
‘สศช.’ เผยไตรมาส 4/67 มีผู้ว่างงาน 3.6 แสนคน คิดเป็น 0.88% ขณะที่ หนี้สินครัวเรือน ไตรมาส 3/67 ขยายตัวร้อยละ 0.7% แต่ไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาหนี้ที่ลดลง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/2567 ว่า พบความเคลื่อนไหวสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์การจ้างงานลดลงเล็กน้อย อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ หนี้สินครัวเรือน (ไตรมาสสาม ปี 2567) ขยายตัวในอัตราชะลอลง แต่หนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่แย่ลง สำหรับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวัง และการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
นายดนุชา กล่าวว่าสถานการณ์แรงงานไตรมาสสี่ ปี 2567 หดตัวลงเล็กน้อย จากการจ้างงานภาคเกษตรกรรมที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง ส่วนสาขานอกภาคเกษตรขยายตัวได้ โดยผู้ทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ
ไตรมาสสี่ ปี 2567 ผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 40.1 ล้านคน ลดลงจากไตรมาสสี่ ปี 2566 เล็กน้อยที่ร้อยละ 0.4 จากการลดลงอย่างต่อเนื่องของการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ร้อยละ 3.6
ขณะที่ภาพรวมสาขานอกภาคเกษตรกรรมยังขยายตัวได้ที่ร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเฉพาะสาขาโรงแรม/ภัตตาคารที่ขยายตัวร้อยละ 9.4 และสาขาการขนส่ง/เก็บสินค้าที่ขยายตัวตามการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น
ส่วนสาขาการผลิตขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.3 จากอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่การผลิตคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตยานยนต์ และการผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี
การจ้างงานยังหดตัวลงต่อเนื่อง ชั่วโมงการทำงานโดยรวมเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมและเอกชนอยู่ที่ 42.8 และ 47.3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตามลำดับ โดยผู้ทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 1.5 แต่ผู้เสมือนว่างงานและผู้ทำงานต่ำระดับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ที่ร้อยละ 1.9 และ 6.0 ตามลำดับ อัตราการว่างงานปรับเพิ่มขึ้น อยู่ที่ร้อยละ 0.88 หรือมีผู้ว่างงานจำนวน 3.6 แสนคน ซึ่งในกลุ่มที่เคยทำงานมาก่อนส่วนใหญ่ออกมาจากสาขาการผลิต และสาขาการขายส่ง/ขายปลีก
"ภาพรวมปี 2567 อัตราการมีงานทำ ปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 98.6 ทรงตัวจากปี 2566 โดยจำนวนผู้มีงานทำมีจำนวน 39.8 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่ร้อยละ 0.3 ขณะที่อัตราการว่างงานในปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 1.0"
นายดนุชา ระบุว่า ประเด็นด้านแรงงานที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญ ได้แก่
-
การกีดกันทางการค้าในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษีจากสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและการจ้างงาน ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งไทยยังมีประเด็นด้านการจัดการการค้ามนุษย์ ที่ได้รับการจัดอันดับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกาให้อยู่ในระดับ Tier 2 มาตั้งแต่ปี 2565
-
การตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างชาติ เพื่อป้องกันการทำงานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งแม้ว่าไทยจะมีมาตรการนำเข้าและต่ออายุแรงงานต่างด้าวตาม MOU แต่ยังพบการกระทำผิดของสถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก
-
แรงงานหญิงที่ตั้งครรภ์จำนวนมากยังไม่ได้ใช้สิทธิลาคลอดเต็มจำนวน โดยเฉลี่ยใช้เพียง 30 – 59 วัน จากสิทธิวันลาคลอดทั้งสิ้น 98 วัน เนื่องจากต้องการรายได้/โอที รวมทั้งการกลัวถูกลดโบนัส แม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะสนับสนุนให้บุตรได้ทานนมแม่ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือนก็ตาม

หนี้สินครัวเรือนในไตรมาส 3/67 ชะลอลงต่อเนื่อง
นายดนุชา กล่าวถึงหนี้สินครัวเรือนในไตรมาสสาม ปี 2567 ว่า ขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับคุณภาพสินเชื่อของครัวเรือนปรับลดลงต่อเนื่อง ในไตรมาสสาม ปี 2567 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 16.34 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าว ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 89.0 ซึ่งการปรับลดลงของสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ลดลง แต่เกิดจากการชะลอตัวของหนี้ครัวเรือนเมื่อเทียบกับอัตราขยายตัวของ GDP
ดังนั้น หากหนี้สินครัวเรือนและ GDP ขยายตัวในอัตราที่ต่ำทั้งคู่ต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือนและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนในระยะถัดไป ด้านคุณภาพสินเชื่อของครัวเรือนปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมูลค่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร มีจำนวน 1.16 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 8.46 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.01 ของไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภทสินเชื่อ ยกเว้นสินเชื่อเพื่อการเกษตร
นายดนุชา ระบุว่า ประเด็นหนี้สินครัวเรือนที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่
-
การประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้ที่มีปัญหาเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็ก จำนวน 2.1 ล้านบัญชี 1.9 ล้านราย แต่ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมไม่มาก
-
การสร้างความตระหนักรู้ทางการเงิน เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อจากภัยการเงิน เนื่องจากปัจจุบันพบมิจฉาชีพหลอกหลวงผ่านคำโฆษณาชวนเชื่อ อาทิ “ปิดหนี้ให้” “ไม่คิดดอก” “ดอกต่ำมาก” หรือเข้ามาช่วยปิดหนี้ให้แล้วชักชวนลงทุน ซึ่งสร้างความเสียหายต่อลูกหนี้เป็นจำนวนมาก
-
การติดตามความคืบหน้าการแก้ไข พ.ร.บ. ล้มละลายฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาหนี้ของลูกหนี้รายย่อย ให้สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูหนี้สิน โดยการเจรจาเพื่อไกล่เกลี่ยหนี้กับเจ้าหนี้หลายรายในคราวเดียว ซึ่งจะช่วยลดจำนวนลูกหนี้ที่จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องล้มละลายและถูกยึดทรัพย์

ฝุ่น PM 2.5 กระทบสุขภาพ ปชช.เพิ่มขึ้น
การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังในไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 เพิ่มขึ้น ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเพิ่มขึ้น และต้องให้ความสำคัญกับอัตราคลอดในวัยรุ่นอายุ 10 – 14 ปี ที่เพิ่มขึ้น และสูงเกินค่าเป้าหมาย
ไตรมาสสี่ ปี 2567 การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 จากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 1.5 เท่า เนื่องจากมีการระบาดต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสหนึ่งถึงไตรมาสสี่ สำหรับในภาพรวมปี 2567 พบผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 31.8 โดยเป็นผู้ป่วย
โรคไข้หวัดใหญ่สูงที่สุด
ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญในระยะต่อไป คือ 1) ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 พบผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับปัญหามลพิษทางอากาศมากถึง 12.3 ล้านราย และในปี 2568 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2568 มีจำนวนผู้ป่วยแล้ว 9.8 แสนราย และ 2) อัตราคลอดในวัยรุ่นอายุ 10 – 14 ปี ที่เพิ่มขึ้น และสูงเกินค่าเป้าหมายที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ในไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น
นายดนุชา กล่าวว่า มีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญคือ การจำหน่ายขนมที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์คล้ายบุหรี่ไฟฟ้า การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของสารเสพติดและสารอันตราย รวมทั้งการจูงใจให้ดื่มด้วยเงินหรือรางวัล
ไตรมาสสี่ ปี 2567 การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 โดยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ขณะที่การบริโภคบุหรี่ลดลงร้อยละ 0.7 สำหรับภาพรวมปี 2567 การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 จากปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ คือ การจำหน่ายขนมที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์คล้ายบุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มโอกาสในการทดลองบุหรี่ไฟฟ้าในอนาคต และการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของสารเสพติดและสารอันตราย รวมทั้งการจูงใจให้ดื่มด้วยเงินหรือรางวัล ที่อาจนำไปสู่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดที่ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงที่ไม่เหมาะสม
ต่อสุขภาพของประชาชน
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 ลดลง โดยประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การพนันผ่านการถ่ายทอดสด (Live) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ การตกเป็นเหยื่อลวงรักออนไลน์ (Romance Scam) และความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุของคนเดินเท้า
คดีอาญารวมเพิ่มขึ้น 17.6%
ไตรมาสสี่ ปี 2567 คดีอาญารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 เพิ่มขึ้นในทุกประเภทคดี ขณะที่ การรับแจ้งอุบัติเหตุทางถนน มีการรับแจ้งผู้ประสบภัยสะสมรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของผู้บาดเจ็บร้อยละ 4.7 ผู้เสียชีวิตร้อยละ 2.3 ขณะที่ผู้ทุพพลภาพลดลงร้อยละ 32.7
สำหรับภาพรวม ปี 2567 คดีอาญาเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 และการรับแจ้งอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ 1) การพนันผ่านการถ่ายทอดสด (Live) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ระบุว่า กว่าร้อยละ 49.6 พบเห็นการเล่นพนันบน Facebook และอีกร้อยละ 29.7 พบเห็นบน TikTok ซึ่งสามารถติดต่อเล่นพนันผ่าน Live ได้ทันที 2) การตกเป็นเหยื่อลวงรักออนไลน์ (Romance Scam) ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 – 2567 พบคดีหลอกให้รักแล้วโอนเงินจำนวน 4,781 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 1.6 พันล้านบาท โดยมิจฉาชีพมักใช้ช่องทางหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ และ 3) ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุของคนเดินเท้า ข้อมูลจาก THAI RSC ปี 2567 พบคนเดินเท้าประสบอุบัติเหตุสะสมทั่วประเทศจำนวน 21,961 ราย (เฉลี่ยวันละ 60 ราย/วัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากปี 2566 จึงต้องบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ขับขี่ให้เข้มงวด และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางเดินเท้าให้ปลอดภัยมากขึ้น
ร้องเรียน สคบ. เพิ่มขึ้น ขณะที่ผ่านสำนักงาน กสทช. ลดลง
ไตรมาสสี่ ปี 2567 การร้องเรียนด้านสินค้าและบริการผ่าน สคบ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.0 สินค้าออนไลน์ มีการร้องเรียนสูงสุด ขณะที่การร้องเรียนในกิจการโทรคมนาคมผ่านสำนักงาน กสทช. ลดลงร้อยละ 12.4 สำหรับปี 2567 การร้องเรียนโดยรวมลดลงร้อยละ 20.4 ทั้งจาก สคบ. และสำนักงาน กสทช.
ทั้งนี้ มีประเด็นที่ต้องติดตามและให้ความสำคัญ คือ 1) ความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลที่มาจากการใช้งานแอปพลิเคชันอันตราย โดยเฉพาะในรูปแบบที่ใช้ผลประโยชน์ล่อลวงผู้ใช้งาน อาทิ แอปพลิเคชันล่าเหรียญแลกเงิน Jagat ได้รับความนิยมในกลุ่มเด็กและเยาวชน จากการให้เงินรางวัลจูงใจมูลค่าสูง แต่มีความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พิกัดตำแหน่ง 2) การติดตามผลการบังคับใช้ พ.ร.ก. ไซเบอร์ (ฉบับใหม่) ในประเด็นการร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค การควบคุมแพลตฟอร์ม P2P โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่ไม่ได้จดทะเบียนในไทย และการติดตามตรวจสอบการใช้อำนาจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 3) การแพร่ระบาดของโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายทางออนไลน์ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พบการโฆษณาผิดกฎหมายถึงร้อยละ 97.0 ของโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งหมด
อ่านประกอบ :
- ‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 4/67 ขยายตัว 3.2% ทั้งปี 2.5%-คงคาดการณ์เศรษฐกิจ 68 โต 2.3-3.3%
- ‘สภาพัฒน์’เผยไตรมาส 3/67 ว่างงาน 4.1 แสนคน-‘หนี้เสีย’แตะ 1.16 ล้านล้าน ขยายตัว 12.2%
- ‘สภาพัฒน์’เผยจีดีพีไตรมาส 3/67 โต 3%-คาดทั้งปี 2.6% จับตาผลกระทบสหรัฐฯกีดกันทางการค้า
- สศช.เผย‘ว่างงาน’ไตรมาส 2/67 แตะ1.07% เพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังโควิด-NPLs หนี้ครัวเรือน 2.99%
- ‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 2/67 โต 2.3% คาดทั้งปี 2.3-2.8%-หนุน‘รัฐบาลใหม่’กระตุ้นเศรษฐกิจ
- ‘สศช.’ห่วงNPLสินเชื่อบ้านโต 12.4%-เผย'หนี้เสีย' 3 ใน 4 เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย
- ‘สศช.’เผยเศรษฐกิจไตรมาส 1/67 ขยายตัว 1.5% หั่นคาดการณ์ GDP ทั้งปีเหลือ 2-3%
- ‘สภาพัฒน์’เผยจ้างงานไตรมาส 4/66 โต 1.7%-‘หนี้เสีย’ครัวเรือน’แตะ 1.52 แสนล้าน เพิ่ม 7.9%
- ‘สศช.’เผยเศรษฐกิจไตรมาส 4/66 โตแค่ 1.7% ทั้งปีขยายตัว 1.9%-หั่นเป้าปี 67 เหลือ 2.2-3.2%
- 'สศช.'เผยไตรมาส 3/66 ค่าจ้างโต 9%-ว่างงาน 0.99% ห่วงลูกหนี้'รหัส 21'พุ่ง 4.9 ล้านบัญชี
- สศช.เผยGDPไตรมาส 3/66 โต 1.5% คาดทั้งปี 2.5%-ปีหน้า 2.7-3.7% ยังไม่รวมแจก'หมื่นดิจิทัล'
- ‘สศช.’เผยคนอายุน้อยกว่า 30 ปี‘หนี้เสีย’พุ่ง-ไตรมาส 2/66 ‘จ้างงานโต-ค่าจ้างแท้จริงเพิ่ม’
- เศรษฐกิจไทยโตต่ำคาด! สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 2/66 ขยายตัวแค่ 1.8%-หั่นเป้าทั้งปีเหลือ 2.5-3%
- จ้างงานโต-ว่างงานลด! ‘เลขาฯสศช.’ห่วงขึ้น‘ค่าจ้าง’เท่ากันทั้งปท.-ระเบิดเวลาหนี้ครัวเรือน
- สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 1/66 โต 2.7% คาดทั้งปี 2.7-3.7%-แนะ‘รบ.ใหม่’รักษาวินัยการเงินการคลัง
- 'สศช.'ห่วงคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มี'หนี้เสีย'บัญชีละ 7.7 หมื่น-ไตรมาส 4/65 ว่างงาน 4.6 แสนคน
- เศรษฐกิจโตต่ำคาด! ‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 4/65 ขยายตัว 1.4%-หั่นจีดีพีปี 66 เหลือ 2.7-3.7%
- ‘สศช.’หวั่นขึ้นค่าจ้าง 600 บ. กดดันอุตฯปลดคนงาน-รัฐปรับฐานเงินเดือน‘ขรก.’ทำภาระงบเพิ่ม
- เงินเฟ้อฉุด‘ค่าจ้างที่แท้จริง’ไตรมาส 3 หด 3.1%-สศช.ห่วงกลุ่มอายุ 41 ปีขึ้นไปหนี้เสียพุ่ง
- ‘สภาพัฒน์’ เผยจีดีพีไตรมาส 3/65 ขยายตัว 4.5% คาดทั้งปี 3.2%-มองปี 66 เศรษฐกิจโต 3-4%
- ‘สศช.’เผย ‘ผู้ว่างงาน’ ไตรมาส 2/65 ลดเหลือ 5.5 แสนคน-หนี้ครัวเรือน 89.2% ต่อจีดีพี
- บริโภคเอกชน-ท่องเที่ยวเร่งตัว! ‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 2/65 โต 2.5% มองทั้งปี 2.7-3.2%
- ‘สศช.’ เผยจีดีพีไตรมาส 1/65 ขยายตัว 2.2%-หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งปีเหลือโต 2.5-3.5%

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา