800 บาท
@ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
นายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในฐานะนายกเทศมนตรีตำบลเขาเจียก ได้อนุมัติให้นางสาวกันตพิชญ์ ปิยะพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 เดินทางไปจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาพัทลุงในแต่ละเดือน ย่อมรู้ถึงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่งหรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
นายประเสริฐ จันทร์แดง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ในฐานะปลัดเทศบาลตำบลเขาเจียก และหัวหน้าเจ้าหน้าที่งบประมาณไม่ควบคุมตรวจสอบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวซึ่งเป็นแหล่งรายได้ของเทศบาลให้ถูกต้องครบถ้วน และนางสาววนิดา เทพชุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการกองคลัง กลับละเลยไม่ตรวจสอบการใช้บิลใบเสร็จ เป็นเวลานานถึง 10 ปี มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาลอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัยการให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ พ.ศ.2544 และประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบสวนการลงโทษทางวินัย พ.ศ.2558แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2563 ข้อ 10 วรรคสอง
นางสาวสมจิตร จิตเนียม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นางสมใจ ศรีลมุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 และนางสาวรชยาอร จันทร์แก้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ได้ปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงานของนางสาวกิตติมา ณ พัทลุง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนางสาวกันตพิชญ์ ปิยะพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 อันเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่เป็นเหตุให้เทศบาลตำบลเขาเจียก ได้รับความเสียหายข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลโดยเสียหายแก่ราชการตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัยการให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ พ.ศ.2544 และประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบสวน การลงโทษทางวินัย พ.ศ.2558แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2563 ข้อ 10 วรรคหนึ่ง
นางสาวกิตติมา ณ พัทลุง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการและฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาลอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัยการให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ พ.ศ.2544และประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบสวนการลงโทษทางวินัย พ.ศ.2558 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2563 ข้อ 7 วรรคสาม และข้อ 10 วรรคสอง
นางสาวกันตพิชญ์ ปิยะพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 กรณีกระทำความผิดก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 91 สำหรับการกระทำตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสียและฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับกำหนดให้ปฏิบัติจนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง พ.ศ.2547 และประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดพัทลุง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง พ.ศ.2547 แก้ไขเพิ่มเติมถึง ข้อ 49
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร นายประเสริฐ จันทร์แดง นางสาววนิดา เทพชุม นางสาวกิตติมา ณ พัทลุง และนางสาวกันตพิชญ์ ปิยะพงษ์ และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย กับนายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร นายประเสริฐ จันทร์แดง นางสาววนิดา เทพชุม นางสาวสมจิตร จิตเนียม นางสมใจ ศรีลมุล นางสาวรชยาอร จันทร์แก้ว นางสาวกิตติมา ณ พัทลุง และนางสาวกันตพิชญ์ ปิยะพงษ์ ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบลเขาเจียก ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ผลการต่อสู้คดีนี้ ในชั้นศาลจะออกมาเป็นอย่างไร ติดตามดูกันต่อไป